วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

ไปพักที่โรงแรม Kinugawa-gyoen (鬼怒川御苑ホテル)

พอดีว่าบริษัทสามีเราเขามีสวัสดิการ แบบมีแต้มสะสมให้ใช้ จะใช้ซื้อของก็ได้ จะไปเที่ยว พักโรงแรมก็ได้ตามแต่คะแนนที่สะสมมา (สถานที่หรือร้านที่ใช้ได้ มีระบุในสวัสดิการอีกที) พวกเราก็เลือกมาที่นี่ โรงแรม Kinugawa-gyoen  (鬼怒川御苑ホテル)แต่แต่แต่
สามีเราดันไปเลือกผิด เลือกเป็นห้องสูบบุหรี่ได้ (เลือกตอนห่วงนอน) เราเลยเตือนสามีเลย เวลาเหนื่อย ๆ หรือง่วงมาก ๆ พยายามอย่าตัดสินใจหรือเลือกทำอะไรนะช่วงนี้ เพราะจะผิดพลาดง่ายมาก 

ก่อนออกเดินทาง ก็ไปทำงานของที่โรงเรียน งาน PTA แล้วก็แวะ Nikko Toshogu (日光東照宮)แล้วก็มา Check in ที่โรงแรม

ป้ายหน้าโรงแรม

เราสามารถหยิบชุดยูคาตะเอาเองได้เลยจากชั้น 1 บริเวณเคาน์เตอร์เช็คอิน


แล้วก็หยิบชุดแปรงสีฟันเองจากจุดใกล้ ๆกัน






ห้อง 818 สำหรับ 3 คน (ผู้ใหญ่ 2 คน เด็ก 1 คน)






ฝักบัวตอนอาบจะทำเป็นน้ำอุ่น มันออกมาแต่น้ำร้อน เปิดน้ำเย็นก็ยังร้อน เลยต้องเลือกให้น้ำไหลจากก๊อกเงิน ๆ ยาว ๆ แต่อาบลำบากมาก ก็จะใช้กะละมังเล็ก ๆ รองน้ำอีกที

ส่วนอ่างอาบน้ำไม่มีปัญหาอะไร ซื้อผงใส่มาเรียบร้อย 


ตู้เย็นไม่มีน้ำฟรี 2 ขวดเหมือนบ้านเรา เป็นตู้เปล่า ๆ ที่เย็น


และที่นี่ไม่มีไดร์เป่าผมในห้อง (คงเพราะส่วนใหญ่ไปลงออนเซนกันหมด มีเรากับลูกไม่ได้ไป เลยลงไปขอยืมไดร์เป่าผมที่เคาน์เตอร์ตอนเช็คอิน แล้วตอนเช็คเอ้าท์ก็ต้องถือมาคืนเขาด้วย 
โรงแรมที่ญี่ปุ่นจะให้เช็คเอ้าท์ก่อน 10 โมง 


ค่าใช้จ่ายสำหรับการมาพักที่โรงแรมนี้ 1 คืน (รวมอาหารเย็น กับอาหารเช้า) 58,590 เยน (ตรงนี้ใช้สวัสดิการบริษัทเลยไม่ได้จ่ายเงินเอง) 
มาจ่ายเงินเองก็ตรงที่สามีไปเข้าออนเซน 2 ครั้ง ครั้งละ 150 เยน เป็น 300 เยน
































 

Nikko Toshogu (日光東照宮)

วันนี้มีแพลนไปค้างโรงแรม 1 คืน แต่ก่อน Check in ก็แวะไปที่  Nikko Toshogu (日光東照宮)กันก่อน ดีที่ซื้อตั๋วทัน ภายใน 15:30 อยู่ข้างในได้ถึง 16:00 ก็อยู่จนออกคนเกือบสุดท้าย เพราะมีคุณป้าคนนึงอยู่หลังพวกเราออกเป็นคนสุดท้าย โชคดีที่ยังทันได้ฟังเสียงร้องของมังกร (เจ้าหน้าที่เคาะไม้ให้ฟัง) โชคดีมาก ๆเจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าได้ฟัง ก็จะโชคดี

อยู่จนเจ้าหน้าที่บอกให้ออกได้แล้ว (ก็คือไล่นั่นแหล่ะ) แต่อยู่เป็นคนก่อนสุดท้ายก็ดีตรงที่จะถ่ายรูปตรงไหน คนก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ^^

