วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เริ่มเขียนไดอารี่ชีวิตคู่ "ครบ 1 ปีกว่าแล้วหลังจากที่จดทะเบียนสมรสที่ไทย"

นับย้อนหลังไป ก.ค. ปี 2555 เรากับคุณซูทำเรื่องจดทะเบียนสมรสที่เมืองไทย แต่ยังไม่ได้แต่งงานกัน (เพราะเป็นการแต่งงานกับคนต่างชาติ เรากับคุณซูเลยจะทำเรื่องเอกสารให้เรียบร้อยก่อน ได้วีซ่าแล้วค่อยแต่งงานไปใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่น) นี่ก็ครบ 1 ปีกว่า ๆ หล่ะที่ทำเรื่องจดทะเบียนที่เมืองไทยเสร็จเรียบร้อย

ส่วนชีวิตคู่ ณ ตอนนี้ก็ผ่านมาได้ 7 เดือนกว่า ๆ แล้ว จะว่าเร็วก็เร็ว แต่ก็มีเรื่องของความไม่เข้าใจกัน รู้สึกไม่ดี ตั้งแต่เดือนแรกที่เรามาใช้ชีวิตที่นี่เลยหล่ะ เราจดใส่สมุดโน๊ตเลยว่า "ไม่ค่อยเข้าใจว่าเค้าคิดยังไง ทำไมพูดอ้อม ๆ ไม่ชัดเจน หรือว่าคนญี่ปุ่นเป็นแบบนี้ทั้งประเทศ" เขียนไว้เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 13 เวลา 23.45 น.

ซึ่งเรื่องนี้เราก็คุยกับคุณซูว่าอยากให้พูดให้ชัดเจนไปเลย เขาก็บอกว่าคนญี่ปุ่นจะเป็นสไตล์นี้อยู่แล้ว เราก็เลยบอกไปเลยว่า สำหรับเราไม่ต้องอ้อม เพราะยิ่งอ้อมยิ่งไม่เคลียร์ ซึ่งตอนนั้นกว่าจะกล้าพูดก็ปาเข้าไปเดือน มิ.ย. แล้วหล่ะ เพราะอยากให้เข้าใจกันมากขึ้น เพราะปัญหาหลัก ๆ ก็คือเรื่องภาษาญี่ปุ่น ถึงเราจะพอได้ภาษามาบ้าง แต่ก็ยังเป็นอุปสรรคอยู่ดี แล้วยิ่งมาเจออ้อม ๆ อีกนี่ยิ่งไปกันใหญ่

เราก็ถือว่าโชคดีตรงที่คุณซูไม่ได้ให้ที่บ้านมายุ่งอะไรกับเรามาก ปัญหากับครอบครัวสามีเลยไม่มี

การใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นซึ่งหลาย ๆ คนก็รู้ ๆ อยู่แล้วว่าค่าครองชีพที่นี่สูงมาก และตอนนี้คุณซูก็เป็นเสาหลักหาเลี้ยงอยู่คนเดียว ส่วนเราก็มีหน้าที่เป็นแม่บ้าน ซึ่งคุณซูก็ให้ความไว้วางใจในการให้เราดูแลเรื่องบัญชีทุกอย่างภายในบ้าน เราก็เลยต้องทำบัญชีรายรับ - รายจ่ายขึ้นมา จะได้รู้ว่าเดือน ๆ นึงรับเท่าไหร่ จ่ายเท่าไหร่

ตอนอยู่เมืองไทยก็ทำเหมือนกัน แต่ไม่ละเอียดเท่านี้ อยู่ที่นี่ต้องขอใบเสร็จทุกครั้งที่ซื้อของ ถ้าร้านไหนไม่มีนี่ต้องจดตัวเลขไว้แล้วเอากลับมาทำบัญชี และตอนแรกจะให้คุณซูเอาบิลที่เขาใช้มาเคลียร์ แต่ถ้าเราไม่ทวงก็มักจะลืมให้ ทุกวันนี้เลยจัดการจัดระเบียบกระเป๋าคุณซูซะเลย มีใบเสร็จกี่ใบ เหลือเท่าไหร่ ดูเหมือนคุณซูจะชอบมากกว่าที่เขาต้องยื่นใบเสร็จเอง นับเงินที่เหลือเอง (เป็นงั้นไป)

