วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Birth Plan ที่โรงพยาบาลให้มากรอก

ตอนที่ตรวจครรภ์ครั้งที่ 4 (อายุครรภ์ 16 สัปดาห์) ทางโรงพยาบาลก็จะให้เอกสารมา ในนั้นก็จะมี
- คู่มือแนะนำการคลอดที่โรงพยาบาล
http://jipathajapan.blogspot.jp/2014/03/blog-post_27.html

- เอกสารสำหรับคนค้ำประกัน (คนค้ำจะเป็นสามีไม่ได้ แต่ถ้าพ่อสามีได้ ก็เลยให้คุณพ่อคุณซูเป็นคนค้ำให้ แล้วก็ยื่นส่งภายในอายุครรภ์เท่าไหร่ก็จำไม่ได้แล้วหล่ะ T T)

- Birth Plan

เนื้อหาใน Birth Plan จะถามเราว่า

จะเลือกวิธีการคลอดแบบไหน

1. ตั้งใจคลอดเองธรรมชาติ (ซึ่งกรณีนี้คุณแม่และลูกต้องไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด)
     #ถ้าจะคลอดเองแบบธรรมชาติโดยใช้ยาชาด้วยจะทำได้แค่ในช่วงเวลาทำงานของวันธรรมดาเท่านั้น

2. คลอดแบบกำหนดวัน (ให้เลือกระหว่าง 2.1 กับ 2.2)
   2.1 ต้องการคลอดเองแบบใช้ยา (ยกเว้นตอนกลางคืน และวันนักขัตฤกษ์) และต้องมีหนังสือยินยอม
[ปล. ยาที่ว่านี้เราว่าน่าจะหมายถึงยาเร่งคลอดกับยาชานะ]
   2.2 ไม่ต้องการคลอดเองแบบใช้ยาชา [เราก็คิดว่าไม่ใช้ยาชาแต่อาจจะใช้ยาเร่งคลอด]

3.  ให้สามีเข้าไปในห้องคลอดด้วย (ให้เลือกระหว่าง 3.1 กับ 3.2)
    3.1 ต้องการ (ตามกฏแล้ว จะสามารถให้สามีเข้าไปในห้องคลอดได้ในช่วงเวลาทำงานของวันธรรมดา และวันเสาร์ เท่านั้น)
    3.2 ไม่ต้องการ

หลังจากที่คลอดแล้ว
 โดยปกติห้องแม่กับห้องลูกจะแยกห้องกัน ในระหว่างวันสามารถบอกให้สต๊าฟพาลูกมาที่ห้องได้ และถ้าน้ำนมแม่ยังไม่มี ทางโรงพยาบาลจะให้สารอาหารผสมด้วย  ถ้าต้องการทราบวิธีทำสารอาหารที่ว่า สามารถระบุความต้องการได้

หลังจากที่คลอดแล้ว ต้องการห้องแบบไหน
1. ห้องส่วนต้วของแผนกสูติกรรม
2. ห้องส่วนตัวตึกใหม่ (5 วัน +เพิ่ม 5,000 เยน)
3. ห้องพิเศษตึกใหม่ (มีห้องอาบน้ำในตัว) (+เพิ่ม คืนละ 15,000 เยน)
          (หลังจากที่กรอกเสร็จแล้วและได้ยื่นเรียบร้อยแล้ว เฉพาะสามีสามารถพักได้คืนละ 10,000 เยน)

ให้ยื่น Birth Plan นี้ในช่วงอายุครรภ์ 28 - 36 สัปดาห์

----------------------------------------------------
เราก็ลองเอาใบนี้ปรึกษาคุณหมอว่าในกรณีของเราสามารถคลอดเองแบบธรรมชาติได้หรือเปล่า  คุณหมอก็บอกว่าส่วนใหญ่คนที่มาฝากครรภ์ที่นี่จะคลอดเอง ที่โรงพยาบาลนี้จะไม่เน้นการใช้ยา นอกเสียจากว่ามีกรณีพิเศษที่จำเป็นต้องใช้ ก็จะต้องให้สามีเซ็นรับรองก่อน
ที่นี่นี่เน้นธรรมชาติสุด ๆ
เราก็เลยเลือกข้อ 1 (คลอดเองแบบธรรมชาติ) , ข้อ 3.1 (ต้องการให้สามีเข้าไปด้วย ดังนั้นคุณซูก็ต้องอบรมคอร์สที่สามีเข้าไปในห้องคลอดด้วยว่าจะต้องทำยังไงบ้าง ก็ขอให้คลอดวันธรรมดาหรือวันเสาร์ในเวลาทำงานเถิดนะเพี้ยง เพราะถ้าไม่ใช่วันเวลาที่ว่าสามีก็เข้าไปไม่ได้ถึงเราจะระบุว่าต้องการก็เถอะ)
แล้วก็เลือกห้องแบบที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม (ขอประหยัดส่วนนี้ไปใช้ส่วนอื่นดีกว่า)





 



ได้เวลาซักเสื้อผ้าของเจ้าหนู + รื้อของที่ซื้อมาออกมาดู

วันนี้อากาศดีหลังจากที่ฝนตกมาหลายวัน ก็เลยรีบซักเสื้อผ้า ผ้าอ้อมของเจ้าหนูก่อนดีกว่า เพราะเดี๋ยวฝนมาอีกไม่ได้ซักกันพอดี
ส่วนใหญ่มีแต่ผ้าอ้อมแหะ เสื้อผ้ามีแค่ 13 ตัวเอง 555 คงไม่น้อยไปเนอะ
อีกล็อตนึง (พวกผ้าขนหนู) กะว่าจะซักพรุ่งนี้ เพราะวันนี้ไม่มีที่แขวนแล้ว *-*



