วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตรวจครรภ์ครั้งที่ 13 ที่โรงพยาบาลญี่ปุ่น (อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ 6 วัน)

วันนี้ไปโรงพยาบาลมีนัดตรวจครรภ์ครั้งที่ 13 (อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ 6 วัน) ครั้งนี้คุณซูไปด้วย ไปถึงโรงพยาบาลก็ยื่นบัตรนัด บัตรคนไข้ สมุดสุขภาพแม่และเด็ก สมุดช่วยค่าตรวจ บัตรประกันสุขภาพ พยาบาลก็บอกว่าคุณหมอที่ตรวจประจำอยู่ตอนนี้ติดผ่าตัดอยู่ (น่าจะติดผ่าคลอดอยู่อ่ะนะ) จะรอมั้ย ใช้เวลารอประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าไม่อยากรอก็สามารถตรวจกับคุณหมออีกคนนึงที่เป็นผู้ชาย คุณซูอยากให้ตรวจกับหมอคนเดิม แล้วเราก็ไม่ค่อยอยากตรวจกับคุณหมอผู้ชายเท่าไหร่ ก็เลยตัดสินใจรอ ระหว่างรอก็ไปวัดความดัน แล้วก็ไปเก็บปัสสาวะ ความดันที่วัดได้อยู่ที่ 112/73 (ครั้งที่แล้ว 126/71) จากนั้นก็นั่งรอเรียก พอเจ้าหน้าที่เรียกแล้วก็เข้าห้องตรวจ ชั่งน้ำหนักอยู่ที่ 70.0 (ครั้งที่แล้ว  69.2)

จากนั้นคุณหมอวัดช่วงท้องให้พยาบาลจดที่สมุด แล้วก็จับที่ขาเราแล้วก็พูดว่า Mukumi purasu (ในสมุดสุขภาพแม่และเด็ก ช่อง Mukumi ตรงเครื่องหมายที่เป็น + เลยมีทั้งปากกาสีดำกับสีแดงวง 2 วงเลย ก็น่าจะบวมอ่ะนะ เพราะเราดูแค่ตาเปล่าเท้าบวมเปล่งเลย เจ็บส้นเท้าด้วย 

จากนั้นก็มาซาวด์ดูหน้าจอ ครั้งนี้คุณหมอก็ให้ดูส่วนหัว วัดความกว้าง ยาว ให้ดูช่วงท้อง ดูช่วงขา แล้วก็บอกว่าเด็กตัวใหญ่ ไม่ได้ใหญ่เฉพาะส่วนนะ คือเป็นเด็กตัวใหญ่ อยากให้คลอดออกมาเร็ว ๆ 

แต่ว่าตอนนี้เด็กยังไม่กลับหัวเลย เพราะถ้าเด็กที่กลับหัวแล้ว ตำแหน่งของหัวใจจะอยู่ด้านล่าง แต่นี่ของเราตำแหน่งหัวใจของเจ้าหนูยังอยู่บน ๆ อยู่เลยอ่ะ จากนั้นคุณหมอก็ให้ฟังเสียงหัวใจเต้น

น้ำหนักของเจ้าหนูในวันนี้อยู่ที่ 2,925 กรัม (ขึ้นมา 395 กรัมใน 1 สัปดาห์ ขึ้นเยอะมาก ><) 

แล้วคุณหมอก็ให้ไปห้องสำหรับตรวจภายใน เพื่อจะได้ดูว่าเด็กตัวใหญ่ประมาณไหน แล้วอยู่ในตำแหน่งไหนแล้ว ตอนตรวจคุณหมอก็ให้สูดลมหายใจเข้า เข้า เจ็บสุด ๆ  ผลดูแล้วปรากฏว่าคุณหมอยังไม่เห็นว่าเด็กเลื่อนลงมาข้างล่างเลยอ่ะ 

คุณหมอเลยแนะนำแบบสีหน้าเครียดและจริงจังมากว่าให้พยายามเคลื่อนไหว อย่างถูพื้น (ถูแบบสมัยก่อนไม่ใช้ไม้ถู) ถึงท้องจะตึง ๆ ก็ให้พยายามทำ 

คุณหมอก็บอกว่าน้ำหนักของเด็กพอถึงกำหนดน่าจะอยู่ที่ 3,600 กรัมแน่ ๆ หรือถ้าไม่ถึงก็น่าจะเกิน 3,100 กรัม ก็เลยบอกอีกว่าให้พยายามขยับ ๆ ตัว เคลื่อนไหว

