วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

งานแสดงแมมมอส (特別展マンモス)

วันนี้คุณซูพาไปดูฟอสซิลแมมมอส งานนี้จัดแสดงอยู่ที่ Pashifuiko Yokohama Hall A สถานี "Minatomirai"
ค่าเข้าคนละ 2200 เยน แพงไปหน่อย แต่ก็ได้ความรู้เกี่ยวกับแมมมอสมาเยอะเลย สนุกดี ขอบคุณคุณซูมากนะคะ

今日、主人がモンモスの化石を見に連れて行きました。この展示会はみなとみらい駅パシフィコ横浜 ホールAにあります。
入場料は1人あたり2200円でした。ちょっと高かったですがマンモスというものについて意識をたくさん得ました。楽しかったです。ありがとうね。^^


 
 
  
รูปข้างล่างนี้เป็นบรรพบุรษของช้าง หน้าตาเหมือนหมูเลยเนอะ (ขนาดเขาย่อส่วนมาอีกทีนะคะ)
 
この写真はゾウの祖先です。豚に似ていますね。(サイズは小さくされていますよ。)
 
 
 
แล้วค่อยวิวัฒนาการมาแบบนี้
 
このように進化されています。
 
 
 
 
กระดูกช้างดึกดำบรรพ์ของญี่ปุ่น
 
 日本の大昔のゾウ「ナウマンゾウ」の骨です。
 


ปลายงวงช้างมีรูปร่างต่างกันแหละ

 
ゾウの鼻先の形が違うんだ。
 
 
 ฟันของช้าง
 
ゾウの歯です。

 
 


 

หนังของช้าง

ゾウの皮膚です。

 
 
ขนของช้าง
 
ゾウの毛です。
 
 
 
กระดูกของทารกช้างเคแมมมอส
 
ケマンモスの胎児の骨です。
 
 

ใช้กระดูกหนังงามาทำเป็นบ้าน

マンモスハウス 

 
 
เอากระดูกช้างมาทำเป็นเข็ม

ぬいばり 


พอเสร็จจากดูงานนี้แล้ว คุณซูกะว่าจะใช้ไปดูที่พิพิธภัณฑ์ Cupnoodles แต่พอไปถึงเขาปิดแล้ว เสียดายจัง

次に、主人はCupnoodles Museumに行きたかったですが、受付が終了したということになっていますので。残念でした。

 

ก่อนกลับบ้าน ก็ขอวิวของโยโกะฮะนิดนึง

帰る前、横浜の景色の写真を撮りました。






พอดีมีหนังสือที่เราอยากได้ เลยไปที่ Kinokuniya Shinjuku แต่พอไปดูแล้ว ไม่เอาดีกว่า เพราะซื้อมาคงไม่ได้อ่านแน่ ๆ เป็นหนังสือเกี่ยวกับการเขียนวิทยานิพนธ์ สำหรับนักศึกษาหรือนักเรียนต่างชาติ เราคงไม่ใช่นักศึกษาแล้ว อารมณ์ขี้เกียจเลยเยอะ
แต่ก็ได้หนังสือชุดนี้มา สำหรับเด็กประถม (ขนาดของเด็กนะ เราว่ายังยากเลยอ่ะ เด็กญี่ปุ่นนี่เรียนกันเยอะจริง ๆ สุดยอดเลย)

欲しい教科書があったので新宿にある紀伊国屋に行きました。しかし、その本を見たら買ったら読まないと思って止めました。その本の内容は大学生や留学生のため論文を書き方です。
自分はもう大学生じゃないか、また怠ける気持ちが入ってくるか買わないことにしました。

そして、これらの本がゲット。
小学生の教材ですが難しいと思います。(日本人の子供は本当にたくさん勉強していますね。すごい~)
 
 
 
จากนั้นไหน ๆ ก็มาอยู่แถวชินจูกุแล้ว คุณซูเลยบอกไปกินอาหารไทยกัน  ที่เรารู้จักก็จะเป็นร้านแก้วใจ คุณซูเลยหาจากอินเตอร์เน็ทเลยว่าอยู่แถวไหน มาถึงร้าน ลูกค้าเยอะ เลยได้ที่นั่งแบบเค้าท์เตอร์บาร์
 