แล้วก็เลยมาดู ๆ ของที่ซื้อมาว่าหน้าตาเป็นยังไง
อย่างแผ่นซับน้ำนม เป็นแบบนี้นี่เอง


สำลีทำความสะอาด อย่างเช็ดรอบปากของเด็ก เช็ดทำความสะอาดเต้านมก่อนให้นม เป็นต้น ใส่ซองอลูมิเนียมให้เรียบร้อย ข้างในซองเหมือนจะมี 2 แผ่น ทั้งหมดกล่องนี้มี 100 ซอง


แล้วก็เป้อุ้มเด็ก สายยั้วเยี้ยเต็มไปหมด คงต้องดูคู่มือประกอบว่าใช้ยังไง เห็นคนอื่นใช้ดูง่าย ๆ แต่ไม่รู้ว่าพอเราใช้เองจะง่ายอย่างงั้นหรือเปล่า


รื้อของออกมาก็ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่าต้องซื้ออะไรเพิ่มเติมบ้าง แต่ส่วนใหญ่คงเป็นของจุกจิก อย่างเช่น กล่องใส่คัตเติ้ลบัต + ใส่กรรไกร คล้าย ๆ กล่องใส่อุปกรณ์  กล่องที่ใส่พวกของใช้สำหรับอาบน้ำ กระเป๋าพกพาสำหรับใส่พวกแผ่นซับน้ำนม สำลี อะไรประมาณนี้ ของพวกนี้แวะร้าน 100 เยนเลย ^ 0 ^


วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตรวจครรภ์ครั้งที่ 11 ที่โรงพยาบาลญี่ปุ่น (อายุครรภ์ 35 สัปดาห์)

วันนี้ไปโรงพยาบาลมีนัดตรวจครรภ์ครั้งที่ 11 (อายุครรภ์ 35 สัปดาห์) ครั้งนี้คุณซูก็ไม่ได้ไปด้วยเพราะติดงาน ไปถึงโรงพยาบาลก็ยื่นบัตรนัด บัตรคนไข้ สมุดสุขภาพแม่และเด็ก สมุดช่วยค่าตรวจ บัตรประกันสุขภาพ จากนั้นก็ไปวัดความดัน แล้วก็ไปเก็บปัสสาวะ ความดันที่วัดได้อยู่ที่ 104/67 เพิ่มจากครั้งที่แล้วนิดหน่อย จากนั้นก็นั่งรอเรียก พอเจ้าหน้าที่เรียกแล้วก็เข้าห้องตรวจ ชั่งน้ำหนักอยู่ที่ 69.0 (ครั้งที่แล้ว  68.5)

จากนั้นคุณหมอวัดช่วงท้องให้พยาบาลจดที่สมุด แล้วก็จับที่ขาเราแล้วก็พูดว่า Puramai แล้วก็มาซาวด์ดูหน้าจอ ครั้งนี้คุณหมอก็ให้ดูส่วนหัว วัดความกว้าง ยาว ให้ดูช่วงท้อง ดูช่วงขาให้ดูบริเวณที่เป็นส่วนกระดูกของต้นขา ทุกอย่างปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร แล้วก็ให้ฟังเสียงหัวใจเต้น น้ำหนักของเจ้าหนูในวันนี้อยู่ที่ 2,500 กรัมกว่า ๆ  มีแว็บนึงที่ระหว่างดูหน้าจอ รู้สึกว่าเราจะเห็นหน้าของเจ้าหนู หน้าไปทางพ่อนะ ก็น่ารักดี (ลูกใครใครก็ต้องชมว่าน่ารักทุกคนอ่ะเนอะ ^^) 

เครื่องซาวด์ของที่นี่น่าจะไม่เหมือนของที่ไทย เพราะอย่างของน้องสะใภ้หรือคนที่รู้จักที่เขาโพสต์รูปที่ซาวด์ ก็จะเห็นโครงหน้าแล้วว่าคล้ายใครหรือหน้าตาเป็นยังไง แต่ของเราจะเห็นแค่ว่าเป็นส่วนหัวนะ ส่วนท้องนะ ตรงนี้ตา ตรงนี้อวัยวะภายใน ประมาณนี้อ่ะ คงต้องรอลุ้นวันคลอดว่าหน้าตาเจ้าหนูเป็นยังไง (ตื่นเต้น ๆ ^0^)

คุณหมอบอกว่าเด็กยังไม่กลับหัวลง ให้เราพยายามขยับตัว หรือเคลื่อนไหวให้เยอะขึ้น 

ก็เป็นอันเสร็จการตรวจซาวด์ในครั้งนี้ จากนั้นก็มาคุยกับคุณหมอ เราบอกอาการคุณหมอว่าตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา จะรู้สึกปวดบริเวณท้องด้านล่าง คุณหมอก็บอกว่าอาจจะเป็นเพราะท่านั่งของเราที่นั่งหลังไม่ตรง เลยทำให้ปวดบริเวณนั้นได้ 

แล้วคุณหมอก็บอกว่า แต่ว่าถ้ามีอาการเจ็บท้องเตือนในช่วงนี้ + กับอายุครรภ์ 35 สัปดาห์ไปแล้ว + กับน้ำหนักของทารกในครรภ์ก็เกิน 2,500 กรัม การคลอดในช่วงนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร 

