วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ตรวจครบ 4 เดือน (ที่ Hoken Center)

ตรวจครบ 4 เดือนนี้จะไม่ได้ไปตรวจที่รพ. เพราะว่าช่วงต้นเดือน ต.ค. มีจม. จาก Hoken Center มา เนื้อความในจม. ก็จะประมาณว่าช่วง 4 เดือน ทารกสามารถทำอะไรได้บ้าง แล้วก็กำหนดวันเวลาให้พาทารกไปตรวจ แล้วด้านหลังจม. ก็จะมีแบบสอบถามให้เรากรอกว่า ลูกของเราทำแบบนี้ได้ไหม เช่น ชันคอได้หรือยัง หันตามเสียงเรียกได้หรือยัง ตาเคลื่อนไหวตามวัตถุได้มั้ย ประมาณนี้ แล้วก็จะมีให้เขียนตารางใน 1 วันว่า ให้นมลูกช่วงกี่โมง นอนกี่โมง ลูกอึฉี่กี่โมง ฯ

วันนี้ก็เลยพาไปตรวจ ให้คุณซูไปด้วย ไปช่วงฟัง ช่วยอธิบาย เพราะมีเหมือนกันที่อยากจะถามคุณหมอ อย่างเช่นปานที่แขน ที่หลังที่มีมาแต่เกิด ว่าอันตรายมั้ย

ไปถึงก็ยื่นกระดาษแบบสอบถาม + สมุดสุขภาพแม่และเด็ก จากนั้นก็รอเรียกชื่อ พอถึงคิวแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะถามเกี่ยวกับที่เราเขียนไป เราเขียนไปว่า เจ้าหนูตอนนี้ท้องเสีย พาไปหาหมอก็ยังไม่ดีขึ้น เจ้าหน้าที่ก็เลยถามว่าแล้วตอนนี้เป็นยังไง เราก็บอกว่าปริมาณอึลดลง แต่จำนวนครั้งที่อียังเหมือนเดิม แต่เจ้าหนูยังร่าเริงดี
แล้วก็มีถามเกี่ยวกับตัวแม่ ว่ามีปัญหาสุขภาพอะไรมั้ย เราก็บอกไปว่า ปวดหัวเข่า + ผมร่วงเยอะขึ้น
เจ้าหน้าที่ก็ทำหน้าตกใจ ถามเรากลับมาว่าเครียดหรือเปล่า เราก็งง ๆ สงสัยคนญี่ปุ่นไม่ค่อยมีปัญหาพวกนี้มั้ง เพราะเราเคยหาข้อมูลของไทย ก็มีคุณแม่หลายคนที่เป็นเหมือนเรานะ

พูดคุยเสร็จ ก็รอเรียก คราวนี้พาเจ้าหนูไปชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดรอบหัว ให้ถอดเสื้อ + แพมเพิสออกหมดเลย น้ำหนักที่ชั่งได้ 7950 กรัม ส่วนสูง 63.4 เซน รอบหัว 42.6

จากนั้นก็พาไปให้คุณหมอตรวจ คุณหมอก็จะตรวจใช้หูฟัง นวดท้อง กดขา ดูช่องปาก ดูหลัง แล้วก็บอกว่าปานนั้นน่าจะเป็นไฝ ไม่น่ามีปัญหาอะไร ปกติดี