เป็นอันเสร็จการตรวจในครั้งนี้

ค่าตรวจในวันนี้ 2,370 เยน

นัดครั้งต่อไปอีก 1 สัปดาห์

อ้อ...ก่อนที่จะจ่ายเงินเจ้าหน้าที่ก็เอาเอกสารมาให้เราเขียนแล้วก็เซ็นด้วย เป็นเอกสารอะไรขอเขียนบล็อกต่อไปน้า

อาการในช่วงนี้ :

- เจ้าหนูยังดิ้นแรงเหมือนเดิม

- ตอนเช้าของบางวัน ขาเป็นตะคริว คราวนี้เป็นทั้ง 2 ข้างเลย

- การเข้าห้องน้ำกลางดึกบ่อยขึ้นจากตื่นขึ้นมา 1 ครั้ง เป็น 2 ครั้ง คุณซูบอกว่าอาจจะเป็นการเตรียมตัวเข้าโหมดตอนให้นมลูกที่ต้องตื่นขี้นมาบ่อย ๆ อืม...น่าจะจริงแหะ

- ปวดหลังมากขึ้น แล้วก็ปวดหน่วง ๆ บริเวณด้านล่าง

- ตกขาวยังมามากเหมือนเดิม




วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557

หนังสือสำหรับเจ้าหนู

จากการที่เราได้อ่านหนังสือหรือเว็บที่เกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กมา "แม่" จะเป็นผู้ที่มีบทบาทมากที่สุดในการเลี้ยงดูและสั่งสอนลูก เราชักกังวล ๆ ว่าเราจะทำได้หรือเปล่า
ขอบคุณพ่อกับแม่ของเรามาก ๆ ที่เลี้ยงพวกเรามาได้ดีขนาดนี้

ในยุคไฮเทคแบบนี้ เราจะได้ยินจากพี่ ๆ น้อง ๆ ว่าการเลี้ยงลูกยากมาก  การแข่งขันก็สูง เอาล่ะซิ ความเครียดสำหรับเราก็ตามมา ใคร ๆ ก็อยากให้ลูกตัวเองเก่งและฉลาด ภาษาอังกฤษเอย กีฬาเอย ดนตรีเอย ฯลฯ  (เครียดตั้งแต่ยังไม่ได้เลี้ยง 555)

อย่างเรื่องของภาษา ที่เราตั้งใจไว้ก็คือ ตัวเราเองจะใช้ภาษาไทย ส่วนภาษาญี่ปุ่นก็เป็นหน้าที่ของคุณซูไป บวกกับอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้เราก็คิดว่าภาษาญี่ปุ่นก็น่าจะได้ตามธรรมชาติ แต่กับภาษาไทยนี่สิ เจ้าหนูจะสนใจหรือเปล่า เพราะเราอยากให้ได้ทั้ง 4 ทักษะฟัง พูด อ่าน เขียนเลย

ภาษาอังกฤษก็อยากให้เจ้าหนูได้เหมือนกัน เพราะทุกวันนี้โลกเปิดกว้างมาก ๆ ความเป็นสากล ความเป็นอินเตอร์ฯ เข้ามามีบทบาทในชีวิตเราสูงมาก อย่างเราไม่ได้ภาษาอังกฤษ ทุกวันนี้ยังรู้สึกอยากเก่งภาษาอังกฤษจัง อยากพูดได้จัง อยากฟังอยากอ่านรู้เรื่องจังว่าเขาสื่ออะไร

ก็เลยเป็นที่มาของบล็อกบทความนี้ "หนังสือสำหรับเจ้าหนู" ก็ขอให้ตัวเราขยันสอน เจ้าหนูรับและเรียนรู้ด้วยน้า

วันนี้ไปซื้อมา ก็ดีเหมือนกันเราจะได้เรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นกับเจ้าหนูไปด้วยเลย อิอิ




ส่วนเล่มนี้ซื้อมาตอนท้องช่วงแรก ๆ เราก็อ่านให้ฟังได้แค่ช่วงนึง แต่ด้วยความที่เราไม่ใช่เจ้าของภาษา เลยไม่มั่นใจที่จะอ่านให้ฟัง ว่าออกเสียงถูกหรือเปล่า สำเนียงได้มั้ย  ก็เลยมีให้คุณซูช่วยอ่านให้บ้าง