เราฟังแบบนี้รู้สึกตกใจ เพราะยังไม่ได้เตรียมอะไร ๆ ให้เรียบร้อยเลย กลับไปบ้านคงต้องรีบเตรียมซะแล้ว อย่างซักผ้าของลูกเอย  แต่ช่วงนี้ฝนตกทุกวันเลยรอวันแดดเปรี้ยง ๆ จะรีบจัดการเลย

ส่วนเรื่องน้ำหนักของเราขึ้นมาจากก่อนท้อง 13 โล คุณหมอให้รักษาให้อยู่ที่ตัวเลขนี้ตลอดจนกว่าจะคลอด เพราะถ้าเกินเยอะ ๆ จะทำให้คลอดยากขึ้น (ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า เพราะกินเก่งขึ้นซะด้วยสิ)

พอพูดคุยกับคุณหมอเสร็จก็ไปตรวจภายในดูว่าเจ้าเชื้อ GBS ที่ตรวจไปเมื่อครั้งที่ 9 หลังจากที่ทานยาไปเจ้าเชื้อนี้หมดไปหรือยัง ผลน่าจะรู้สัปดาห์หน้า  

นัดครั้งต่อไปก็อีก 1 สัปดาห์ (เริ่มนัดถี่ขึ้นแล้ว)

ค่าตรวจในครั้งนี้ 2,920 เยน

อาการในช่วงนี้ :

- ตกขาวมาเยอะขึ้น

- เป็นตระคริวครั้งนึงตอนตื่นนอนที่ขาขวา ไม่รู้ว่าเพราะวันนั้นอาการเย็นแล้วเราไม่ได้ใส่ถุงเท้านอนหรือเปล่า  ปวดสุด ๆ แล้วทั้งวันนั้นก็ยังคงรู้สึกว่าปวดนิด ๆ ตลอดทั้งวัน

- ค่าสายตารู้สึกว่าสั้นลง 

- ท้องเริ่มตึง ๆ ปวดหน่วง ๆ 

- ท้องเริ่มผูกทั้ง ๆ ที่กินผักทุกวัน

- ตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกทุกวันเลย  

- เจ้าหนูดิ้นแรงขึ้น โดยเฉพาะหลังกินข้าว บางทีดิ้นจนทำเราจุกก็มี 555

 

อ้อ!!!แล้วในวันนี้เรายื่นกระดาษที่เคยได้รับจากโรงพยาบาลเกี่ยวกับเรื่อง Birth Plan ให้กับเจ้าหน้าที่ด้วย  

Birth Plan ที่ว่านี้คืออะไร คงต้องขอเขียนไว้ที่อีกบทความนึงซะแล้ว เพราะบทความนี้ก็ค่อนข้างยาวหล่ะ 


 

 

 

 



วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ทางเลือกใหม่ของผงซักฟอกญี่ปุ่น

ปกติผงซักฟอกที่ใช้ ๆ กันอยู่ก็จะเป็นแบบผง หรือไม่ก็แบบของเหลว แต่เมื่อไม่นานมานี้ที่ญี่ปุ่นมีผงซักฟอกที่เป็นทางเลือกใหม่มาโฆษณาให้ได้ลองใช้กัน เราก็กะว่าหมดจากที่ใช้อยู่ครั้งนี้ก็จะลองซื้อมาใช้ดู เพราะมันจะเป็นก้อน ๆ ใส่เข้าไปทั้งก้อนแบบนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้าแบบฝาบน หรือว่าแบบฝาหน้าก็ใส่ไปทั้งก้อนแล้วก็ตามด้วยเสื้อผ้าที่เราจะซัก  หน้าตากับยี่ห้อก็ตามรูปนี้เลย
เห็นเขียนไว้ด้วยว่าสามารถกำจัดกลิ่นได้ถึง 2 เท่า ก็พอดีเลยช่วงนี้ที่ญี่ปุ่นเข้าหน้าฝนแล้ว ส่วนใหญ่จะตากผ้าในบ้าน จะได้ไม่มีกลิ่นอับชื้น




ขอบคุณรูปจาก Google



วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เตรียมของแม่และเด็ก - หมวดของเกี่ยวกับให้นมลูก

ในหมวดนี้เราไม่ค่อยได้เตรียมอะไรมาก อย่างขวดนม ที่ปั้มนมเรากะว่าจะไม่ซื้อเตรียมไว้เพราะจะเลี้ยงด้วยนมแม่ล้วน ๆ + กับไม่ได้ทำงานอะไร เห็นบางคนบอกว่าขวดนมไม่จำเป็นเลยถ้าแม่ไม่ได้ไปทำงานนอกบ้าน ก็เลยเดี๋ยวดูว่าตอนคลอดน้ำนมไหลเปล่า ถ้าฉุกเฉินหรือไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็คงให้คุณซูรับหน้าที่ไปซื้อในช่วงที่อยู่โรงพยาบาล

ในหมวดนี้ก็เลยเตรียมแค่นี้ ก็จะมี :

1.  เสื้อชั้นในสำหรับให้นมลูก(授乳兼用ブラジャー)ใช้อยู่ตอนนี้ 3 ตัว แล้วก็ซื้อเพิ่มอีก 1 ตัว ที่ร้าน Akachanhonpo ราคา 1,624 เยน (ไม่ขอลงรูปนะจ๊ะ ^^)

2.  แผ่นซับน้ำนม (母乳パット) 1 แพ็ค ซื้อที่ร้าน Akachanhonpo ราคา 880 เยน


3. ผ้าคลุมให้นม (授乳ケープ)ซื้อที่ร้าน Akachanhonpo ราคา 2,035 เยน
(รูปนี้ยังไม่ได้คลี่ออกมา ยังอยู่ในถุงของมันอยู่)


