หลังจากที่ผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์กับต่อมทอมซิลไปแล้ว นอนที่โรงพยาบาล 1 คืน พยาบาลก็เข้ามาดูว่าลูกเรามีเลือดออกมาหรือเปล่า เพราะตอนที่ผ่าตัดเสร็จ ยาสลบหมดฤทธิ์ เขาตื่นมาร้องโวยวายลั่นโรงพยาบาลเลย คุณหมอเลยกลัวเพราะเพิ่งผ่าตัดเสร็จ แล้วใช้เสียงก็เลยกลัวเรื่องแผล ก็ไม่มีเลือดออก โล่งอกหน่อย แล้วก็มีให้ทานยาแก้ปวด
ตอนนอนเราก็เลยถ่าย VDO ไว้ เพราะเสียงกรนดังมาก พอมีพยาบาลเข้ามา เลยสอบถามดู เขาก็อธิบายว่าเป็นกันทุกคน เพราะเกี่ยวกับลิ้นไก่ เดี๋ยวก็จะหายไปเอง
เสียงกรนหลังผ่าตัดก็จะเป็นแบบนี้
พอวันรุ่งขึ้นก็ออกจากโรงพยาบาลได้
เราพาแวะไปที่บ้านพ่อกับแม่เรา ก็รู้สึกว่าลูกเราหน้าแดง ๆ วัดไข้ดู มีไข้นิด ๆ ก็เลยให้ทานยาแก้ไขไป แต่ก็ร่าเริงดีมาก ยิ้มเล่นกับคุณตาคุณยาย
ช่วงนี้ก็ยังไม่ทานอะไรเลย น้ำหวานก็ไม่ ไอติมก็ไม่เอา แต่เพราะต้องทานยา เราก็เลยแกมบังคับให้ทานบ้างนิดหน่อย อย่างข้าวต้มซองที่เราเอามาจากญี่ปุ่น (รูปจาก Google) ก็ไม่ต้องอุ่นก็ทานได้ ลูกเราก็ทานไปนิ๊ดเดียวจริงๆ ก็โอเค พอมีของตกท้อง แล้วก็ทานยา แต่ถ้าเป็นของร้อน ก็ต้องรอให้เย็นก่อน แล้วก็ต้องทำให้อาหารนั้นเละ ๆ คือบี้ให้เละที่สุด จะได้กลืนไม่ลำบาก
ส่วนการพูดและน้ำเสียงของลูกเราก็เหมือนคนห่อลิ้นพูด คือเสียงไม่ชัดเจน ไม่เหมือนตอนก่อนผ่า เราก็กังวล จะเป็นแบบนี้ตลอดหรือเปล่าเนี่ย แต่สักพักใหญ่ ๆ ก็กลับมาพูดเป็นปกติ
(ช่่วงนี้เราก็ให้ลูกเราอยู่แต่โรงแรม ไม่ได้ให้ออกไปไหน คุณหมอก็บอกเหมือนกันว่าไม่ควรออกไปข้างนอกประมาณ 10 วัน)
จนมาคืนวันที่ 29 กค. 23 ลูกเราก็คงยังไม่ค่อยทานอะไร เลยให้ดื่มนม แต่ดื่มไม่หมดนะ แล้วพอมาถึงตอนมื้อกลางวัน ลูกเราบอกมาว่าปวดท้อง หนาว ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดอะไร นึกว่าบอกแบบประมาณว่าไม่อยากทานข้าวที่ป้อนให้เลยหาข้ออ้าง
มามื้อเย็น ให้สามีซื้อไข่ตุ่นมา ก็ให้ทานไข่ตุ๋น กับนมใส่น้ำแดง ทานไปได้ไม่เยอะเท่าไหร่ บอกปวดท้อง หนาว เหมือนตอนกลางวัน พอให้ทานยามื้อเย็น แป๊บเดียวเองก็อ๊วก เป็นสีส้ม ๆ เลยโทรไปรพ ที่ผ่าตัด ในส่วนแอ๊ดมิดปิดแล้ว ก็อธิบายให้พยาบาลฟัง เขาบอกให้นอนพัก
แล้วก็อ๊วกอีกเป็นครั้งที่ 2 คราวนี้เริ่มไม่ได้การละ เลยรีบพาไป รพ ที่ใกล้ที่สุด มาถึงรพ ก็อ๊วกอีก 1 ครั้ง เจอคุณหมอ คุณหมอบอกเป็นกระเพาะลำไส้ติดเชืัอ ถามว่าเกี่ยวกับที่ผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์ทอมซิลหรือเปล่า คุณหมอบอกไม่เกี่ยว แผลผ่าตัดโอเค น่าจะเป็นจากอาหารไม่สะอาด หรือมือไม่สะอาด แล้วเอาเข้าปาก อีกแล้วทุกครั้งที่มา ลูกเราต้องเข้ารพ เพราะสาเหตุนี้ตลอดเลย
คุณหมอให้ยามากลับมาทานที่บ้าน เป็นยาแก้อาเจียน ลดลมในกระเพาะ ยาแก้ปวดท้อง เกลือแร่แบบชง ทานยาแล้วก็นอนพัก ผ่านไป 2 ชั่วโมง ตอนนั้นเที่ยงคืนได้ อ๊วกอีก ให้จิบน้ำเกลือแร่ นอนต่อผ่านไปอีก 2 ชั่วโมง ตี 2 ของวันที่ 30 ก็อ๊วกอีก คราวนี้ไม่นอนหลับต่อ บอกปวดท้อง ดิ้นไปมา บอกปวดขาอีก ปัสสาวะอีก สีของปัสสาวะนี่น้ำตาลเข้มมาก ฟองเต็มไปหมดเลย เลยรีบโทรถามรพ เจ้าหน้าที่บอกว่า ที่ปวดขาด้วย ปัสสาวะเข้มมีฟอง ก็เพราะร่างกายขาดสมดุลแล้ว ถ้าจิบเกลือแร่ไม่ได้ก็ต้องให้น้ำเกลือ กะจะเรียกรถพยาบาล เพราะดึกมาก + ไม่รู้เดินไหวเปล่า แต่ถ้าเรียกรถก็ 1200 บาท สามีเราบอกเรียกแท็กซี่ดีกว่า ระหว่างไปเรียกมีอ๊วกอีก แท็กซี่ก็มีคนรอเรียกอีก เพราะคงเพิ่งเลิกจากไปเที่ยวกัน ดีที่มีคันนึงตรงมาที่พวกเราเลยได้ขึ้นแบบไม่ต้องรอนาน
(มีต่อในแชร์ต่อไป)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น