ค่าเข้า

ผู้ใหญ่ (ชั้นม. ปลายขึ้นไป) คนละ 1300 เยน

เด็ก (ชั้นประถม ม.ต้น) คนละ 450 เยน

เด็กเล็ก ไม่ต้องเสีย





















วันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

แนะนำวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ

 เกือบทุกครั้งที่เรากลับเมืองไทย วัดที่เราจะต้องไปกราบไหว้ก็คือวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เรารู้จักวัดนี้เพราะโรงเรียนเราอยู่แถว ๆ นั้น เลยได้เห็นทุกวันเลยในช่วงนั้น ตั้งแต่มีแค่วัด เราไปบริจาคเลือดที่วัด (ของสภากาชาดไทย) มีบ้างที่ไปทำสมาธิ (ไม่ถึง 5 ครั้ง) ตอนนั้นทางวัดเริ่มมีการก่อสร้าง เหมือนจะก่อสร้างใหญ่มาก ๆ เรารู้แค่ว่าจะเป็นเจดีย์องค์ใหญ่ เราก็มีส่วนร่วมในการทำบุญนี้ด้วยนะ ^^ รู้สึกอิ่มใจ จนปัจจุบันมาที่วัดก็ได้มาเห็นสิ่งที่เราเคยเห็นครั้งเมื่อยังไม่เป็นรูปร่างสวยงามแบบนี้ ดูแล้วเป็นบุญตามาก ๆ ถ้าใครมีโอกาสไปแถวภาษีเจริญ ก็แนะนำเลยที่วัดปากน้ำ 

แล้วก็ไปกราบหลวงพ่อสดที่อีกอาคารนึง ขึ้นไปที่ชั้น 2 จะมีสรีระสังขารของหลวงพ่อ เรากราบไหว้ท่านแล้วใจสงบขึ้นมาก บรรยากาศจะเงียบมาก ๆ ใครอยากจะทำสมาธิ ก็ทำได้เลย สงบดีมากๆ 

หลังจากนั้นก็ไปให้อาหารปลาต่อ เดินทะลุทางวัดไปทางด้านหลังจะมีคลอง อาหารปลาก็มีขาย น้ำล้างมือก็มี ดีมาก ๆ 

วิธีไปก็ นั้ง BTS ลงสถานีวุฒากาศ ออกประตู 2 แล้วเรียกแท็กซี่ หรือวินมอเตอร์ไซด์ก็ได้

















วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

ลองสมัครพอร์ตหุ้นของธนาคารกสิกรไทย

 พอดีว่าเราเริ่มสนใจที่จะลงทุนในหุ้นดู แต่การที่จะเริ่มลงทุนได้ก็ต้องมีพอร์ตก่อน ซึ่งเราเป็นคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องการลงทุนสักเท่าไหร่ ตอนแรกที่ได้ยินคำว่า "พอร์ต" คืออะไร ทำยังไง เลยลองสอบถามคนที่รู้จักดู เขาก็บอกว่าจะต้องเปิดบัญชีกับหลักทรัพย์ก่อน แล้วทำยังไงอ่ะ เลยลองหาข้อมูลทางเน็ตดู ข้อมูลทางเน็ต มีเยอะมาก พูดถึงวิธีการ เยอะแยะมากมาย สรุปเราก็เลยมาสมัครบัญชีกับหลักทรัพย์กสิกรไทยดู 

วิธีการสมัครก็เข้าไปที่

หลักทรัพย์กสิกรไทย | KS Account Opening (kasikornsecurities.com)

กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน แล้วก็จะมีขั้นตอนยืนยันตัวตน (NDID)  ดีที่เราเคยไปทำการยืนยันตัวตนมาก่อนตอนอยู่ที่ไทยกับธนาคารแล้ว  ไม่งั้นเปิดไม่ได้แน่ ๆ 

สิ่งที่สำคัญในการจะเปิดบัญชีออนไลน์ในขณะที่เราอยู่ต่างประเทศ ก็คือการมีเบอร์มือถือของไทยเพื่อสามารถรับ SMS หรือ OTP เพื่อเข้าระบบ กับการที่มีธนาคารที่เราเคยไปยืนยันตัวตนแล้ว ก็สามารถสมัครเปิดบัญชีออนไลน์ได้ 

ของกสิกรไทยจะมีการโทรศัพท์มาเช็คตัวตนกับเราก่อน แล้วถึงจะอนุมัติการเปิดบัญชี ตอนที่อนุมัติก็จะส่งเลขที่บัญชีมาให้ที่อีเมล์ แล้วก็จะส่ง Password ตามมาให้อีกอีเมล์นึง หลังจากนั้นก็เข้าไปทำการเปลี่ยนแปลง Password เองได้ที่เว็บไซด์หลักทรัพย์กสิกรไทย