4. เสื้อที่สะดวกให้นมลูก (授乳口付き)  ซื้อมาตัวเดียวก่อนว่าสะดวกกว่าเสื้อผ้าทั่ว ๆ ไปหรือเปล่า
คือที่ดูเหมือนเสื้อกล้ามข้างในจะมีกระดุมปลดได้  ซื้อที่ร้าน Nishimatsuya ราคา 999 เยน



ธรรมเนียมการให้ของตอบแทน (お祝い返し)

หลังจากที่มาอยู่ที่ญี่ปุ่นสิ่งนึงที่เรารู้สึกได้ก็คือ เวลาเราให้ของอะไรใครเขาก็จะให้ตอบแทนกลับมา(お祝い返し)
อย่างตอนที่เพื่อนร่วมงานคุณซูประสบอุบัติเหตุตอนที่ทำงาน คุณซูก็ไปเยี่ยมแล้วก็มีให้เงินช่วยเหลือ แต่จำไม่ได้แล้วว่ากี่เยน สักพักก็มีพัสดุมาที่บ้านเป็นของตอบแทนที่คุณซูไปเยี่ยมหล่ะ
ของที่เขาส่งมาตอบแทนกรณีนี้จะเรียกว่า 「快気祝い=かいきいわい」 
หน้าตาแบบนี้ เป็นพวกน้ำยาซักผ้า ปรับผ้านุ่ม หรืออาจจะให้เป็นของอย่างอื่นก็ได้นะแล้วแต่



แล้วก็มีอีกเพื่อนคุณซูแต่งงานแต่น่าจะไม่ได้จัดงานแต่งมั้งนะ  พอคุณซูรู้ข่าวก็ใส่ซองให้  30,000 เยน  เราร้องอู้หูเลย แต่คุณซูบอกว่าเขาก็ให้กันประมาณที่เท่านี้หรืออาจจะมากกว่า
หลังจากนั้นเพื่อนเขาก็ให้ของตอบแทนมา เป็นแคตตาล็อกพวกเครื่องใช้ในครัว เครื่องไฟฟ้าชิ้นเล็ก ๆ
มาให้  ให้เราเลือกเองว่าถูกใจอันไหน แล้วก็ส่งไปรษณีย์ระบุของที่เลือก เพื่อให้บริษัทนั้นส่งของมาให้ หรืออาจจะให้เป็นของอย่างอื่นก็ได้นะแล้วแต่
ของตอบแทนในกรณีนี้จะเรียกว่า 「結婚之内祝=けっこんのうちいわい」 ซึ่งรู้สึกว่าจะมีธรรมเนียมด้วยอ่ะคือของตอบแทนที่จะคืนมาให้สำหรับแต่งงานนี้จำนวนเงินจะประมาณครึ่งหนึ่งของเงินที่ให้ไป แล้วก็ควรจะให้ภายใน 1 เดือนหลังจากที่ได้รับซองหรือหลังจากที่จัดงานแต่งไปแล้ว
 (ปล. นอกจากของตอบแทนงานแต่งแล้ว ของตอบแทนในกรณีอื่น ๆ ก็คงจะมีธรรมเนียมการคืนด้วยเหมือนกัน แต่เราไม่ค่อยรู้รายละเอียดเท่าไหร่ mT Tm)





หมายเหตุ : บริเวณที่ลบไปเป็นนามสกุลของคนที่ส่งมา

แล้วก็จะมีเพื่อนของคุณซูที่เวลาคุณซูไปเที่ยวไหนกลับมาแล้วก็ซื้อของฝากมาฝาก เขาจะต้องมีของคืนมาให้ด้วยตลอด อย่างตอนที่คุณซูไปฮอกไกโดคุณซูให้ขนม Shiroikoibito ไป  เขาก็จะให้ขนมเค้กกลับมาเลยเป็นลาภปากสำหรับเราเลย อิอิ

วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เตรียมของเด็ก - หมวดอาบน้ำ และ care goods

ในหมวดอาบน้ำ (沐浴)และ care goods(ケアグッズ)ที่เราเตรียมไว้ก็จะมี

หมวดอาบน้ำ :

1. baby bath (ベビーバス)ซื้อที่ร้าน Nishimatsuya ราคา  999 เยน


2. สบู่เหลวอาบน้ำเด็ก แบบฟอง (ベビー全身シャンプー 泡タイプ)  ราคา 820 เยน ที่เลือกยี่ห้อนี้ก็เพราะสามารถหาซื้อได้ตามซุปเปอร์ทั่วไป แต่ไม่รู้ว่าจะแพ้หรือเปล่าเนอะ ผิวเด็กก็เหมือนผิวผู้ใหญ่ที่แพ้ยี่ห้อโน้นนี้



3. ผ้าสำหรับถูตัว หรือสามารถนำไปใช้ได้ทั้งเช็ดตัวเช็ดหน้า ฯ  (ガーゼハンカチ)แพ็คนี้มี 20 ผืน ซื้อที่ Akachanhonpo ราคา 780 เยน



4. ผ้าขนหนู (バスタオル)เราซื้อมา 3 ผืน ที่ร้าน Nishimatsuya ผืนที่ไม่มีลายราคาผืนละ 399 เยน ส่วนผืนที่ลายเป็นรูปช้าง (คุณซูนี่ชอบรูปช้างจริงๆ ถามว่าทำไม ตอบว่าเพราะช้างเป็นสัญลักษณ์ของไทย ท่าทางรักเมืองไทยจริง ๆ ^^) ราคาผืนละ 599 เยน