ส่วนรูปล่างเราจะใช้อ่านให้ฟังเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นภาษาบ้านเกิดของเราเองอ่ะเนอะ
ซื้อตอนที่กลับไทยตอนปีใหม่ ไม่รู้ข้างบ้านจะบ่นหรือเปล่า เพราะขนาดคุณซูนอน ๆ อยู่ยังบอกว่าได้ยินเสียงเราเลย



ส่วนรูปล่างจะเป็นหนังสือสำหรับเราแต่ขอแทรกในบล็อกนี้ด้วย อิอิ

รูปล่างนี้ก็ได้คำแนะนำจากแม่ ๆ ทั้งหลาย ก็เลยได้รับ + ซื้อมาพร้อมกันตอนที่กลับไทย แต่ยังอ่านไม่จบซักเล่ม 555




และรูปล่างจะเป็นนิตยสารเกี่ยวกับเรื่องการตั้งครรภ์ การเลี้ยงลูกและเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องของที่นี่  ก็ดีเหมือนกัน บางอย่างที่ไทยแนะนำ ของญี่ปุ่นไม่มี ของญี่ปุ่นแนะนำ อะไรประมาณนี้  แต่ก็อ่านไม่จบสักเล่ม  555




นี่คงต้องเตรียมตัวที่จะเป็นคุณครูคนแรกของเจ้าหนูแล้วสินะ ^_^






วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ไปฟังคอร์สอบรมคุณแม่ของโรงพยาบาล ครั้งที่ 3 (เกี่ยวกับการคลอด, เตรียมของเข้าโรงพยาบาล, ชมห้องคลอด)

วันนี้มีอบรมคอร์สคุณแม่ของทางโรงพยาบาลครั้งที่ 3 จริง ๆ เราตั้งใจจะจองเข้าอบรมในเดือนที่แล้วแล้ว แต่ว่าของเดือนที่แล้วเต็ม ก็เลยมาของเดือนนี้ มาของเดือนนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะยังจำได้อยู่ว่าต้องทำอะไรบ้าง ถ้าเกิดเจ็บท้องคลอดขึ้นมา

พอถึงเวลาพยาบาลก็มาเปิดวีดีโอให้ดู วีดีโอนี้เหมือนของที่สำนักงานเขตเข้าเคยเปิดให้ดูเลย คือให้ดูว่าคลอดธรรมชาติคลอดยังไง หายใจแบบไหน ตอนที่หัวของทารกออกมาแล้วต้องหายใจยังไง ดูแล้วนึกถึงตอนของตัวเองว่าจะเป็นยังไง เสียว >< คงเจ็บน่าดู

พอดูเสร็จแล้ว พยาบาลก็จะพูดถึงว่า ถ้าเจ็บท้องขึ้นมาแล้ว ควรจะเข้าโรงพยาบาลตอนไหน ซึ่งถ้ามีอาการลักษณะแบบนี้คือสัญญาณที่ว่าใกล้จะคลอดแล้ว คือ
1. ในบางครั้งท้องจะเริ่มแข็ง
2. รู้สึกว่ามดลูกอยู่ต่ำลง
3. การดิ้นของทารกจะช้าลง
4. ปวดเอวปวดสะโพก
5. ปัสสาวะบ่อย
6. เจ็บท้องเตือน (คือปวดท้องแบบที่ไม่เคยปวดมาก่อน โดยปกติจะเริ่มมีอาการปวดตั้งแต่อายุครรภ์ที่ 35 ไปแล้ว) ซึ่งถ้าเจ็บท้องเตือนแล้ว  พยาบาลแนะนำว่าให้จดเวลาเอาไว้ การบีบตัวของมดลูกในช่วงนี้จะมากกว่า 6 ครั้งใน 1 ชั่วโมง หรือมากกว่า 1 ครั้งในทุก ๆ 10 นาที ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้แล้วนั่นก็หมายความว่าเป็นการเริ่มต้นของการคลอด
7. เจ็บท้องคลอด
8. จะมีเลือดออกมาเล็กน้อย  แบบเหนียว ๆ มาพร้อมกับตกขาว (ซึ่งก็คือสัญญาณเตือน)
9. น้ำคร่ำเดิน  จะเป็นลักษณะเดี๋ยวไหลเดี๋ยวหยุด กลิ่นจะออกเปรี้ยว ๆ ซึ่งถ้ามีน้ำคร่ำเดินแล้ว ให้ใส่ผ้าอนามัยแล้วโทรไปที่โรงพยาบาลก่อน แล้วเดินทางไปโรงพยาบาล