พอตรวจกับคุณหมอเสร็จก็พาเจ้าหนูมาใส่เสื้อผ้า แล้วก็รอเรียก คราวนี้จะเป็นการอธิบาย (มีเอกสารให้) ถึงอาหารเสริมแล้ว ที่ญี่ปุ่น่จะให้เริ่มทานอาหารเสริมตั้งแต่เดือนที่ 5 ส่วนเดือนที่ 4 นี้จะเป็นช่วงเตรียมความพร้อมโดยการให้เว้นช่วงการให้นมลูกให้นานขึ้น เป็นให้ทุก ๆ 3 ชม. เพื่อที่จะได้ทานอาหารได้อร่อยมากขึ้น เพราะท้องว่างนั่นเอง
ส่วนพอเข้าเดือนที่ 5 ก็จะมาดูทารกแล้วว่ามีพัฒนาการไปถึงไหน คอแข็งแล้วหรือยัง, จับให้นั่งนั่งได้แล้วหรือยัง (ประคองไว้), ดูดนิ้ว งับของเล่นหรือยัง, มีความอยากอาหารหรือยัง ถ้ามีตามนี้แล้วก็ถือว่าโอเค
ก็จะมาเริ่มให้อาหารเสริม คือให้ข้าวต้มเละ ๆ แล้วก็ให้ด้วยช้อน  1 ช้อน  ซึ่งจะให้ตอนที่ทารกอารมณ์ดี แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยกำหนดช่วงเวลาการให้ ซึ่งแนะนำว่าควรให้ช่วงเช้า เพราะกระเพาะกำลังทำงานดี แล้วอีกอย่างถ้ามีอะไร จะได้พาไปหาหมอในช่วงบ่ายได้  แล้วก็ไม่ต้องปรุงรสอะไรลงไปในข้าวต้มนั้น

ในเนื้อหาเอกสารก็จะมีวิธีการทำข้าวต้ม วิธีการให้ทารกทานในเดือนที่ 5 เดือนที่ 6 จนถึง 1 ขวบ ว่าใน 1 วันให้ทานกี่ครั้ง ปริมาณเท่าไหร่  ให้ทานอะไรบ้าง

พออธิบายเสร็จก็รอเรียกอีกครั้ง เพื่อรอรับสมุดสุขภาพแม่และเด็กคืน เจ้าหน้าที่ก็จะอธิบายถึงสิ่งที่เรากังวล อย่างเจ้าหนูชอบดูดนิ้ว เขาก็บอกว่าช่วงนี้ทารกกำลังเรียนรู้ให้ดูดได้

พอได้สมุดคืนแล้วก็พาเจ้าหนูไปกินนม เพราะช่วงที่อธิบายถึงอาหารเสริมเจ้าหนูร้องหิวนม เสียงดังพอสมควร

ก็เป็นอันเสร็จตรวจครบ 4 เดือน ไม่มีค่าใช้จ่าย

ตรวจครบ 5 เดือน ก็ไปตรวจที่รพ. เหมือนเดิม






วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

พาเจ้าหนูไปหาหมอ (ท้องเสีย)

เจ้าหนูท้องเสียตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. ผ่านมาเกือบจะอาทิตย์ ยังไม่ดีขึ้นแต่ก็ยังแข็งแรง ร่าเริงดี แต่ว่าพาไปหาหมอดีกว่า เพราะเป็นนานเกิน แล้วอีกอย่างดูจากสีของอึ ช่วงแรก ๆ ก็ยังเป็นสีเหลืองเหมือนปกติ แต่พอมาช่วงหลัง ๆ สีเริ่มเปลี่ยนเป็นออกเขียว ๆ เหม็นด้วย (ถ้าปกติอึจะไม่เหม็น)  ซึ่งวันนี้ก็ไปอ่านเจอว่าช่วงนี้เด็กจะติดเชื้อไวรัสได้ง่าย เพราะอากาศหนาว + มีรูปสีของอึให้ดู ใช่เลยเจ้าหนูท้องเสีย

พาไปหาหมอ คุณหมอก็ตรวจ ๆ แล้วก็บอกว่ามีเชื้อไวรัส แต่ว่าวัดอุณหภูมิร่างกายแล้ว (37.4) ไม่มีไข้ ก็จะเป็นแบบนี้ประมาณ 1-2 อาทิตย์ก็จะดีขึ้น ก็เลยให้ยามา จะมี 2 ตัว คือน้ำเกลือ กับอีกตัวน่าจะเป็นแก้ท้องเสีย