5. ที่วัดอุณหภูมิน้ำ (湯温計)ซื้อที่ Akachanhonpo ราคา 389 เยน



ส่วน Care Goods ก็จะมี :

1. กรรไกรตัดเล็บ (爪切り)ซื้อที่ Akachanhonpo ราคา 580 เยน


2. ที่คีบขี้มูก (ベビーピンセット) แล้วก็จำไม่ได้ว่าซื้อที่ไหน ราคาเท่าไหร่อ่ะ




3. คัตเติลบัต (綿棒)1 กล่อง  ซื้อที่ Akachanhonpo ราคา 180 เยน


4. สำลีทำความสะอาด (清浄綿)ราคา 598 เยน




5. เบบี้ออยล์ (ベビーオイル)ราคา 820 เยน ที่เราเห็นขายจะมีหัวปั้มสีฟ้ากับสีชมพูที่เราเลือกสีฟ้าเพราะเขาเขียนว่าไม่มีน้ำหอม ของสีชมพูจะมีน้ำหอมผสมอยู่


น่าจะมีประมาณนี้อ่ะเนอะ



วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ในช่วงของการตั้งครรภ์แรก ๆ เรื่องที่ทำได้ และเรื่องที่ทำไม่ได้ - บุหรี่ เหล้า, ของกิน, เครื่องดื่ม

ไปอ่านเจอนิตยสารเล่มนึงของญี่ปุ่นที่รวบรวมเกี่ยวกับช่วงตั้งครรภ์แรก ๆ ว่าเรื่องไหนทำได้ เรื่องไหนทำไม่ได้
ในนิตยสารก็จะแบ่งเป็นหัวข้อ ๆ ซึ่งหัวข้อที่เราจะขออัพก่อนก็จะมี บุหรี่ เหล้า, ของกิน, เครื่องดื่ม
โดยขอแสดงเป็นเครื่องหมาย
○  ทำได้ OK
△ ทำได้แต่ให้ระมัดระวังในเรื่องของปริมาณ ฯลฯ
× ทำไม่ได้  NG


-บุหรี่ เหล้า :
1. บุหรี่ ×
2. เหล้า ×
3. เหล้าที่ใช้ในการทำอาหาร  △
4. เบียร์ แอลกอฮอล์ 0.0 %  △ แต่ระวังเรื่องของน้ำตาล

-ของกิน :
1. ปลาดิบ (Sashimi, Sushi) △ ทานได้แต่ให้ระวังเรื่องปริมาณ เพราะอย่าง Maguro อาจจะมีพวกสารปรอทอยู่  และปลาอื่น ๆ ถ้ายังดิบ ๆ อยู่อาจจะมีแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ เพราะฉะนั้นให้ระวังในเรื่องของปริมาณที่ทาน
2. ปลาไหล △ เนื่องจากมีวิตามิน A รวมอยู่ ในช่วงตั้งครรภ์แรก ๆ ให้ระวังเป็นพิเศษ ใน 1 วันกำหนดทานที่ประมาณ 40-50 กรัม
3. หอย ○ แต่ทางที่ดีควรทานที่ผ่านการปรุงให้สุกแล้วจะดีที่สุด
4. ตับ △ เนื่องจากมีวิตามิน A รวมอยู่ ในช่วงตั้งครรภ์แรก ๆ ให้ระวังเป็นพิเศษ ตับหมู ตับไก่ใน 1 วันกำหนดทานที่ประมาณ 4 กรัม  ส่วนตับวัวใน 1 วันกำหนดทานที่ประมาณ 50 กรัม 
5. เนื้อม้าดิบ แฮมดิบ △ ทานเป็นบางครั้งได้ แต่ควรที่จะปรุงให้สุกจะดีที่สุด และเนื่องจากมีวิตามิน A รวมอยู่ ในช่วงตั้งครรภ์แรก ๆ ให้ระวังเป็นพิเศษใน 1 วัน วันกำหนดทานที่ประมาณ 50 กรัม
6. เนย มาการีน  ○  แต่เนื่องจากมีแคลอรีสูง ไม่ควรที่จะทานเยอะ
7. ไส้กรอก แฮม อาหารแช่แข็ง บะหมี่สำเร็จรูป  △เนื่องจากมีสัดส่วนของเกลือในอาหารเยอะ ไม่ควรทานติดต่อกัน
8. ไข่ดิบของที่ญี่ปุ่น  ○ เนื่องจากมีการควบคุมเรื่องของอนามัย ถ้าเป็นไข่ดิบสด ๆ ก็คงไม่มีปัญหาเรื่องอาหารเป็นพิษ
9. อาหารที่ใช้เครื่องปรุงประเภทพริกหรือกิมจิ △ ถ้าทานในปริมาณที่เคยทานมาก่อนก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าทานในปริมาณมาก ๆ จะทำให้กระเพาะอักเสบและริดสีดวงทวารเพราะฉะนั้นไม่ควรทานในปริมาณที่มาก
10. ช็อคโกแลต, โกโก้ ○ ถ้าระวังในเรื่องของน้ำตาลอยู่แล้วก็สามารถทานได้ ถึงจะมีสารคาเฟอีนรวมอยู่ด้วย ถ้าทานในปริมาณที่ปกติก็ไม่มีปัญหาอะไร

