สมองถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์บัญชาการของร่างกาย จิตใจ และความคิด ดังนั้นเราจึงควรดูแลสมองให้แข็งแรงและมีพลังด้วยการฝึกสมองส่วนต่าง ๆ ให้ทำงานประสานกันอยู่เสมอ เพื่อช่วยกระตุ้นเซลล์สมองให้สร้างแขนงประสาทและมีการเชื่อมโยงของเส้นใยประสาทมากขึ้น รวมถึงเพิ่มปริมาณสารเคมีที่บรรจุอยู่ที่ประสาท เพื่อให้การทำงานของสมองเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ
วิธีการออกกำลังกายสมอง ที่ปฏิบัติง่าย ๆ มีดังนี้
1. หลีกหนีความจำเจ การทำอะไรซ้ำ ๆ บ่อยๆ
นอกจากทำให้เบื่อหน่ายแล้ว สมองจะทำงานน้อยลง ฉะนั้นจึงควรเปลี่ยนสิ่งใหม่ ๆ บ้าง เช่น เปลี่ยนเส้นทางกลับบ้าน อ่านหนังสือประเภทที่ไม่เคยอ่านมาก่อน เปลี่ยนเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ ฯลฯ แม้เป็นสิ่งเล็กน้อย แต่สามารถช่วยให้เซลล์ประสาทเกิดการตื่นตัวและยังช่วยพัฒนาหน่วยความจำในสมองให้เพิ่มขึ้นด้วย
2. เปลี่ยนความถนัด เริ่มจากกิจวัตรประจำวัน
เช่น การแปรงฟัน จากมือขวาเปลี่ยนมาใช้มือซ้ายบ้าง จากนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นกิจกรรมที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น กินข้าว เขียนหนังสือ วาดรูป ฯลฯ จะช่วยให้เซลล์สมองได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น และยังทำให้สมองส่วนต่าง ๆ เกิดการตื่นตัวอยู่เสมอ
3. แสวงหาบรรยากาศและกลิ่นใหม่ ๆ
กลิ่นและรสชาติของอาหารที่แปลกจากเดิม เช่น อาหารญี่ปุ่น เวียดนาม ฝรั่งเศส จะทำให้ประสาทรับรสทำงานได้ดีขึ้น หรือการใช้น้ำมันหอมระเหย เช่น กลิ่นมิ้นต์ หรือกลิ่นมะนาว ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ผ่อนคลายได้เช่นกัน
4. ปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม
เช่น จัดบ้าน จัดสวน เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ พบปะผู้คนใหม่ ๆ จะช่วยให้สมองสามารถทำงานอย่างสร้างสรรค์ จุดประกายความคิดใหม่ ๆ หรือการท่องเที่ยวสถานที่แปลกใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยชาร์ตพลังให้สมอง ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าและผ่อนคลาย แต่ข้อควรระวังของผู้สูงอายุคือ หากเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมบ่อยๆ อาจเกิดผลเสียมากว่าผลดี โดยเฉพาะผู้สูงอายุสมองเสื่อม เพราะทำให้เกิดการสับสนได้ง่าย
5. คิดในสิ่งที่แตกต่างและใหม่อยู่เสมอ
หมั่นเป็นคนช่างสงสัย ช่างสังเกต ช่างซักถาม เช่น พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานใหม่ ๆ หรือหาประเด็นใหม่ ๆ มาพูดคุย รวมถึงการจดจำลักษณะใบหน้า เสียงพูดหรืออุปนิสัยส่วนตัวของเพื่อนร่วมงาน เพื่อเติมข้อมูลใหม่ ๆ ให้กับสมอง
นอกจากนี้ในแต่ละวันควรหาเวลาผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ ด้วยการเพิ่มพลังสมองให้มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น การนั่งสมาธิ สวดมนต์ เดินจงกรม อ่านหนังสือ และอยู่กับธรรมชาติ จะช่วยทำให้จิตใจสงบ รู้สึกเบิกบานแจ่มใส ไม่เคร่งเครียด ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาศักยภาพของสมองและมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก
อย่างไรก็ตามการดูแลสุขภาพของตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคให้ถูกตามหลักโภชนาการ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ เมื่อสุขภาพกายดี ก็จะช่วยยืดอายุสมองให้แข็งแรง และยังป้องกันสมองเสื่อมได้อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสาร BRAND'S
และขอบคุณรูปจาก Google
วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556
วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ของตอบแทนจากเพื่อนคุณซู
วันนี้คุณซูโทรมาบอกว่าไม่ต้องทำข้าวเย็น เพราะเพื่อนเขาเพิ่งรู้ว่าแต่งงานเลยจะเลี้ยงข้าว
เรารู้สึกว่าเพื่อนของคุณซูเกือบทุกคนเลย พอรู้ข่าวว่าคุณซูแต่งงาน ก็จะส่งของมาให้ ถ้าอยู่ใกล้กันหน่อยก็จะนัดเลี้ยงข้าว นี่เป็นธรรมเนียมของญี่ปุ่น หรือว่าเป็นธรรมเนียมของเพื่อน???