せっかく新宿にいたので主人はタイ料理を食べようと言っていました。私が知っている店は「Keawjai」というんで、主人は位置をネットで調べました。店に着いたら客が多かったです。カウンターバーで食べることになりました。
 

น้ำที่สั่ง น้ำมะม่วง กับน้ำฝรั่ง แก้วละ 350 เยน

注文したジュースはマンゴージュースとグアバジュースでした。 値段はそれぞれ350円

 
จานนี้ฉูฉี่ปลาราดข้าว จานละ 900 เยน
 
これは、シュシーパでした。900円

 
ส่วนจานนี้แกงกระหรี่ราดข้าว ชุดละ 900 เยน
 
これは、イエローカレーでした。900円

 
ของกลาง ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ จานละ 750 เยน
 
おかずは「ガイパッメッマムォヒマパン」でした。750円

 
อร่อยมาก คิดถึงอาหารไทย,,,, ราคาของร้านนี้เราว่าไม่แพงมาก เพราะเคยไปกินที่นึง คิดจานละ 1000 เยนแหนะ
 
とても美味しかったです。タイ料理が懐かしい~
この店の値段はそんなに高くないと思います。ある店で食べて1000円もかかりました。
 

วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556

15 Aug 13 お盆の送り (วันส่งบรรพบุรุษกลับสู่แดนสุขาวดี)

วันนี้มีนัดกับที่บ้านคุณซูตอน 17.30 น. เพราะวันนี้เป็นวันส่งบรรพบุรุษกลับสู่แดนสุขาวดีหลังจากที่วันที่ 13 ไปรับพวกท่านมา แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นก็มีแวะไปร้านค็อฟฟี่ช็อป ร้านนี้จะพิเศษหน่อยตรงที่แก้วใหญ่กว่าร้านอื่น
เมนูที่พวกเราสั่งกันจะเป็นแบบเซ็ท เพราะราคาถูกกว่าถ้าสั่งแยก

今日は17:30に実家と約束がありました。なぜ約束があったかというと13日に迎えに行ってきた祖先を今日で送るからです。時間になる前私たちは喫茶店で時間を潰しました。この店の特徴はグラスのサイズは他の店より大きいです。
私たちが注文したのはセットでした。バラバラで注文するより安いからです。


ของเราสั่งเค้กช็อกโกแลตกับมิลค์ทีร้อน
私はチョコレートケーキとミルクティー(ホット)を注文しました。


ของคุณซูสั่งฮอตเค้ก กับกาแฟเย็น
主人はホットケーキとアイスコーヒーを注文しました。

 
ลองเอาโทรศัพท์มาวางเทียบให้ดูว่าแก้วใหญ่จริงๆ ตามที่ได้พูดไว้ข้างบน
携帯電話を置いて比べてみました。本当にグラスが大きいですね。
 
 
พอถึงเวลาก็ไปบ้านคุณพ่อคุณแม่คุณซู ขั้นตอนในการสั่งบรรพบุรษกลับแดนสุขาวดี ก็คือ
時間になったら実家に行って次の順番に祖先を送ります。
 
1. จุดธูปไหว้บรรพบุรุษที่แท่นบูชา
1.お線香に火をつける。
2. ตีกระดิ่งให้ดัง กริ้ง กริ้ง
2.ギン ギン鐘をたたく。 
3. พรมน้ำที่ชามผัก 2 ครั้ง
3.2回野菜が入っている小さい茶碗に水をかける。
 
หลังจากนั้นที่บ้านคุณซูก็จะเอาเทียนที่จุดไฟไว้ไปเสียบที่โคม แล้วก็ปิดโคม จากนั้นทุกคนก็ถือไปที่สุสาน ขั้นตอนก็จะเหมือนกับตอนที่ไปไหว้ที่สุสาน เพียงแต่ครั้งนี้จะเพิ่มในเรื่อง เอาเทียนที่อยู่ในโคมออกมาวางไว้ที่สุสาน เท่านี็ก็เป็นอันเสร็จพิธี วันนี้คนญี่ปุ่นแต่ละครอบครัวมาเยอะมาก ทุกคนเจอกันก็ทักทายกัน เราก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมไปในตัว เพราะได้มาอยู่ในวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นจริงๆ
 