รูปนี้ตะกร้าใส่ใบเสร็จของเรา (ตั้งแต่เดือน ม.ค. 56 ถึงปัจจุบัน)



ทุกวันนี้เรายังไม่มีรายได้ เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเราที่จะทำได้ก็คือ "การประหยัด" อย่างค่าไฟที่เราทำอยู่ก็คือ ถ้าอยู่คนเดียว อากาศร้อนก็เปิดพัดลม เปิดหน้าต่าง ถ้าอากาศเย็น ๆ ก็เปิดแค่หน้าต่าง หน้าหนาวถ้าทนอยู่ได้ก็จะพยายามไม่เปิดฮิทเตอร์ ปลั๊กไฟอันไหนที่ไม่ใช้ก็ไม่เสียบคาไว้ ก็ได้ผลเหมือนกันนะ

ค่ากับข้าว ก็จะซื้อมาพอดี ๆ สำหรับ 1 วัน หรือมากสุดแค่ 2 วัน เพราะพอซื้อมาเยอะ ทานไม่หมด เก็บไว้ตู้เย็น หมดอายุพอดี อันนี้น่าจะเป็นการเปลืองมากกว่า เราชอบที่ตู้เย็นโล่ง ๆ นะ (มีของ แต่ไม่ล้น) เพราะดูหยิบจับอะไรได้สะดวก รู้ว่าอันไหนเป็นอันไหน หมดอายุวันไหน เราไม่อยากให้ตู้เย็นมีแต่ของเน่าเสีย ยิ่งหน้าร้อนด้วยแล้ว ของเน่าเสียเร็วมาก ๆ และเวลาไปซื้อของสดที่ซุปเปอร์ ก็จะไปเย็น ๆ หน่อย ของเราจะพยายามเลือกที่เขาติดป้ายลดราคาแล้ว จะถูกหน่อย แล้วก็เอามาทำกับข้าวเลย

ทุกวันนี้เงินออมก็ยังไม่ค่อยมีกับเขาหรอกนะ แต่สูตรนี้เราก็จะใช้ไปตลอดคือ รายได้ - เงินออมโดยประมาณ = รายจ่าย

วันนี้ยังทำไม่สำเร็จ สักวันนึงคงทำได้ คิดไว้แบบนี้ตลอด (555)

กิจกรรมของครอบครัวเวลาที่คุณซูอยู่บ้าน (ไม่ทุกครั้งนะ) ก็จะมีออกไปข้างนอกด้วยกัน ไปดูร้านต้นไม้ ดูของ อย่างวันนี้ 1 ส.ค. 56 ก็ได้ต้นไม้ ได้ตุ๊กตา Line (ตัวเล็ก) ได้มะละกอมา

กว่าจะได้เจ้า 2 ตัวนี้มา หมดไปหลายร้อยเยน เงินออมคงลดลงบ้างเล็กน้อย แต่ก็นานที คุณซูจะได้คลายเครียดด้วย (แต่คงไม่ให้บ่อย SmileySmiley)



ส่วนต้นไม้เป็นงานอดิเรกของคุณซู เราทั้งสองคนก็จะพยายามเลือกต้นนึงไม่ให้เกิน 150 เยน

ต้นมะเขือสีม่วง เผื่อออกผล จะได้ไม่ต้องไปซื้อ



แตงกวา (ใบหักเพราะโดนมะเขือเบียด Smiley



ไม้ดอกไช้เพิ่มสีสันสำหรับสวน







ส่วนอันนี้เป็นมะละกอ (เทียบกับมือถือ) ตอนแรกนึกว่ามะม่วงซะอีก คุณซูอยากกินมาก ไปเห็นต้นมะละกอที่ร้าน เลยอยากกินผล แต่ไม่มีขายที่ซุปเปอร์แถวบ้าน ลูกนี้ถึงขนาดไปซื้อที่ห้างที่ไกลออกไปหน่อย ตอนนั้นก็ 2 ทุ่มกว่า ๆ กลับถึงบ้าน จะทำกับข้าว คุณซูบอกว่าเดี๋ยวมา จะไปซื้อมะละกอ แล้วก็ถามเราว่าจะไปด้วยมั้ย ไปก็ไป ก็ได้รู้ความในใจคุณซูที่เขาบอกมาว่า รู้สึกดีที่เราไปเป็นเพื่อนเขา Smiley