คงเป็นเหมือนกันทุกประเทศอ่ะเนอะ ถ้าเวลาเพื่อน ๆ มีข่าวดี ก็จะให้ของขวัญ หรือเลี้ยงข้าว หรืออะไรต่อมิอะไร
เราก็เลยเอาของฝากจากไทยไปให้เขา ก็อีกนั่นแหละ เขาก็ขับรถกลับบ้านเอาของมาให้เราเป็นการตอบแทน
ของที่เราให้เขาก็จะมี
ช็อคโกแลตที่ซื้อจากในสนามบินสุวรรณภูมิ 1 กล่อง
กับสบู่ขมิ้น แล้วก็สบู่มังคุด ที่ซื้อมาตอนที่มาญี่ปุ่นเมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว เห็นคนญี่ปุ่นว่าใช้ดี เลยซื้อมาเยอะหน่อย (ตอนนี้คุณซูก็ใช้อยู่) อย่างละก้อน
เรารู้สึกว่าเพื่อนของคุณซูเกือบทุกคนเลย พอรู้ข่าวว่าคุณซูแต่งงาน ก็จะส่งของมาให้ ถ้าอยู่ใกล้กันหน่อยก็จะนัดเลี้ยงข้าว นี่เป็นธรรมเนียมของญี่ปุ่น หรือว่าเป็นธรรมเนียมของเพื่อน???
คงเป็นเหมือนกันทุกประเทศอ่ะเนอะ ถ้าเวลาเพื่อน ๆ มีข่าวดี ก็จะให้ของขวัญ หรือเลี้ยงข้าว หรืออะไรต่อมิอะไร
เราก็เลยเอาของฝากจากไทยไปให้เขา ก็อีกนั่นแหละ เขาก็ขับรถกลับบ้านเอาของมาให้เราเป็นการตอบแทน
ของที่เราให้เขาก็จะมี
ช็อคโกแลตที่ซื้อจากในสนามบินสุวรรณภูมิ 1 กล่อง
กับสบู่ขมิ้น แล้วก็สบู่มังคุด ที่ซื้อมาตอนที่มาญี่ปุ่นเมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว เห็นคนญี่ปุ่นว่าใช้ดี เลยซื้อมาเยอะหน่อย (ตอนนี้คุณซูก็ใช้อยู่) อย่างละก้อน
แล้วเขาก็ให้ของนี่มาตอบแทน
เขาพาไปเลี้ยงข้าวที่ ガスト หน้าตาร้านจะเป็นแบบนี้ เราว่าน่าจะคล้าย Sizzler บ้านเรา แต่แค่ไม่มีสลัดบาร์ คือเป็นแนวสเต็ก ส่วนเครื่องดื่มถ้าเราเลือกแบบดิ้งค์บาร์ (ซอฟท์ดิ้ง + กาแฟ ชา) ก็จะไปเติมเองแบบดื่มเท่าไหร่ก็ได้
และขอเสริมเรื่องของที่เราให้ของฝากจากไทยกับเพื่อนคุณซูอีกคนหนึ่ง แล้วเขาให้ตอบแทนกลับมาเหมือนกัน (คือพอรู้ว่าจะให้ของฝากจากไทย เขาก็ไปซื้อของตอบแทนเลย งง ไม่ต้องรีบกันก็ได้เนอะ)ภาพต้องเอียงคอดูนิดนึงนะคะ)
共有畑 สวนที่เขาใช้ด้วยกัน
เราเคยได้ยินว่าคุณพ่อของคุณซูมีงานอดิเรกคือทำสวน ตอนแรกเราก็นึกว่าเป็นแบบมีที่เป็นของตัวเอง 555 ไม่ใช่ค่ะ จะเป็นไปเช่าที่เขาทำสวน เจ้าของพื้นที่นี่ไอเดียดีมาก มีทีแต่ไม่ได้เอาไปทำอะไร เลยให้คนที่สนใจทำสวนมาเช่า ก็เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน ดีกว่าปล่อยที่ให้รกร้าง
หน้าตาของสวนที่ว่าจะเห็นตามท้องถนนทั่วไปเลย
อย่างในรูปนี้ มีของคนที่มาเช่าเยอะเหมือนกัน
ส่วนรูปข้างล่างนี้เป็นของที่บ้านเรา อัพเดทล่าสุด หลังจากที่ซื้อต้นมะเขือ แตงกวา แล้วก็ไม้ดอกมาเมื่อต้นเดือน พอลงดินแล้วน่าตาก็เป็นแบบนี้ (คุณซูโดนยุงกัดไปหลายตุ่มมาก)