1.ผงน้ำเกลือ ผสมน้ำ 100 มล. (ソリタ-t配合顆粒3号)

2. แก้ท้องเสีย (ปรับสภาพลำไส้) (ラックビー微粒N)

แล้วก็ให้คุณหมอดูตุ่มเม็ดแดง ๆ ใต้คางเจ้าหนู จะมี 3 เม็ดเรียงกัน คุณหมอก็เลยจัดยาทามาให้อีก 1 ตัว



ก็เป็นอันตรวจเสร็จเรียบร้อย รอเรียก พอเจ้าหน้าที่เรียกแล้วก็รับยา แต่ไม่ต้องเสียค่ารักษากับค่ายา ดีจัง แต่ไม่อยากใช้ระบบนี้เท่าไหร่ เพราะถ้าใช้ก็หมายถึงเจ้าหนูไม่สบายนี่เอง



วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

พัฒนาการ 3 เดือน - 4 เดือน (6 Oct - 5 Nov)

-10/8 พลิกหงายได้ แต่ยังพลิกคว่ำเองไม่ได้
-10/8 เริ่มนวดหัวตาให้ เพราะว่าน้ำตาไหล
-10/10 เริ่มเป็นผดที่หน้าผาก, แก้ม
-10/9 เอามือสัมผัสของได้แล้ว เลื่อนไปมาได้
-ช่วงนี้ชอบมองกำปั้นตัวเอง
-ยังคงเอากำปั้นเข้าปาก น้ำลายไหล
-ชอบร้องเสียงดังบ่อยขึ้น ส่งเสียงเรียก
-10/13 ทำท่าปั่นจักรยานได้
-คิ้วเป็นรูปเป็นร่าง เริ่มดำขึ้น
-ขนหน้าแข้งเริ่มขึ้น มีหนวดด้วย
-เอามือประสานกันได้แล้ว
-สนใจมองมือตัวเองมากขึ้น
-ชอบยกมือขวา ชูกำปั้นขึ้นแล้วก็มอง
-ส่งเสียงร้องตอนที่อยากให้อุ้ม (ก็เกือบตลอดทั้งวันอ่ะนะ)
-จับทำท่าตะแคง ก็ทำให้พลิกคว่ำเองได้แต่ไม่บ่อย
-11/4 ท้องเสีย สีเหลือง เหม็น มีผื่นแดงที่ก้น เป็นตลอดถึง 12/1 ถามแม่ แม่บอกว่าเด็กยืดตัว
-11/5 มีขี้ตาแล้ว ตาข้างซ้าย

-ใส่เสื้อไซส์ 60, 70, 80

วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

รวมกลุ่มลูกที่รุ่นเดียวกันครั้งที่ 3

วันนี้มีนัดรวมกลุ่มลูกที่รุ่นเดียวกัน ครั้งที่ 3 ที่ Hoken Center พอไปถึงก็จะมีแม่ ๆ ที่พาลูก ๆ มานั่งเรียงกัน เราก็จะเห็นพัฒนาการของลูกคนอื่น ๆ ว่าเป็นยังไงแล้ว

พอถึงเวลา เจ้าหน้าที่ก็จะมาถามว่าช่วงนี้ลูก ๆ เราเป็นยังไงกันบ้าง เราก็ตอบไปว่า เจ้าหนูเอาแต่ดูดนิ้ว ซึ่งลูกของคนอื่น ๆ ก็เป็นเหมือนกัน 

สักพักนึงเจ้าหน้าที่ก็จะปล่อยให้แม่ ๆ คุยกันเอง 

ก็จะมีปัญหาของแม่คนหนึ่ง ซึ่งเราฟังแล้วก็คล้าย ๆ เรา คือลูกไม่ให้ใครอุ้มนาน ๆ นอกจากตัวเอง  แม้แต่คุณพ่อก็เถอะ 