หมายเหตุ บางคนอาจจะมีน้ำคร่ำเดินก่อนที่จะเจ็บท้องคลอดก็ได้ ให้รีบไปโรงพยาบาล

ลำดับการคลอดจะมีด้วยกันอยู่ 3 ช่วงคือ
การคลอดระยะที่ 1 จะเริ่มตั้งแต่เจ็บท้องคลอด จนถึงปากมดลูกเปิดเต็มที่ที่ประมาณ 10 เซนติเมตร สำหรับคนที่คลอดเป็นครั้งแรก ระยะที่ 1 นี้จะใช้เวลาอยู่ที่ 10 - 12 ชั่วโมง  สำหรับคนที่เคยคลอดลูกมาแล้ว ระยะนี้จะใช้เวลาอยู่ที่ 5 - 6 ชั่วโมง

การคลอดระยะที่ 2 จะเริ่มตั้งแต่ปากมดลูกเปิดเต็มที่แล้ว จนถึงทารกคลอดออกมา สำหรับคนที่คลอดเป็นครั้งแรก ระยะที่ 2 นี้จะใช้เวลาอยู่ที่ 1 - 2 ชั่วโมง สำหรับคนที่เคยคลอดลูกมาแล้ว ระยะนี้จะใช้เวลาอยู่ที่ 30 นาที
ในช่วงที่หัวทารกออกมาแล้ว ให้หายใจแบบผ่อนคลาย ช้า ๆ

การคลอดระยะที่ 3 จะเป็นคลอดรกออกมา ซึ่งจะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 5 - 15 นาที

เจ้าหน้าที่ก็มีพูดถึงวิธีการหายใจในตอนคลอดด้วย แต่ ณ เวลานั้นแต่ละคนคงตื่น ๆ ทำอะไรไม่ถูก ซึ่งทางที่ดีที่สุดให้ฟังที่พยาบาลบอกว่า ตอนไหนให้หายใจเข้า ตอนไหนให้หายใจออก

ในการอบรมครั้งนี้ มีให้แนะนำตัวเองด้วย ให้บอกว่าชื่ออะไร กำหนดการคลอดเมื่อไหร่ ถ้ารวมเราด้วยแล้ว จะมีคนต่างชาติอยู่ 4 คน คือเรา (ไทย) คนจีน คนกัมพูชา แล้วอีกคนไม่รู้ชาติอะไรเพราะเขาไม่ได้บอกมา  ดีใจเหมือนกันที่มีคนต่างชาติมาคลอดที่นี่ จะได้มีเพื่อน

จากนั้นก็พูดถึงเรื่องประเภทการคลอด ซึ่งเราเคยเขียนไว้ในลิ้งค์ด้านล่างนี้
http://jipathajapan.blogspot.jp/2014/06/birth-plan.html
ซึ่งเราเลือกคลอดแบบธรรมชาติแล้วก็ให้สามีเข้าห้องคลอดด้วย ซึ่งใครที่ให้สามีเข้าห้องคลอดด้วย ก็จะมีการอบรมในเรื่องนี้อีกครั้งนึงในสัปดาห์หน้า ครั้งนี้คุณซูก็จะเข้าอบรมด้วย


ต่อมาก็พูดถึงเรื่องของที่ทางโรงพยาบาลเตรียมไว้ให้ตอนที่เข้าโรงพยาบาล โดยพยาบาลโชว์ถุงใหญ่มากให้ดู แล้วก็โชว์ของที่อยู่ในถุง ซึ่งเราก็เคยเขียนไว้ในลิ้งค์ด้านล่างนี้
http://jipathajapan.blogspot.jp/2014/03/blog-post_27.html

ก็คือที่เราจะเตรียมไปก็จะมีสมุดสุขภาพแม่และเด็ก บัตรประกันสุขภาพ บัตรต่าง ๆที่เกี่ยวข้อง  อิงคัง  เอกสารพวกใบเสร็จตอนที่จ่าย 1 แสนเยนเมื่อเดือนก่อน ๆ  ชุดชั้นใน (เพราะของที่โรงพยาบาลเตรียมให้คงไม่พอ)    เสื้อใส่ตอนออกจากโรงพยาบาล