その後お母さんは火がついているろうそくを提灯にさしました。提灯をきれいに閉めてお墓に持って行きました。やり方はお墓参りの時と一緒でした。しかし、今回は持って行くろうそくをお墓の横に置くことがありました。
今日はそれぞれの日本人の家庭が多く見かけました。誰かと会ったら挨拶しました。私は日本人の生活の中に居られて日本の文化について勉強ができました。
 
จากนั้นก็ไปกินข้าวเย็นกัน ที่ร้านคนเยอะมาก คงเพราะวันนี้แต่ละครอบครัวก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากัน ก็เลยพากันไปกินข้าวข้างนอกกัน ส่วนที่บ้านเราจองไว้ก่อน เลยมีที่นั่ง
 
お盆送りが終わってから一緒に食事しました。お店がすごく混みました。家族の皆さんが揃えた日だったので同じように外食するわけです。
 
เมนูที่เราสั่งวันนี้จะหน้าตานี้ ชื่อเมนู "มินิดง โตะ เมนโกะเซน"   อร่อยดีแต่เยอะไปหน่อย
今回の私のメニューは「ミニ丼と麺御膳」でした。美味しかったですが、ちょっと多かったですね。
 


จากนั้นพอกินกันเสร็จ คุณซูก็พาเราไปนั่งรถเล่น พาไป Tokyo Gate Bridge
แต่เราอยู่ในรถ รูปเลยไม่ค่อยชัด แต่ของจริงสวยมากเลย

食事が終わってから主人とドライブで東京ゲートブリッジに行って車内だったので写真はぼんやりしています。本物はとてもきれいですよ。

 
แล้วก็มีผ่านโตเกียว สกาย ทรี ด้วย ตอนกลางคืนสวยมาก (ถ่ายจากในรถ)
Tokyo Sky Treeも通りました。夜はとてもきれいでした。(車内で)
 
 

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ไปห้างของญี่ปุ่น

คุณซูพาไปห้างที่เหมือนจะเป็นฉากหนึ่งของละคร Saito san 2 จากที่เราไปหลาย ๆ ห้าง ความเหมือนกันของห้างที่ญี่ปุ่นในแต่ละที่ที่เราเห็นว่าคล้าย ๆ กัน แล้วก็สะดวกดีถ้าที่เมืองไทยจะมีแบบนี้บ้าง (หรือว่ามีไปแล้ว แต่เราไม่รู้ ถ้ามีแล้ว ก็นับว่าดีเลย)
ก็จะมี

ถ้าเดินทางด้วยรถยนต์ ก่อนเข้าที่จอด ก็มีเครื่องให้บัตรจอด และก็บอกว่าชั้นไหนว่าง ชั้นไหนเต็ม


ถ้าเดินทางด้วยจักรยาน หรือมอเตอร์ไซด์ ก็มีที่จอดให้เฉพาะ



ตรงทางเข้าของห้าง หรือตามจุดบางจุด จะมีรถเข็นเด็ก สำหรับครอบครัวที่พาลูก ๆ หลาน ๆ มา จะได้ไม่ต้องอุ้ม หรือเดินจูง


 
เดิน ๆ ไป บางจุดก็มีรถเข็นเตรียมไว้ให้เหมือนกัน ลายน่ารักดี มีทั้งมิกกี้เม้าส์ คิดตี้ ฯ 




 
จากนั้นก็ไปแวะเข้าห้องน้ำ ที่ห้องน้ำจะมีเก้าอี้สำหรับเด็กด้วย แต่ต้องคอยระวังเด็กไม่ให้คลาดสายตาด้วยนะคะ เดี๋ยวตกลงมา แย่เลย
 
 
ห้องน้ำบางห้องก็จะมีที่เปลี่ยนผ้าอ้อม หรือแพมเพิสให้ด้วย ห้องก็จะใหญ่หน่อย
 
 
ถ้าที่เปลี่ยนผ้าแพมเพิสไม่มีในห้องน้ำ เขาก็เตรียมไว้ให้ข้างนอก  ในที่นี้จะอยู่ด้านหลังที่ล้างมือ
 