เราเข้าไปกรอกข้อมูลของกสิกร วันที่ 5 กุมภา สถานะตอนนั้นคือ รอการอนุมัติ

วันที่ 6 กุมภา มีเจ้าหน้าที่โทรเข้ามาที่เบอร์มือถือของไทย สอบถามข้อมูลส่วนตัว เสร็จ สถานะก็เป็นอนุมัติ

วันที่ 7 ได้รับอีเมล์แจ้งเลขที่บัญชี กับ Password 

ก็สามารถเทรดหุ้นได้เลย แต่ของกสิกรจะมีค่าธรรมเนียมต่อวัน 53.50 บาท 







วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2567

เกี่ยวกับข้อมูลภาษี Google Adsence กว่าจะอนุมัติ Ep.1

 หลังจากที่เรากลับมาเขียนบล็อกอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้ค่อยได้เขียนเลยประมาณ 10 ปีได้มั้ง ก็มาดูตรงรายได้ก่อนเลย จากตอนน้ันเขาเคยขึ้น 1 เยน ผ่านไปสักพักใหญ่ก็ 7 เยน แล้วหลังจากนั้นเราก็ไม่ได้มาเช็คอีกเลย

จนตอนนี้ ณ วันที่เรากลับมาเขียนบล็อกอีกครั้ง เข้ามาดูตรงรายได้ อยู่ที่ 2502 เยน ดีใจมาก ๆ มันทำให้มีแรงจูงใจในการเขียนบล็อกต่อไปมาก ๆ (แต่จริงๆ ถึงไม่มีรายได้ เราก็อยากเขียนบล็อกอยู่แล้ว เพราะเป็นความทรงจำอย่างหนึ่งของเรา) แต่ยังไม่มีการเข้าบัญชีเรานะ เพราะของญี่ปุ่นจะต้องครบ 8000 เยนก่อน ก็ยังอีกยาวไกล...

แต่ไหน ๆ จะเริ่มกลับมาเขียนแล้ว ในส่วนของรายได้ ก็ทำทุกอย่างให้ถูกต้องไปเลย เวอร์ชั่นของเราเป็นภาษาญี่ปุ่น 

หน้าจอก็ขึ้นมาแบบนี้ บอกให้ยื่นเอกสารภาษีสิงคโปร์ให้เร็วที่สุด 


จากนั้นเราก็เขาไปที่ お支払い(การชำระเงิน) เข้าไปที่ 設定を管理する

แล้วก็เข้าไปกรอกข้อมูล ตรงจุดไหนที่เราไม่รู้ว่าจะกรอกอะไร ก็ค้นหาจาก Google ก็มีคนมาเขียนเอาไว้เหมือนกันถึงวิธีการกรอก พอดีของเราทำไป ทำตามเขาก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ (เสียดายเลย จะได้แชร์วิธีการนั้น ๆ ได้) 

ก็มาตรงส่วนของภาษีสิงคโปร์ ซึ่งตอนแรกที่เขาให้ส่งเอกสารแนบไฟล์ไป เราก็ดูของคนญี่ปุ่นเขาจะส่ง マイナンバーカード (My number card) เราก็ถ่ายรูปบัตรนั้นจากมือถือแนบไฟล์ไปให้เขา  ก็มีเมล์แจ้งว่าได้รับแล้ว 

ผ่านไปประมาณ 2 - 3 วันได้ก็มีเมล์เข้า Gmail ว่าให้ส่งเอกสารเพิ่มเพราะ 6 ข้อนี้ 

6 ข้อนี้ก็จะบอกประมาณว่า หมดอายุ เป็นประเภทที่ไม่ได้รับอนุมัติ เกี่ยวกับเรื่องวันที่ออกเอกสาร  เป็นของประเทศที่ไม่ได้รับการอนุมัติ ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ ประมาณนี้ เราก็งง ๆ เลยค้นข้อมูลต่อ ก็จะเจอคนที่คล้าย ๆ กัน เขาเขียนบอกให้ส่งเอกสารนี้ด้วย 居住者証明書 (Application for Certificate of Residence in Japan)

รูปจาก Google

เอกสารที่ว่านี้สามารถเข้าไปที่เว็ปของ税務署ของญี่ปุ่น ปริ๊นท์ แล้วมากรอกไปยื่นได้


แล้วเราก็กรอกตามรูปด้านบน แล้วไปยื่นที่กรมสรรพากรที่เขตตัวเองสังกัดอยู่ สัก 2 วันกรมสรรพากรก็โทรมาว่าให้ไปรับเอกสารได้