ในช่วงที่อยู่โรงพยาบาล จะไม่ให้แต่งหน้า น่าจะรวมถึงไม่ให้ทาโลชั่นด้วยมั้งนะ
ส่วนของเด็กในตอนที่ออกจากโรงพยาบาล ก็ไม่ต้องเตรียมอะไรไปเหมือนกัน เพราะทางโรงพยาบาลเตรียมไว้ให้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นชุดตอนออกจากโรงพยาบาล ผ้าห่อตัวเด็ก แต่ถ้าใครจะมีชุดพิเศษสำหรับลูกจะไม่ใช้ชุดของทางโรงพยาบาล ก็สามารถแจ้งได้

สุดท้ายก็ให้ชมห้องคลอด ห้องพักฟื้น
ห้องที่เราเลือกจะเป็นห้องส่วนตัว ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ลักษณะของห้องก็จะมีเตียง โซฟา ห้องน้ำ อ่างล้างหน้า ลืมดูว่ามีพวกทีวี ตู้เย็นหรือเปล่า ส่วนที่อาบน้ำก็จะเป็นที่อาบรวม แยกออกไป

ส่วนห้องแบบที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ก็คล้าย ๆ ของที่เราเลือกแต่จะเพิ่มห้องอาบน้ำ อ่างล้างหน้าใหญ่ขึ้น ห้องกว้างขึ้น

นี่ก็ใกล้แล้วเนอะ พยาบาลบอกว่าอายุครรภ์ที่สามารถคลอดได้แบบไม่มีปัญหาก็คืออยู่ที่ 37 สัปดาห์เป็นต้นไป จนถึงที่ประมาณ 41 สัปดาห์ ก็ขอให้คลอดตามกำหนดเถิดนะ เพี้ยง















วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตรวจครรภ์ครั้งที่ 12 ที่โรงพยาบาลญี่ปุ่น (อายุครรภ์ 35 สัปดาห์ 6 วัน)

หลังจากที่นอนโรงพยาบาล 1 คืน ตอนเช้าคุณหมอมาตรวจก็ไม่มีอะไรสามารถกลับบ้านได้คุณซูก็ลางานมารับ พร้อมกับเอาชุดมาให้เปลี่ยน (เตรียมพร้อมดีมาก ๆ เลย) แต่ว่าพรุ่งนี้มีนัดตรวจครั้งที่ 12 เราก็เลยถามคุณหมอว่าให้มาอีกทีวันพรุ่งนี้เปล่า คุณหมอก็เลยให้ตรวจไปเลยทีเดียวในวันนี้ ดีใจจังเพราะคุณซูจะได้เห็นเจ้าหนูผ่านหน้าจอหลังจากที่ไม่ได้เห็นมาหลายครั้ง

ก็ยื่นบัตรนัด บัตรคนไข้ สมุดสุขภาพแม่และเด็ก สมุดช่วยค่าตรวจ บัตรประกันสุขภาพ จากนั้นก็ไปวัดความดัน แล้วก็ไปเก็บปัสสาวะ ความดันที่วัดได้อยู่ที่ 126/71 เพิ่มจากครั้งที่แล้ว จากนั้นก็นั่งรอเรียก พอเจ้าหน้าที่เรียกแล้วก็เข้าห้องตรวจ ชั่งน้ำหนักอยู่ที่ 69.2 (ครั้งที่แล้ว  69.0)

จากนั้นคุณหมอวัดช่วงท้องให้พยาบาลจดที่สมุด แล้วก็จับที่ขาเราแล้วก็พูดว่า Mukumi nashi  แล้วก็มาซาวด์ดูหน้าจอ ครั้งนี้คุณหมอก็ให้ดูส่วนหัว วัดความกว้าง ยาว แล้วก็บอกว่าเจ้าหนูหัวใหญ่นะเนี่ย อยากให้หนูคลอดออกมาเร็ว ๆ

จากนั้นดูส่วนที่เป็นกระดูกของขา ทุกอย่างปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร แล้วก็ให้ฟังเสียงหัวใจเต้น 