-เครื่องดื่ม :
1. เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ  △  ดื่มได้แต่ให้จำกัดที่ปริมาณ ใน 1 วันควรดื่มที่ประมาณ 1 ถ้วย
2. น้ำอัดลม  △ ดื่มได้ แต่เนื่องจากมีน้ำตาลเยอะ ให้จำกัดปริมาณ
3. ชาสมุนไพร × แต่ถ้าระบุว่าคนท้องก็สามารถดื่มได้ก็ให้เลือกที่ระบุว่าสามารถดื่มได้จะดีกว่า

ปล. บางเรื่องถึงเขาจะเขียนว่าได้แต่ถ้าเรายังกังวลอยู่เราก็เลี่ยงเหมือนกันเพื่อความสบายใจ  ก็ถือเป็นข้อมูลแล้วกันนะคะ
ส่วนหัวข้ออื่น ๆ จะทยอยอัพน้า









วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ตรวจครรภ์ครั้งที่ 10 ที่โรงพยาบาลญี่ปุ่น (อายุครรภ์ 33 สัปดาห์)

 วันนี้ไปโรงพยาบาลมีนัดตรวจครรภ์ครั้งที่ 10 (อายุครรภ์ 33 สัปดาห์) ครั้งนี้คุณซูก็ไม่ได้ไปด้วยเพราะติดงาน ไปถึงโรงพยาบาลก็ยื่นบัตรนัด บัตรคนไข้ สมุดสุขภาพแม่และเด็ก สมุดช่วยค่าตรวจ บัตรประกันสุขภาพ จากนั้นก็ไปวัดความดัน แล้วก็ไปเก็บปัสสาวะ ความดันที่วัดได้อยู่ที่ 101/62 ลดลงจากครั้งที่แล้ว จากนั้นก็นั่งรอเรียก พอเจ้าหน้าที่เรียกแล้วก็เข้าห้องตรวจชั่งน้ำหนักอยู่ที่ 68.5 (ครั้งที่แล้ว  67.1) เจอคุณหมอพูดเลยว่าน้ำหนักขึ้นเยอะ หลังจากนี้ให้ควบคุมไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2-3 กิโล แล้วคุณหมอก็พูดว่าท้องคงหนักน่าดู คงเห็นท้องเราใหญ่มั้งนะ เราก็สังเกตผู้หญิงญี่ปุ่นที่ท้องส่วนใหญ่ท้องจะเล็ก ๆ กันแหละ อย่างเวลาเราเดิน ๆ ข้างนอกก็มีคนมองมาเหมือนกัน ไม่รู้มองที่ว่าท้องเราใหญ่ หรือว่ามองเพราะอย่างอื่น แต่ก็ช่างเหอะเนอะ

จากนั้นคุณหมอวัดช่วงท้องให้พยาบาลจดที่สมุด แล้วก็จับที่ขาเราแล้วก็พูดว่า Puramai (ปกติจะพูดว่า Mukumi nashi = ขาไม่บวม) ก็แสดงว่าคงมีอาการบวม แล้วก็มาซาวด์ดูหน้าจอ ครั้งนี้คุณหมอก็ให้ดูส่วนหัว วัดความกว้าง ยาว ให้ดูช่วงท้อง ดูช่วงขา ทุกอย่างปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร แล้วก็ให้ดูหัวใจเต้น ฟังเสียงหัวใจเต้น น้ำหนักของเจ้าหนูในวันนี้อยู่ที่ 2,100 กรัม คุณหมอบอกว่าเป็นไปตามเกณฑ์ แต่ให้คุณแม่คุมน้ำหนัก เพราะถ้าน้ำหนักเกิน 15 กิโลไปแล้วจะยิ่งทำให้คลอดยากขึ้น ก็เป็นอันเสร็จการตรวจซาวด์ในครั้งนี้

ก็มาพูดคุยกับคุณหมอ สิ่งที่เราถามคุณหมอในครั้งนี้ก็จะเกี่ยวกับเรื่องการติดเชื้อ GBS ที่คุณหมอแจ้งผลเมื่อครั้งที่แล้ว คำถามที่เราถามก็คือหลังจากทานยาไปแล้วตรวจครั้งต่อไปไม่พบเชื้อ แต่ว่าจะมีความเป็นไปได้ไหมที่ตอนคลอดเชื้อจะกลับมา ซึ่งคำตอบของคุณหมอก็คือถ้าทานยาแล้วเชื้อหายไปก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่าถ้ายาก็ช่วยไม่ได้ ยังมีเชื้ออยู่ ตอนคลอดก็จะทำการให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือดเพื่อเป็นการเพิ่มภูมิให้กับทารก ซึ่งคุณหมอบอกว่าเท่าที่ผ่านมาที่โรงพยาบาลก็ไม่มีปัญหาอะไร แล้วหลังจากคลอดแล้วก็จะทำการตรวจเลือดโดยตรวจจากสะดือของทารก ก็คงเป็นขั้นตอนการตรวจของโรงพยาบาลอ่ะเนอะ ฟังแบบนี้แล้วค่อยสบายใจหน่อย ส่วนเรื่องที่ต้องระวังตอนนี้ก็คือเรื่องน้ำหนัก (อีกแล้ว) เพียงเรื่องเดียว 

ก็เป็นอันเสร็จการตรวจในครั้งนี้ นัดครั้งต่อไปอีก  2 อาทิตย์

ในตอนที่จ่ายเงินค่าตรวจ เราก็จองคอร์สอบรมสำหรับของทั้งพ่อและแม่ (3 ครั้งแรกจะแค่แม่อย่างเดียว) เนื่อหาของคอร์สสำหรับพ่อและแม่ก็จะเกี่ยวกับการที่คุณพ่อเข้าไปในห้องคลอดด้วย และก็จะให้เดินดู ๆ ห้องคนไข้ ซึ่งวันที่อบรมคุณพ่อก็ต้องมาด้วยกัน 