ที่สวนของที่บ้านก็ได้ใบกระเพรา (ที่ปลูกไว้เมื่อประมาณเดือน ก.ค. มั้งนะ) มาทานเรียบร้อย อร่อยดี ส่วนผักบุ้ง โตนะ แต่เราไม่ได้เก็บมาทำกับข้าว ตอนนี้เก็บมาทำคงไม่อร่อยแล้วหล่ะ คุณซูเลยปล่อยให้ออกดอก รอเก็บเมล็ด
ช่วงนี้ก็กำลังรอต้นทานตะวัน ออกดอก
หน้าตาของสวนที่ว่าจะเห็นตามท้องถนนทั่วไปเลย
อย่างในรูปนี้ มีของคนที่มาเช่าเยอะเหมือนกัน
ส่วนรูปข้างล่างนี้เป็นของที่บ้านเรา อัพเดทล่าสุด หลังจากที่ซื้อต้นมะเขือ แตงกวา แล้วก็ไม้ดอกมาเมื่อต้นเดือน พอลงดินแล้วน่าตาก็เป็นแบบนี้ (คุณซูโดนยุงกัดไปหลายตุ่มมาก)
ช่วงนี้ก็กำลังรอต้นทานตะวัน ออกดอก
แนะนำตัวที่ทำความสะอาดโถชักโครกแบบของเหลวของญี่ปุ่นค่ะ (液体ブルーレット)
เจ้าตัวนี้ เราเห็นคุณซูซื้อมาตั้งแต่ตอนที่เรามาอยู่แล้ว ตอนแรกเราก็คิดว่าหมดแล้วก็คงไม่ซื้อมาเปลี่ยน เพราะแค่ทำความสะอาดบ่อย ๆ ก็น่าจะพอจะได้ไม่ต้องไปซื้อมาให้เปลืองตังค์
แต่จริงๆ แล้วตัวนี้ก็ช่วยเราได้เยอะเลย เพราะตอนที่เราไม่ไปซื้อมาเปลี่ยน เชื่อไหมว่าต่างกันเหมือนกัน
เรารู้สึกว่าถ้าไม่ได้ใช้ตัวนี้ โถชักโครกจะมีคราบดำ ๆ เกิดขึ้นเร็วมาก ถ้าเทียบกับตอนที่ใช้ แล้วความเป็นมันเวาต่างกัน (ขนาดนั้นเลย 555)
ตัวนี้เป็นตัวที่เราซื้อมาล่าสุด จะเป็นกลิ่นของน้ำยาปรับผ้านุ่ม ส่วนของตัวน้ำยาจะไม่มีสี ที่เราเห็นเป็นสี ๆ ก็เป็นสีจากที่ใส่ของเหลวนั้นนั่นเอง และอันหนึ่งจะใช้ได้ประมาณ 1 เดือน
และเราเคยไปอ่านเจอหนังสือเล่มหนึ่งของญี่ปุ่นที่เขียนถึงคนต่างชาติตกใจกับของใช้ของญี่ปุ่น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือสลิปเปอร์ (รองเท้าแตะใส่ภายในบ้าน) เขาตกใจว่าเข้าห้องน้ำของบ้านที่ญี่ปุ่นก็ต้องเปลี่ยนมาใส่สลิปเปอร์สำหรับห้องน้ำ ซึ่งบ้านเราก็มีสลิปเปอร์ใส่ตอนเข้าห้องน้ำด้วย เลยถ่ายมาให้ดูเป็นตัวอย่างค่ะ มีหลายสีให้เลือกซื้อ เราซื้อสีครีมมาค่ะ ^^
แต่จริงๆ แล้วตัวนี้ก็ช่วยเราได้เยอะเลย เพราะตอนที่เราไม่ไปซื้อมาเปลี่ยน เชื่อไหมว่าต่างกันเหมือนกัน
เรารู้สึกว่าถ้าไม่ได้ใช้ตัวนี้ โถชักโครกจะมีคราบดำ ๆ เกิดขึ้นเร็วมาก ถ้าเทียบกับตอนที่ใช้ แล้วความเป็นมันเวาต่างกัน (ขนาดนั้นเลย 555)
ตัวนี้เป็นตัวที่เราซื้อมาล่าสุด จะเป็นกลิ่นของน้ำยาปรับผ้านุ่ม ส่วนของตัวน้ำยาจะไม่มีสี ที่เราเห็นเป็นสี ๆ ก็เป็นสีจากที่ใส่ของเหลวนั้นนั่นเอง และอันหนึ่งจะใช้ได้ประมาณ 1 เดือน
ตัวชักโครกที่บ้านเราจะเป็นแบบรุ่นเก่า ส่วนรุ่นใหม่ไม่รู้เขาจะเป็นเหมือนกับของเราหรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แบบเก่าอย่างบ้านเราก็ดีเหมือนกัน ประหยัดน้ำตอนล้างมือ เพราะล้างจากน้ำที่ไหลออกมาจากก๊อกนี้เลย อิอิ