ราคาค่อนข้างแพง แต่นาน ๆ ทีอ่ะเนอะ ^^

วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แนะนำที่กันมอดในข้าวสารของญี่ปุ่นค่ะ

พอดีวันนี้คุณซูกับเราไปซื้อเจ้าตัวนี้มา
จะเป็นที่กันมอด วาง หรือเสียบไว้กับข้าวสาร หรือแขวนแปะไว้กับที่ใส่ข้าวสารก็ได้ค่ะ
สำหรับที่บ้านเราจะแปะแขวนค่ะ

ที่ใส่ข้าวสารของที่บ้านเรานะคะ


หน้าตาของที่กันมอด เท่าที่อ่านดู สีแดง ๆ จะเป็นเยลลี่พริก ซึ่งจะป้องกันข้าวสารจากแมลง  ถ้าไม่มีที่ใส่ข้าวสาร จะวางไว้ในถุงข้าวสารก็ได้ค่ะ  และเยลลี่นี้ก็จะไม่ก่อให้เกิดพวกเชื้อแบคทีเรียหรือราค่ะ



เห็นที่คุณซูทำ ก็จะเปิดตรงสีเขียวออก แล้วก็ดึงจุ๊กออก


จากนั้นก็ดึงแถบเทปกาวออก










เป็นอันเสร็จค่ะ


ได้รับ Gift Card มา ตอนแรกใช้ไม่เป็น ตอนนี้พอจะรู้หล่ะ

คุณซูให้การ์ดของ QUO Card มา แล้วก็บอกว่าใช้ซื้อของที่ 7-11 หรือร้านสะดวกซื้อได้ แต่เราไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน ตอนแรกนึกว่าบัตรโทรศัพท์ ก็เลยยังไม่กล้าใช้ตอนอยู่คนเดียว เลยให้คุณซูใช้ซื้อของให้ดู สรุปว่าใช้แทนเงินสดได้จริงๆ

หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ



แล้วก็สามารถใช้แทนเงินสดได้ตามร้านค้าตามลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ

http://www.quocard.com/member/

นอกจาก QUO Card แบบนี้แล้ว เราก็เคยได้การ์ดสำหรับซื้อหนังสือที่ร้านหนังสือจากคุณพ่อของคุณซูมาด้วย (อันนี้จะเป็นการ์ดแบบระบุประเภทการซื้อ) ชื่อการ์ดว่า "โตะโชะ กาโดะ"


แล้วก็ยังมีอีกหลายรูปแบบที่เราเคยได้รับมา ขนาดจะเท่า ๆ กับธนบัตรก็มี ยกตัวอย่างเช่น

แบบนี้ก็สำหรับซื้อหนังสือ



ถ้าราคาของของเกินกว่าจำนวนเงินที่ระบุที่บัตรหรือที่การ์ด ก็สามารถจ่ายส่วนที่เหลือเป็นเงินสดบวกเข้าไปได้ค่ะ

แบบนี้ก็สำหรับซื้อเบียร์


แล้วก็มีแบบนี้ แต่แบบนี้จะต้องไปใช้ตามร้านที่เขาระบุที่ด้านหลัง ก็จะใช้ยากหน่อย



ก็เลยมีร้านค้า หรือบริษัท ที่จะให้การ์ดลักษณะแบบนี้เป็นของขวัญ หรือรางวัล อย่างเจ้าของห้องที่เราอยู่เขาก็ใช้ QUO Card เป็นของตอบแทนถ้าเราตอบแบบสอบถามที่เขาส่งมากลับไปให้