คุณหมอบอกว่าพยายามเดินออกกำลังกายให้มากขึ้น เพราะเจ้าหนูยังไม่กลับหัวเลย 

น้ำหนักของเจ้าหนูในวันนี้อยู่ที่ 2,530 กรัมกว่า ๆ พอตรวจซาวด์เสร็จ เราก็ถามคุณหมอเรื่องผล GBS ที่ตรวจไปเมื่อครั้งที่แล้ว คุณหมอบอกว่าเชื้อยังอยู่ ตอนคลอดจะให้ยาทางสายเลือด ซึ่งถ้าถึงเวลานั้น เดี๋ยวเรามาเขียนอีกทีว่าเป็นยังไง 

แล้วเราก็ถามคุณหมอว่า เด็กหัวใหญ่นี่ผิดปกติหรือเปล่า คุณหมอขำเล็กน้อย แล้วก็บอกว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่เนื่องจากว่าหัวของคนเราแต่ละคนมาจาก DNA ของพ่อกับแม่ (แล้วคุณหมอก็มองเรา แล้วก็มองคุณซู) เจ้าหนูน่าจะได้ทางพ่อมากกว่า ค่อยโล่งอกหน่อย 

ก็เป็นอันจบการตรวจในครั้งนี้

จากนั้นก็มีการเจาะเลือด ดูว่าเลือดจางหรือเปล่า เราได้ยินค่าตัวเลขอยู่ที่ 10.9 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์นิดเดียว พยาบาลเลยบอกให้เสริมอาหารที่มีธาตุเหล็ก (ไม่ได้ให้ยามาอ่ะ ให้ทานจากอาหารเอา) 

แล้วพยาบาลก็พูดถึงการเตรียมของ เตรียมตัวในการคลอดแบบคร่าว ๆ ให้ฟัง ซึ่งเรื่องนี้จะมีอบรมในวันมะรืนอยู่แล้ว เลยขอเขียนทีเดียวในบทความถัดไปนะ

ค่าตรวจในครั้งนี้ + ค่านอนโรงพยาบาล 1 คืน 15,810 เยน

นัดครั้งต่อไปอีก 1 สัปดาห์

อาการในช่วงนี้ :

- เจ้าหนูยังคงดิ้นแรงเหมือนเดิม ยิ่งถ้าคุณซูสะกิดเล่นด้วย เจ้าหนูก็ตอบรับทันทีบ้าง เว้นช่วงเวลาบ้าง แต่ตอบรับบางครั้งก็ทำเอาเราจุกแบบเจ็บ ๆ ก็มีนะ

- ตกขาวยังคงมามากเหมือนเดิม

- สายตายังคงสั้นเหมือนเดิม 

- เท้าบวม มือบวมมีบ้างที่ชา ๆ หน้าตารู้สึกโทรม ๆ ฝ้าที่แก้มชัดเจนเลย (ขอให้ฝ้าหายหลังจากคลอดด้วยเถิด)

- ช่วงตื่นลุกขึ้นจากที่นอน เป็นอะไรที่ปวดบริเวณเชิงกราน ปวดหลังสุด ๆ ต้องค่อย ๆ เดินแบบพยุงท้องไปด้วย 

 

 

วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2557

นอนโรงพยาบาล 1 คืน เพราะมีเลือดออก


วันนี้ออกไปซื้อของข้างนอกมา อาจจะเดินเยอะไปหน่อย บวกกับเท้าก็บวมอยู่แล้ว ตอนอาบน้ำก็เลยกะว่าจะแช่เท้าสักพักนึงให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้น
ระหว่างที่อาบน้ำก็นวดหน้าอกไปด้วย เพราะเคยอ่านเจอในหนังสือว่าถ้าเข้าเดือนที่ 10 (นับตามแบบของญี่ปุ่น) ให้พยายามนวดเต้านม เพื่อให้น้ำนมไหล  ตอนแรกที่นวด ๆ ก็ไม่มีอะไร แต่พอเราลงโอฟุโระ แช่แค่เท้า ระหว่างที่แช่ก็นวดหน้าอกอีก พร้อมกับบริหารเท้าด้วยการยกส้นเท้าขึ้นลง ขึ้นลง ประมาณ 10 ครั้ง แล้วก็ขึ้นจากโอฟุโระ เท่านั้นแหล่ะ เลือดไหลเป็นทางเลย คล้าย ๆ กับตอนที่ประจำเดือนมา สีแดง ไหลไม่หลุดเลย เราตกใจมาก เรียกคุณซู พอคุณซูเห็นรีบโทรไปโรงพยาบาลแจ้งอาการทันที
ทางพยาบาลคงถามมาว่า มีอาการปวดท้องร่วมด้วยมั้ย ซึ่งตอนนั้นไม่มีอาการปวดท้อง ท้องไม่ตึง มีแต่เลือดไหลอย่างเดียว คุณซูก็เลยบอกว่า "ให้แต่งตัว ใส่ผ้าอนามัยด้วย เดี๋ยวเขาไปเอารถมาก่อน ไม่ต้องร้องไห้ทำใจสบายๆเพราะเดี๋ยวส่งผลถึงเด็กด้วยนะ (คือตอนนั้นเรานึกอยู่ในใจเลยว่าเป็นความผิดของเราเลย ที่นวดหน้าอก บริหารเท้า เลยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ กลัวลูกเป็นอะไรด้วย...)"
เราก็แต่งตัว เตรียมกางเกงในสำรอง ผ้าอนามัยสำหรับเปลี่ยน สมุดแม่และเด็ก บัตรต่าง ๆ รอคุณซูมารับ ซึ่งตอนนั้นก็ประมาณ 4 ทุ่มกว่า ๆ แล้ว ไปถึงโรงพยาบาลก็ประมาณ 4 ทุ่มครึ่งได้ โรงพยาบาลก็ปิดประตูใหญ่แล้ว เรากับคุณซูต้องกดกริ่ง เจ้าหน้าที่ถึงเปิดประตูให้

จากนั้นเราก็เข้าห้องที่มีเตียงสำหรับคลอด แล้วพยาบาลก็เอาเครื่องมาวัดการเต้นของหัวใจทารก แล้วก็ดูว่าท้องตึงหรือเปล่า เครื่องจะแสดงออกมาเป็นกราฟ  ระหว่างที่รอคุณหมอมา กราฟในส่วนของการเต้นของหัวใจทารกปกติ ทารกแข็งแรงดี ส่วนกราฟที่แสดงการตึงของท้อง มีช่วงแรกที่พุ่งสูง แต่หลังจากนั้นก็ลดลงเป็นปกติ รอคุณหมออยู่นานพอสมควร พอคุณหมอมา คุณหมอถามว่าเลือดออกจากตรงไหน ซึ่งเราก็บอกว่าเหมือนประจำเดือนมา คุณหมอก็งง เพราะเลือดไม่ไหลแล้ว ตรวจที่ช่องคลอดก็ไม่มีวี่แววว่าจะคลอด ใช้เครื่องตรวจดูภายในก็ปกติดี คุณหมอก็เลยบอกว่าไม่มีอะไร สามารถกลับบ้านได้ หรือว่าจะนอนดูอาการก่อนก็ได้

เราก็เลยปรึกษาคุณซู คุณซูให้นอนดูอาการก่อนดีกว่า ก็ตามนั้น แต่งงว่าแล้วเลือดนั้นมาจากที่ไหน???
แต่ระหว่างที่รอคุณหมอ เราก็บอกกับพยาบาลว่าตอนอาบน้ำ เรานวดเต้านม พยาบาลก็เลยบอกว่าไม่ควรที่จะนวดบริเวณนั้น เพราะจะทำให้มดลูกบีบตัว พอฟังปุ๊บ ใช่ที่เราคิดจริง ๆ ด้วย ต่อไปนี้ไม่ทำแล้ว
กลัวเป็นเหมือนวันนี้

พอตอนเช้าคุณหมอที่ตรวจเราอยู่ประจำ ก็มาตรวจอีกที ก็บอกว่าช่องคลอดก็ไม่ได้เปิด ปกติดี เลือดนั้นน่าจะมาจากก้น (แต่เราไม่ได้เป็นริดสีดวงนะ) เอาเป็นว่าปลอดภัย ก็โอเคแล้วหล่ะ

วันถัดไปจะมีนัดตรวจครั้งที่ 12 ก็เลยถามคุณหมอว่าให้มาอีกครั้งวันรุ่งขึ้นหรือเปล่า คุณหมอก็เลยให้ตรวจในวันนี้เลย

ค่ารักษาในวันนี้เลยไปคิดรวมกับตรวจครั้งที่ 12