วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ตั้งแต่ปีหน้า ค่าโทรศัพท์ ไฟฯ จะมีค่าธรรมเนียมจ่ายที่ร้านสะดวกซื้อ

ก่อนหน้านี้เคยจะเขียนว่าที่ญี่ปุ่นดีเนอะ เวลาไปจ่ายค่าน้ำ ไฟฯ ที่ร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11, Family Mart จะไม่มีค่าธรรมเนียม เพราะถ้าที่เมืองไทยจะเสียบิลละ 10 หรือ 15 บาทนี่แหล่ะ (เริ่มจำไม่ค่อยได้หล่ะ)

ยังไม่ทันจะได้เขียนเลย ก็มีจม. มาแจ้งว่าตั้งแต่ปีหน้าจะมีค่าธรรมเนียมถ้าไปจ่ายที่ร้านสะดวกซื้อ ไม่รู้แต่ละบริษัทจะเท่ากันหรือเปล่า อย่างค่าโทรศัพท์จะบิลละ 150 เยน แต่ถ้าหักผ่านบัญชีธนาคาร หรือบัตรเครดิต จะไม่มีค่าธรรมเนียม เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม

ตอนนี้เราก็กรอกเอกสารให้หักผ่านบัญชีของค่าไฟ กับค่าก๊าซ ส่งเรียบร้อยแล้ว
แต่ว่าเอกสารที่ว่า ถ้าเป็นที่เมืองไทยก็สามารถไปขอที่ธนาคารได้เลย แต่ที่นี่น่าจะไปขอที่ธนาคารก็ได้มั้ง แต่เราเลือกที่จะขอโดยตรงกับทางบริษัท เขาจะมีวิธีขอเอกสารหักผ่านบัญชี เราก็เข้าไปในเว็บไซด์ของเขา แล้วก็ทำตามขั้นตอนที่เขาบอกมา ประมาณวันสองวัน ก็จะมีเอกสารที่เราขอของแต่ละบริษัทส่งมาให้ที่บ้าน แล้วเราก็กรอกข้อมูล แล้วก็ส่งกลับไป ค่อนข้างยุ่งพอสมควรเนอะ เพราะถ้าเป็นที่เมืองไทย เราไปขอมาเก็บไว้หลาย ๆ ใบ เผื่อให้คนอื่น หรือเผื่อตอนที่ต้องการจะยกเลิกก็ได้ แต่ที่ญี่ปุ่นได้แค่ 1 ใบ เขียนผิดก็ต้องแก้ไขแล้วปั้มอิงคังเอา


วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ตรวจครบ 4 เดือน (ที่ Hoken Center)

ตรวจครบ 4 เดือนนี้จะไม่ได้ไปตรวจที่รพ. เพราะว่าช่วงต้นเดือน ต.ค. มีจม. จาก Hoken Center มา เนื้อความในจม. ก็จะประมาณว่าช่วง 4 เดือน ทารกสามารถทำอะไรได้บ้าง แล้วก็กำหนดวันเวลาให้พาทารกไปตรวจ แล้วด้านหลังจม. ก็จะมีแบบสอบถามให้เรากรอกว่า ลูกของเราทำแบบนี้ได้ไหม เช่น ชันคอได้หรือยัง หันตามเสียงเรียกได้หรือยัง ตาเคลื่อนไหวตามวัตถุได้มั้ย ประมาณนี้ แล้วก็จะมีให้เขียนตารางใน 1 วันว่า ให้นมลูกช่วงกี่โมง นอนกี่โมง ลูกอึฉี่กี่โมง ฯ

วันนี้ก็เลยพาไปตรวจ ให้คุณซูไปด้วย ไปช่วงฟัง ช่วยอธิบาย เพราะมีเหมือนกันที่อยากจะถามคุณหมอ อย่างเช่นปานที่แขน ที่หลังที่มีมาแต่เกิด ว่าอันตรายมั้ย