 
ส่วนในห้องน้ำ ให้ระวังเรื่องการทิชกระดาษทิชชูลงในถังขยะ เพราะถังขยะในห้องน้ำมีไว้ให้ทิ้งพวกผ้าอนามัย แพมเพิส  สำหรับกระดาษทิชชูให้ทิ้งไปในชักโครกเลย
 


และหลังจากที่เราใช้รถเข็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเข็นเด็ก หรือรถเข็นใส่ของ ก่อนออกจากห้างก็ต้องเก็บให้เข้าที่ที่เขาเตรียมไว้ให้ด้วย

 
วันนี้ก็ไปหยอด Gacha Gacha มาอีกแล้ว 2 อัน
 

รวมอันที่แล้วที่ไปกดมาก็เป็น 3 อัน เหลืออีก 3 อันก็จะครบเซ็ท





น่ารักมาก ๆ เลย  ส่วนกล่องนี้ซื้อที่ร้าน Daiso

 

วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2556

10 - 18 ส.ค. 56 หยุด Obon (โอะบ้ง) - 13 ส.ค. 56 Ohaka mairi

ในปีนี้วันที่ 10 - 18 ส.ค. ที่ญี่ปุ่นจะหยุดเนื่องจากเป็นช่วงโอะบ้ง บางบริษัทจะเริ่มหยุดตั้งแต่ 13-18 ก็มี
ในช่วงนี้ ชาวญี่ปุ่นจะมีความเชื่อว่า บรรพบุรุษที่ตายไปแล้วจะได้กลับมาเยี่ยมบ้าน ก็เลยคล้าย ๆ กับไปเชิญวิญญาณของบรรพบุรุษเข้าบ้าน ประมาณนั้นนะ

เพราะฉะนั้นคนที่มาทำงานในเมืองก็จะกลับไปที่บ้านเกิดของตัวเอง รถจะติด ผู้คนจะออกเดินทางกันเยอะมาก มีออกไปเที่ยวต่างประเทศก็เยอะ ถ้าในช่วงนี้เราจะเห็นคนญี่ปุ่นเยอะเป็นพิเศษที่ไทย ก็คงไม่แปลกอะไร

และ ในวันนี้ 13 ส.ค. ที่บ้านของคุณซูก็ไปที่สุสานของตระกูล "Ohaka mairi" เพื่อเชิญบรรพบุรุษของตัวเองกลับมาบ้านเหมือนกัน ซึ่งเราเคยเขียนเรื่อง Ohaka mairi ไว้ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=naruchan&month=06-2013&date=15&group=20&gblog=4

แต่ครั้งนี้ที่เราเห็นว่ามีของที่ทางบ้านคุณซูเตรียมเพิ่มเติมก็จะมี
1. โคมไฟ (แต่ในรูปจะเป็นที่ค้นมาจากทางเน็ทอีกที ตัวคันจิก็เลยไม่ใช่ของตระกูลเรา)
แต่ตอนที่ถือไปสุสานจะเป็นโคมที่ถูกเปิดไว้  แล้วข้างในโคมจะมีเทียนปักอยู่แท่งหนึ่ง




2. กาน้ำ




ขอบคุณรูปจาก Google ค่ะ


ส่วนขั้นตอนก็มีเพิ่มจากที่เขียนไว้ในลิ้งค์ข้างบนก็คือ
ออกจากบ้านกัน 6 โมงเช้า พอเข้าไปที่วัด คุณพ่อคุณซูก็จะเอาโคมไปให้พระท่านทำพิธี แล้วก็มาไหว้ที่สุสานของตระกูลตัวเอง (วิธีไหว้ตามลิ้งค์ด้านบนนะคะ)
แต่ครั้งนี้เติมน้ำด้วยกาน้ำของตัวเองที่ถือมาคะ
จากนั้นคุณแม่ของคุณซูก็ไปไหว้+ปักดอกไม้อีกที่นึง (ไม่รู้ว่าคืออะไร) แล้วก็ไปไหว้+ปักดอกไม้อีกที่นึงซึ่งที่สุดท้ายที่ไหว้นี้ก็จะเป็นพระพุทธ