เท่าที่เราได้รับมา หรือรู้มาก็มีเท่านี้ แต่ก็คงมีอีกเยอะเลยที่ญี่ปุ่นเขาใช้กัน แต่แค่นี้เราก็ว่าเยอะแล้วนะ ^0^










วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แค่แผ่นทำความสะอาด ทิชชูเปียก ก็มีหลากหลายมาก

วันนี้ไปร้าน 100 เยน จะไปซื้อแผ่นทำความสะอาดพื้นมาเพิ่ม
ก็เลยนึกขึ้นได้ว่าเอาเรื่องนี้มาเขียนด้วยดีกว่า
เพราะแค่แผ่นทำความสะอาด หรือทิชชูเปียกของที่ญี่ปุ่น แล้วก็ที่ร้าน 100 เยน ก็มีให้เลือกหลากหลายมาก


อย่างชิ้นบนสุดจะแผ่นทำความสะอาดสำหรับเสื่อทะทะมิ
อันที่ 2 สีเขียว สำหรับเราจะใช้ทำความสะอาดพื้น
อันที่ 3 สีฟ้า จะสำหรับเครื่องเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้า
อันสุดท้าย จะสำหรับเช็ดหน้าต่าง
ทั้ง 4 อันนี้จะเป็นแบบเปียก

มีแบบแห้งด้วย แต่เราไม่ค่อยได้ใช้สักเท่าไหร่



แล้วก็ที่เราชอบใช้อีกเหมือนกัน จะเป็นทิชชูเปียก (ตามรูปจะเป็นแบบรีฟิล) จะผสมแอลกอฮอล์ ใช้เช็ดมือ เช็ดของ หรือเช็ดโต๊ะ 



แล้วก็มีขายแบบพกพาด้วยค่ะ เราเอาไปใช้ตอนที่กลับไทย อย่างเช็ดโถนั่งที่ห้องน้ำสาธารณะ เช็ดมือ ฯลฯ 


ส่วนอันนี้สำหรับห้องน้ำ สะดวกดีเหมือนกันค่ะ


มีแผ่นทำความสะอาดขนาดมินิ ด้วยค่ะ


ทั้งหมดเป็นของที่เราใช้อยู่ แล้วก็มีอีกเยอะมากที่ขายอยู่ที่ร้าน จริงๆ พอใช้ดูไม่ว่าจะกลิ่น หรืออะไร บางอย่างก็คล้าย ๆ กัน แต่เราก็บ้าจี้ตาม แยกประเภทการใช้ตามที่เขาระบุไว้ 555




วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วิตามินซี และกรดไลโนเลอิค สารอาหารเสริมผิว เพื่อการชะลอวัย

จากที่ไปอ่านเจอในนิตยสารเล่มนึง จะพูดถึงสารอาหารเสริมผิวเพื่อการชะลอวัย
เขาวิจัยมา แล้วพบว่า ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีวิตามินซีและกรดไลโนเลอิค (Linoleic Acid) สูง มีไขมันและคาร์โบไฮเดรทต่ำ จะมีริ้วรอย ความแห้งของผิว และความบางของผิวลดลงน้อยกว่าผู้ที่รับประทานอาหารที่มีวิตามินซีและกรดไลโนเลอิคต่ำ และมีไขมันและคาร์โบโฮเดรทสูง โดยพบว่าไขมันที่เพิ่มขึ้น 17 กรัม และคาร์โบไฮเดรทที่เพิ่มขึ้น 50 กรัม มีแนวโน้มเพิ่มริ้วรอยของผิวหนังและทำให้ผิวบางลง

อาหารที่มีวิตามินซี ได้แก่ น้ำส้ม ผลไม้ตระกูลส้ม น้ำผลไม้อื่น ๆ และน้ำมะเขือเทศ
กรดไลโนเลอิค ได้แก่ น้ำมันเรปซีด หรือ คาโนล่า และน้ำมันถั่วเหลือง

ถ้ารับประทานอาหารโดยการผสมผสานให้มีวิตามินซีและกรดไลโนเลอิคสูง ช่วยชะลอวัยเสื่อมได้

อ้างอิงจาก นิตยสาร BRAND'S  ค่ะ ^0^