ค่าตรวจในวันนี้ 1,870 เยน 

พอกลับมาที่บ้านก็มาดูสมุดสุขภาพแม่และเด็ก ครั้งนี้อีกแล้วที่ช่อง 浮腫 (อาการบวม) ผลจากการตรวจปัสสาวะ พยาบาลวงที่เครื่องหมาย - และ + ปกติจะแค่เครื่องหมาย - สงสัยครั้งนี้คงบวมนิดหน่อยมั้งนะ เพราะก่อนหน้านี้ ตื่นมาตอนเช้าเหมือนจะเป็นตะคริวที่ขา พอเริ่มรู้สึกเจ็บ ๆ เราก็พยายามยกขาสูงขึ้นนิดนึง อาการก็หายไป 

ส่วนอาการอื่น ๆ โดยรวมในช่วงนี้ :

- เริ่มเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น กลางคืนก็ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำบ่อยกว่าช่วงไตรมาสที่ 2 จะคล้าย ๆ ตอนตั้งท้องใหม่ ๆ เข้าห้องน้ำถี่เชียว

- การดิ้นของเจ้าหนูจะถี่ขึ้น โดยเฉพาะตอนเย็น - กลางคืน มีปูด ๆ ขึ้นมาบางทีก็ด้านซ้ายบ้างด้านขวาบ้าง แต่ยังไม่เห็นเป็นรูปมือ หรือเท้า 

- ง่วงนอนมากขึ้น เหนื่อยง่ายขึ้น หัวใจทำงานหนักขึ้นมีปวดจิ๊ด ๆ เหมือนหายใจไม่ทันตอนที่เราออกกำลังกาย อย่างขึ้นลงบันได ก็เหนื่อยแล้ว 

 

 

 




 

 

 

 

วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ตรวจครรภ์ครั้งที่ 9 ที่โรงพยาบาลญี่ปุ่น (อายุครรภ์ 31 สัปดาห์)

วันนี้ไปโรงพยาบาลมีนัดตรวจครรภ์ครั้งที่ 9 (อายุครรภ์ 31 สัปดาห์) ครั้งนี้คุณซูไม่ได้ไปด้วย เพราะติดงาน จริงๆ มีนัดตอนบ่าย ถ้าเป็นบ่ายคุณซูก็มาด้วยได้ แต่เมื่อวานทางโรงพยาบาลโทรมาเลื่อนขอเป็นช่วงเช้า ครั้งนี้ก็เลยต้องไปคนเดียว
ไปถึงโรงพยาบาล ก็ยื่นบัตรนัด บัตรคนไข้ สมุดสุขภาพแม่และเด็ก สมุดช่วยค่าตรวจ  บัตรประกันสุขภาพ  จากนั้นก็ไปวัดความดัน แล้วก็ไปเก็บปัสสาวะ

ความดันที่วัดได้ รู้สึกว่าจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ๆ ครั้งนี้อยู่ที่ 122/57 แต่คงไม่สูงมาก เพราะคุณหมอไม่ได้พูดอะไร หลังจากนั้นก็รอเรียกพบคุณหมอ รอคุณหมอนานมาก เกือบชั่วโมงได้มั้ง เพราะคุณหมอมีผ่าตัด พอเรียกเข้าห้องก็มีการชั่งน้ำหนักก่อน  ชั่งน้ำหนักอยู่ที่ 67.1 กิโล (ครั้งที่แล้ว 66.5) ขึ้นมา 0.6 กิโล พอคุณหมอมาตรวจ ก็ซาวด์ ระหว่างที่ซาวด์คุณหมอก็ไม่ค่อยได้พูดอะไรมาก จะมีดูส่วนหัว วัดความยาวส่วนหัว ดูส่วนขา แล้วก็คงดูส่วนอื่น ๆ ด้วยอ่ะนะ เพราะเราก็ดูไม่ค่อยเป็น จากนั้นก็ฟังเสียงหัวใจเต้น คุณหมอบอกว่าปกติดี ก็เป็นอันเสร็จสำหรับการซาวด์ในครั้งนี้ 

จากนั้นก็มาฟังผลจากการที่ตรวจภายในครั้งที่แล้ว เราแอบเห็นค่าแบคทีเรียในตกขาวเป็น + อ่ะ แล้วที่โต๊ะก็มีกระดาษขนาดครึ่ง A4 วางอยู่ คุณหมอก็ถามว่าอ่านญี่ปุ่นได้มั้ย เราก็บอกว่าได้นิดหน่อย คุณหมอก็เลยบอกว่าอย่างนั้นให้คุณซูช่วยอ่านด้วย แล้วก็อธิบายให้เราฟังคร่าว ๆ ว่า ผลการตรวจก็คือในช่องคลอดเรามีแบคทีเรียอยู่ ซึ่งเป็นแบคทีเรียทั่ว ๆ ไป โดยปกติก็จะมีอยู่ในร่างกายคนปกติอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ท้อง ไม่ได้อะไรก็ไม่ต้องไปทำอะไรกับมัน แต่สำหรับคนท้องแล้ว เพื่อเป็นการป้องกันทารก คุณหมอก็เลยจะจัดยาให้มาทานสำหรับ 1 อาทิตย์ แล้วในการตรวจของครรภ์ที่อายุ 35 สัปดาห์ ก็จะมีการตรวจภายในแบบนี้อีกครั้ง ถ้าแบคทีเรียนี้ไม่หมดไป ก็ไม่เป็นไร ก่อนที่จะเบ่งคลอด คุณหมอก็จะให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือดเพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อไปที่ทารก