แล้วก็ขึ้นไปที่วัด หยอดเหรียญลงในที่ตู้หยอด แล้วคุณพ่อคุณซูก็ไปเอาโคมมา ครั้งนี้เทียนในโคมจะถูกจุดแล้ว ก็เลยปิดโคมเหมือนตามรูปด้านบนเลย

จากนั้นก็ถือโคมนี้มาที่บ้าน แล้วก็เอาเทียนที่อยู่ในโคมออกมาปักไว้ที่โต๊ะที่ได้วางเตรียมไว้หน้าแท่นหิ้งบรรพบุรุษ  ที่โต๊ะก็จะมีชามผักที่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ , ชามน้ำ, แล้วก็ช่อดอกไม้เล็ก ๆ วางไว้อยู่ด้วย (แต่ละบ้านคงไม่เหมือนกัน)

เราก็ทำตามคุณซู คือ
1. จุดธูป 3 ดอก
2. ปักธูป
3. เคาะชามโลหะ ดังกิ้ง กิ้ง
4. เอาช่อดอกไม้เล็ก ๆ จุ่มชามน้ำ แล้วก็พรมชามผัก  เป็นอันเสร็จพิธี

ก็เลยถามคุณซูว่าวันนี้รับวิญญาณบรรพบุรุษมา ก็ต้องมีการส่งด้วยใช่ไหม คุณซูบอกว่าส่งวันที่ 15 นี้ ซึ่งการส่งจะเรียกว่า Okuribi  จะต้องทำอะไรยังไง เดี๋ยวจะมาอัพข้อมูลให้ทราบนะคะ


วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

แนะนำหมอนเย็นสำหรับหน้าร้อน (クールアイスまくらを紹介)

อย่างที่เราเคยบอกไปว่าหน้าร้อนที่ญี่ปุ่นนี่สุด ๆ ทนไม่ไหว อย่างเมื่อคืนวานในห้องนอน เรานอนไม่ค่อยหลับเพราะร้อนมาก เปิดพัดลมจ่อ ก็ไม่ดีขึ้น (ไม่มีแอร์ค่ะ 555)
ส่วนคุณซูหลับไปแล้ว แต่ตื่นประมาณตี 4 กว่า ๆ เพราะร้อน คุณซูบอกว่าคิดว่าตัวเองจะเป็นโรคลมแดดถึงจะอยู่ในห้องก็เถอะ เหงื่อคุณซูนี่ชุ่มหมอนไปหมดเลยน่าสงสารมาก
เมื่อวานก็เลยไปดู ๆ ที่ร้าน Matsumoto kiyoshi ก็มีหลายผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้เย็นขึ้นสำหรับหน้าร้อน
เราก็ไปได้หมอนเย็น กับที่ปิดหน้าผาก จะมาทดลองใช้ดูว่าได้ผลได้หรือเปล่า

รูปนี้จะเป็นหมอนเย็นราคา 498 เยน


แกะซองออกมาจะหน้าตาแบบนี้ จะนิ่ม ๆ หน่อยคะ


จากนั้นก็เอาหมอนนี่ไปแช่ตู้เย็นที่ช่องแช่แข็งทิ้งไว้ประมาณ 8 ชั่วโมง
ก่อนที่จะใช้รองนอน ต้องเอาผ้าขนหนูพันก่อน แล้วค่อยวางไว้บนหมอนของเราอีกทีค่ะ


ส่วนเราก็มาใช้ตัวนี้แทน แปะที่หน้าผาก เหมือนเป็นการลดไข้ไปในตัว ราคา 298 เยน



มีทั้งหมด 16 ซองเล็ก ใช้ได้ประมาณ 10 ชั่วโมง


เมื่อเช้าถามคุณซูว่าหมอนเป็นยังไงบ้าง ได้ผลมั้ย คุณซูบอกว่าได้ผล นอนหลับสบายขึ้น ค่อยยังชั่วหน่อย  สำหรับของที่เราใช้ เราก็ว่าได้ผลเหมือนกันนอนหลับสบายขึ้น ไม่ได้นอนกลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนวันก่อน

เป็นอีกผลิตภัณฑ์นึงที่อยากแนะนำช่วงหน้าร้อนสำหรับผู้ที่ไม่ได้เปิดแอร์นอนนะคะ  ^0^