เราก็เลยบอกแม่ ๆ คนอื่น ๆ ว่าช่วงนี้เจ้าหนูชอบร้องเสียงดัง แม่ ๆ คนอื่น ๆ ก็บอกว่าลูกเขาก็เป็นเหมือนกัน พอได้ฟังของคนอื่น ๆ แล้ว เราก็รู้สึกโล่งอกไปนิดหนึ่งว่าไม่ใช่เจ้าหนูคนเดียวที่เป็นแบบนี้ 

แล้วก็มีให้ชั่งน้ำหนัก ชั่งเจ้าหนูแบบไม่ได้ถอดเสื้อ ไม่ได้ถอดแพมเพิส เจ้าหนูหนักตั้ง 7965 กรัม ก็เกือบ 8 โลแล้ว บอกคนอื่น ๆ ตกใจกันเป็นแถว เพราะหนักมาก 

ช่วงนี้ลูก ๆ ของคนอื่นที่เราเห็น + ของเจ้าหนู พัฒนาการก็จะมีชันคอกันได้แล้ว จับนอนคว่ำ ก็จะชันคอได้ แต่ยังคว่ำกันเองไม่ได้ ดูดนิ้วกันเป็นว่าเล่น

อ้อ วันนี้มีเพื่อนคนกัมพูชาไปด้วย ก็ดีเหมือนกัน เรากับเขาคุยกันถูกคอเลย ขากลับก็เลยกลับบ้านด้วยกัน คุยโน้นคุยนี่สนุกดี 

สิ่งที่เอาไปด้วยวันนี้ก็จะมี

1. ผ้าขนหนูไว้รองให้เจ้าหนูนอนกับพื้น

2. สมุดสุขภาพแม่และเด็ก (ไม่ได้ใช้ แต่ก็เอาติดตัวไปด้วย)

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เจ้าหนูขึ้นรถไฟครั้งแรก

วันนี้มีนัดกับญาติที่มาเที่ยวที่ญี่ปุ่น เจ้าหนูเลยได้ขึ้นรถไฟเป็นครั้งแรก เรากับคุณซูก็ใช้เบบี้คาร์ แล้วก็พกเป้อุ้มเด็กไปด้วย
ขาไปเจ้าหนูหลับ เลยไม่ค่อยเท่าไหร่ แล้วก็โชคดีที่สถานีที่เปลี่ยนรถ หรือลง มีลิฟต์เลยไม่ต้องยกเบบี้คาร์ลงบันได เห็นคนที่มีเบบี้คาร์แล้วใช้บันไดเลื่อนด้วย แต่ว่าเรากับคุณซูยังไม่เคยก็เลยไม่กล้า เดี๋ยวตกลงมายุ่งเลย
มีแวะร้านกาแฟ เจ้าหนูร้องขึ้นมา ก็เลยให้นมที่ร้านนั้นเลยใช้ผ้าคลุมให้นมนะ ^^ ก็ไม่รู้ว่าถ้าเป็นแม่บ้านญี่ปุ่นเขาให้กันแบบนี้เลยหรือเปล่า เพราะจะเห็นตามห้างใหญ่ ๆ จะมีห้องให้นมโดยเฉพาะ แต่ทำยังไงได้ เจ้าหนูตอนนี้ไม่กินนมผงแล้วอ่ะ

วันนี้ก็ถือเป็นครั้งแรกที่พาเจ้าหนูขึ้นรถไฟไปเที่ยว คงต้องพาออกบ่อย ๆ จะได้ชินกับหลาย ๆ อย่าง อย่างเช่นการเตรียมของ (อยากลดของให้น้อยลง เพราะเตรียมไปเยอะเกิน หนัก) การยกเบบี้คาร์ลงจากรถไฟ (ถ้าไปคนเดียว)
ส่วนเป้อุ้มเด็กไม่ได้ใช้ เพราะเราถนัดใช้เบบี้คาร์มากกว่า