วันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

แชร์ประสบการณ์ ลูกชาย 9 ขวบผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์และต่อมทอมซิลที่เมืองไทย (วันที่ผ่าตัด)

 หลังจากที่นัดคุณหมอ เอ็กซเรย์ดูว่าอะดีนอยด์เป็นยังไง สรุปก็ยังโตอยู่กว่าเด็กทั่วไป 30 % แต่เล็กลงจาก 4-5 ปีที่แล้ว ก็เลยไปคุยเรื่องค่าใช้จ่ายที่การเงิน ก็โอเคเป็นราคาที่เรารับได้ แต่แอบแพงกว่าตอนของลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องเรา แต่ก็อย่างว่าเวลาผ่านไป อะไรก็แพงขึ้น

23 กค. วันผ่าตัด

การผ่าเป็นแบบดมยาสลบ งดอาหารตั้งแต่ 8.00 น.ของวันที่ผ่า  แล้วก็ให้มาถึงที่ร.พ. 9.00 น. ลูกเราคือแทบไม่ทานอะไรเลย เพราะกลัวการไปร.พ. ก็เท่ากับว่าเมื่อวานก็ไม่ได้ทาน วันนี้ก่อนผ่าตัดก็ไม่ทานอีก เรากังวลมาก ก็ไม่รู้จะทำยังไง พอได้ห้องพักเรียบร้อยแล้ว ลูกเราผ่า 16.00 น. ก็เปลี่ยนเป็นชุดของร.พ. แล้วก็รอที่ห้องผู้ป่วย สักพักพยาบาลเอาน้ำแดงมาให้ดื่ม บอกคุณหมอบอกให้ดื่มไว้ก่อน เราก็เลยเอะใจเพราะได้ยินมาว่าต้องงดไม่ใช่เหรอ พยาบาลก็บอกว่า เป็นสไตล์ของคุณหมอท่านนี้ ว่าจะให้ดื่มก่อน ก็โอเค พอจะมีอะไรรองท้องนิดนึง 

พอถึงเวลาผ่า ก็พาไปดมยาสลบ ลูกเราขัดขืนอย่างแรง แต่พอยาออกฤทธิ์  นิ่งตาค้างเลย เราตกใจมาก ตัวไม่ขยับ ตาค้าง เราหน้าซีดเลย จะเป็นอะไรหรือเปล่า พยาบาลก็บอกว่าไม่เป็นไร เป็นแบบนี้กันทุกคน เพราะยาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว  แล้วก็พาเข้าห้องผ่าตัด แม่เข้าไปด้วยไม่ได้ ก็รออยู่ห้องข้าง ๆ ใช้เวลาผ่าตัด 30 นาที ระหว่างนั้นภาวนาอย่างเดียวเลยขอให้ปลอดภัย ๆ  พอผ่าตัดเสร็จคุณหมอก็ออกมา แล้วก็บอกว่าต่อมทอมซิลก็โตนะ เลยตัดออกไปด้วย เดี๋ยวจะมีพยาบาลถือมาให้ดูที่ตัดไป จะถ่ายรูปก็ได้ เพราะเขาจะต้องส่งที่ตัดไปตรวจอีกว่าปกติ หรือผิดปกติหรือเปล่า 

ต่อมที่ตัดไป เราก็ถ่ายรูปมาเหมือนกัน แต่คงลงให้ดูไม่ได้ เพราะอ่ะนะ อวัยวะภายใน 

พอยาสลบเริ่มหมดฤทธิ์ หลังจากผ่าแป๊ปนึง ยังไม่ได้ออกจากห้องผ่าตัด พอลูกเรารู้สึกตัว โวยวายร้องเสียงดังลั่นร.พ. เลย เสียงร้องก็ผิดจากเดิม เหมือนจะทุ้ม ๆ พูดฟังไม่ชัด ร้องแต่บอกว่า "ตา ๆ " ก็ถามพยาบาล ว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า พยาบาลก็บอกว่า มีการป้ายยาที่ตาด้วย เพราะตอนผ่าตัดจะร้อนมากเลย ระวังเรื่องตา เพราะฉะนั้นตาก็จะพร่า ๆ สักพักนึง แล้วพยาบาลก็เอาสำลีชุบน้ำเกลือเช็ดเปลือกตา ก็เหมือนจะดีขึ้น  แต่ร้องตลอด คุณหมอก็กังวลว่าจะมีเลือดออกด้านในหรือเปล่า เพราะสียงร้องดังมาก กลัวไปกระเทือนกับแผลที่ผ่าตัด ก็โอเคไม่มีเลือดออก 

แล้วคุณหมอก็มีมาบอกให้ทำ 3 ข้อนี้หลังจากผ่าตัด เราจำได้แค่ 2 ข้อ

1. ทานของเย็นอย่างไอศครีม โยเกริ์ต ข้าวต้ม โจ๊ก  ถ้าเป็นของร้อนอยู่ก็ปล่อยให้เย็นก่อน แล้วก็บี้ให้เละ ๆ  ของทอดงด  อาหารปกติยังทานไม่ได้ ให้ทานของอ่อน ๆ 

2. ดุแลช่องปากให้สะอาด บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ  ถ้ามีเลือดออก น้ำที่บ้วนก็จะเป็นสีแดง ก็ให้ติดแจ้ง ร.พ. 

ข้อ 3 จำไม่ได้อ่ะ

หลังจากนั้นก็เป็นช่วงพักฟื้นที่ห้องคนไข้ นอนค้างที่รพ. 1 คืน มีให้ทานยาแก้ปวด  แล้วก็จะคอยเอาเจลแช่เย็นมาประคบที่ลำคอ ช่วยลดการอาการเจ็บ 

ยาที่ได้หลังจากผ่าตัด 

ยาฆ่าเชื้อ 3 มื้อ ทาน 3 อาทิตย์ (24 กค. - 13 สค.)

ยาห้ามเลือด 3 มื้อ ทาน 10 วัน 

ยาแก้แพ้ ทาน 2 มื้อ เช้ากับเย็น ทาน 10 วัน

นอกนั้นเป็นยาตามอาการ  ยาแก้ปวด ยาแก้ไอแบบน้ำ

ลูกเราก็มียาที่ทานประจำอยู่ เราก็เลยโทรกลับมาญี่ปุ่น ถามเจ้าหน้าที่ที่จ่ายยาให้ว่า ลูกเราผ่าตัดอะดีนอยด์ทีไทย ได้ยาแบบนี้มา สามารถทานร่วมกับยาที่ทานอยู่ได้มั้ย เจ้าหน้าที่ก็เช็คอยู่สักพัก ก็บอกว่าได้ ค่อยโล่งอกหน่อย จริง ๆ คุณหมอที่ผ่าตัดก็บอกแล้วล่ะว่าทานร่วมกันได้ แต่เพื่อความชัวร์อ่ะเนอะ


ปัญหาก็คือหลังจากผ่าตัดแล้ว ลูกเราแทบไม่ทานอะไรเลย ทั้งไอศครีม มีดื่มน้ำบ้าง แต่ดูกลืนลำบาก ๆ  น่าสงสารมาก ๆ อ่ะ แต่ก็ต้องเข้มแข็งไว้ก่อน ลูกเราจะได้ไม่ตกใจไปมากว่านี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น