ไปถึงก็ยื่นกระดาษแบบสอบถาม + สมุดสุขภาพแม่และเด็ก จากนั้นก็รอเรียกชื่อ พอถึงคิวแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะถามเกี่ยวกับที่เราเขียนไป เราเขียนไปว่า เจ้าหนูตอนนี้ท้องเสีย พาไปหาหมอก็ยังไม่ดีขึ้น เจ้าหน้าที่ก็เลยถามว่าแล้วตอนนี้เป็นยังไง เราก็บอกว่าปริมาณอึลดลง แต่จำนวนครั้งที่อียังเหมือนเดิม แต่เจ้าหนูยังร่าเริงดี
แล้วก็มีถามเกี่ยวกับตัวแม่ ว่ามีปัญหาสุขภาพอะไรมั้ย เราก็บอกไปว่า ปวดหัวเข่า + ผมร่วงเยอะขึ้น
เจ้าหน้าที่ก็ทำหน้าตกใจ ถามเรากลับมาว่าเครียดหรือเปล่า เราก็งง ๆ สงสัยคนญี่ปุ่นไม่ค่อยมีปัญหาพวกนี้มั้ง เพราะเราเคยหาข้อมูลของไทย ก็มีคุณแม่หลายคนที่เป็นเหมือนเรานะ

พูดคุยเสร็จ ก็รอเรียก คราวนี้พาเจ้าหนูไปชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดรอบหัว ให้ถอดเสื้อ + แพมเพิสออกหมดเลย น้ำหนักที่ชั่งได้ 7950 กรัม ส่วนสูง 63.4 เซน รอบหัว 42.6

จากนั้นก็พาไปให้คุณหมอตรวจ คุณหมอก็จะตรวจใช้หูฟัง นวดท้อง กดขา ดูช่องปาก ดูหลัง แล้วก็บอกว่าปานนั้นน่าจะเป็นไฝ ไม่น่ามีปัญหาอะไร ปกติดี

พอตรวจกับคุณหมอเสร็จก็พาเจ้าหนูมาใส่เสื้อผ้า แล้วก็รอเรียก คราวนี้จะเป็นการอธิบาย (มีเอกสารให้) ถึงอาหารเสริมแล้ว ที่ญี่ปุ่น่จะให้เริ่มทานอาหารเสริมตั้งแต่เดือนที่ 5 ส่วนเดือนที่ 4 นี้จะเป็นช่วงเตรียมความพร้อมโดยการให้เว้นช่วงการให้นมลูกให้นานขึ้น เป็นให้ทุก ๆ 3 ชม. เพื่อที่จะได้ทานอาหารได้อร่อยมากขึ้น เพราะท้องว่างนั่นเอง
ส่วนพอเข้าเดือนที่ 5 ก็จะมาดูทารกแล้วว่ามีพัฒนาการไปถึงไหน คอแข็งแล้วหรือยัง, จับให้นั่งนั่งได้แล้วหรือยัง (ประคองไว้), ดูดนิ้ว งับของเล่นหรือยัง, มีความอยากอาหารหรือยัง ถ้ามีตามนี้แล้วก็ถือว่าโอเค
ก็จะมาเริ่มให้อาหารเสริม คือให้ข้าวต้มเละ ๆ แล้วก็ให้ด้วยช้อน  1 ช้อน  ซึ่งจะให้ตอนที่ทารกอารมณ์ดี แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยกำหนดช่วงเวลาการให้ ซึ่งแนะนำว่าควรให้ช่วงเช้า เพราะกระเพาะกำลังทำงานดี แล้วอีกอย่างถ้ามีอะไร จะได้พาไปหาหมอในช่วงบ่ายได้  แล้วก็ไม่ต้องปรุงรสอะไรลงไปในข้าวต้มนั้น

ในเนื้อหาเอกสารก็จะมีวิธีการทำข้าวต้ม วิธีการให้ทารกทานในเดือนที่ 5 เดือนที่ 6 จนถึง 1 ขวบ ว่าใน 1 วันให้ทานกี่ครั้ง ปริมาณเท่าไหร่  ให้ทานอะไรบ้าง

พออธิบายเสร็จก็รอเรียกอีกครั้ง เพื่อรอรับสมุดสุขภาพแม่และเด็กคืน เจ้าหน้าที่ก็จะอธิบายถึงสิ่งที่เรากังวล อย่างเจ้าหนูชอบดูดนิ้ว เขาก็บอกว่าช่วงนี้ทารกกำลังเรียนรู้ให้ดูดได้

พอได้สมุดคืนแล้วก็พาเจ้าหนูไปกินนม เพราะช่วงที่อธิบายถึงอาหารเสริมเจ้าหนูร้องหิวนม เสียงดังพอสมควร

ก็เป็นอันเสร็จตรวจครบ 4 เดือน ไม่มีค่าใช้จ่าย

ตรวจครบ 5 เดือน ก็ไปตรวจที่รพ. เหมือนเดิม