ตัวที่ซื้อมาเปลี่ยนจะเป็นแบบรีฟิล ก็แค่ถอดของเก่าออก แล้วก็เสียบของใหม่เข้าไปแทนโดยที่ไม่ต้องถอดฝาออก
และเราเคยไปอ่านเจอหนังสือเล่มหนึ่งของญี่ปุ่นที่เขียนถึงคนต่างชาติตกใจกับของใช้ของญี่ปุ่น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือสลิปเปอร์ (รองเท้าแตะใส่ภายในบ้าน) เขาตกใจว่าเข้าห้องน้ำของบ้านที่ญี่ปุ่นก็ต้องเปลี่ยนมาใส่สลิปเปอร์สำหรับห้องน้ำ ซึ่งบ้านเราก็มีสลิปเปอร์ใส่ตอนเข้าห้องน้ำด้วย เลยถ่ายมาให้ดูเป็นตัวอย่างค่ะ มีหลายสีให้เลือกซื้อ เราซื้อสีครีมมาค่ะ ^^
วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556
緑のカーテン (ผ้าม่านสีเขียว)
ช่วงจะเข้าหน้าร้อน (ประมาณเดือน มิ.ย) จนถึงหน้าร้อน ถ้าใครได้มาญี่ปุ่น อาจจะเห็นบางบ้านปลูกไม้เลื้อยไว้แถว ๆ หน้าต่าง ที่เป็นแบบนี้ เพราะมีการรณรงค์เรื่องของการประหยัดพลังงาน คือถ้าปลูกไม้เลื้อย แล้วให้มันเลื้อยไปตามเส้นที่เราได้ผูกไว้ ก็จะทำให้ห้องไม่ร้อนมาก เพราะมีต้นไม้ช่วยบังแดดเอาไว้ให้ แถมยังได้กินผลของไม้เลื้อยด้วยนะ แล้วแต่ว่าปลูกอะไรไว้ ที่เราจะเห็นส่วนใหญ่ก็จะเป็นองุ่น แล้วก็มะระ
บางบ้านก็ใช้หลังคาของที่จอดรถปลูกองุ่น น่ากินมาก
เขาเลยเรียกการปลูกลักษณะนี้ว่า 「緑のカーテン (Midori no Ka-ten)」
อย่างบ้านนี้ปลูกมะระ มีลูกด้วยนะ แต่รูปนี้คงไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ต้องรีบกดชัตเตอร์ เดี๋ยวเจ้าของบ้านงงว่ามาทำอะไร
บางบ้านก็ใช้หลังคาของที่จอดรถปลูกองุ่น น่ากินมาก
เขาเลยเรียกการปลูกลักษณะนี้ว่า 「緑のカーテン (Midori no Ka-ten)」
อย่างบ้านนี้ปลูกมะระ มีลูกด้วยนะ แต่รูปนี้คงไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ต้องรีบกดชัตเตอร์ เดี๋ยวเจ้าของบ้านงงว่ามาทำอะไร
ส่วน 2 รูปล่างนี้ จะใช้หลังคาของที่จอดรถ ปลูกองุ่น น่ากินมาก ๆ
ไว้เดี๋ยวปีหน้าเดี๋ยวลองหัดปลูกแบบนี้ดูบ้างดีกว่า (เหนื่อยคุณซูหน่อย 555)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
-
ก่อนกลับไทยก็ต้องมีของติดไม้ติดมือกลับไปฝากที่บ้าน ญาติ แล้วก็เพื่อน ๆ ก็จะด้วยเรื่องงบที่ตั้งไว้ ของบางอย่างก็กะว่าจะแบ่งกระจาย ๆ กัน เร...
-
พอดีไปอ่านเจอในนิตยสารของญี่ปุ่น เกี่ยวกับเรื่อง สารอาหารของเด็กในการส่งเสริมสุขภาพกายและใจก็คือ "การนอนหลับ" น่าสนใจดี เลยลองแปลเ...
-
สวัสดีค่ะ อุณหภูมิวันนี้ 19/6 องศา ไม่หนาวมากเกินไป กำลังดี แล้วในวันนี้เราขอแนะนำแฟชั่นฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น (ตามนิตยสารที่เรามีอยู่) เห็...