กระดาษที่คุณหมอให้มาจะเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นหัวข้อคือ 「GBS感染症について」

GBS = Group B Streptococcus 

จากนั้นคุณหมอก็ถามว่ามีอะไรจะถามมั้ย เราก็เลยถามว่า จะเป็นอันตรายมั้ย คุณหมอก็บอกว่า ไม่เป็นอันตราย เพราะมันก็คือแบคทีเรียทั่ว ๆ ไป แล้วก็เลยถามต่อว่าแล้วช่วงนี้ต้องระวังอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า คุณหมอก็เลยตอบว่า "น้ำหนัก" 

แล้วคุณหมอก็ดูน้ำหนักครั้งที่แล้ว กับครั้งนี้ แล้วก็บอกว่าถ้ารักษาได้ระดับแบบนี้ก็โอเค

ก็เป็นอันเสร็จสำหรับการตรวจในครั้งนี้ 

นัดครั้งต่อไปอีก 2 สัปดาห์

ในครั้งนี้มียาด้วย หน้าตาเป็นแบบนี้ ทานหลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น มื้อละเม็ด

ค่าตรวจในวันนี้ 2,400 เยน 

หลังตรวจเสร็จรู้สึกจิตตกเล็กน้อย กังวลเกี่ยวกับแบคทีเรียที่ว่านี้ ก็เลยให้คุณซูช่วยหาข้อมูลของที่ญี่ปุ่นด้วย เพราะเราลองหาข้อมูลของไทย มีบางคนโพสต์ไว้ รู้สึกน่ากลัวจัง แต่คุณซูบอกว่าไม่ต้องไปเครียดกับมัน เพราะมันก็คือแบคทีเรียธรรมดา ๆ ที่มีอยู่ในร่างกายคนอยู่แล้ว   จากนั้นเราก็ให้คุณซูฟังที่เราอัดเสียงคุยกับคุณหมอในครั้งนี้ คุณซูก็บอกอีกว่าข้อมูลที่หาจากทางเว็บกับที่คุณหมอบอกมาเหมือนกัน ไม่ต้องเครียด ๆ เอาอย่างนี้มั้ย ให้เราเป็นเพื่อนกับแบคทีเรียตัวนี้ให้มากขึ้น คือทำความสะอาดห้องน้ำให้น้อยลง เล่นกับหมากับแมว (ปกติเราไม่ค่อยชอบอยู่ใกล้หมากับแมวเท่าไหร่) ดูคุณซูพูดเข้าสิ ฮาดี  ก็รู้สึกดีขึ้นนะ เพราะถ้าเครียดไปก็ส่งผลไม่ดีกับทารกเปล่า ๆ 

อาการในช่วงนี้ :

- หลังจากตื่นนอนในตอนเช้า ขาเคยเป็นตะคริว 2 ครั้ง แต่ช่วงนี้ไม่เป็นหละ

- เจ้าหนูน้อยในท้องนี่ดิ้นแรงขึ้น แล้วก็บ่อยขึ้น โดยเฉพาะช่วงเย็น ๆ บางครั้งรู้สึกเหมือนกับอวัยวะอาจจะเป็นส่วนแขนหรือขา ถูกับภายในท้องเราด้วย 

 

 


 





 

 

 


วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เรื่องราวของญี่ปุ่นที่เราได้เรียนรู้เพิ่มเติมหลังจากมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เกือบปีครึ่ง

เรื่องราวของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม หรือของใช้ หรืออื่น ๆ ที่เรารู้สึกว่าได้เรียนรู้เป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ หลังจากที่เราย้ายมาอยู่ที่นี่ในฐานะแม่บ้านได้เกือบปีครึ่ง (เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมาเรียนแลกเปลี่ยน กับมาฝึกงานอย่างละปี) ได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น เลยอยากเขียนเก็บไว้เผื่ออยากย้อนเวลาตอนที่เราอยู่ ณ ตอนนี้ตัวเองคิดอะไรยังไง ^0^

(ไม่ได้เรียงลำดับนะ นึกเรื่องอะไรได้ก็เขียนเลย อิอิ)

ข้อที่ 1. ของใช้หน้าตาคล้าย ๆ กัน แต่แยกประเภทการใช้งาน อย่างเช่น ฟองน้ำล้างจาน ถ้าเราไปซื้อก็คงไม่ได้ดูถึงว่าแบบนี้สำหรับล้างจาน แบบนี้สำหรับงานอย่างอื่น

ข้อที่ 2. ถ้าเราแปะที่หน้าประตูบ้านว่า “ไม่ขอรับใบปลิว โฆษณา” คนแจกก็ไม่มาหยอดที่ตู้ไปรษณีย์บ้านเราจริงๆ  เว้นแต่คนที่เขาไม่ยอมรับรู้ 555 แจกอย่างเดียว

ข้อที่ 3. เวลาตั้งโต๊ะอาหาร สำหรับครอบครัวของเราจะไม่ค่อยอะไรมากมาย แต่เท่าที่เราสังเกตครอบครัวอื่น ๆ เขาจะแยกถ้วยชาม แก้วน้ำ รวมถึงตะเกียบของใครเป็นของใครไว้เลย สำหรับแขกก็จะมีแยกเอาไว้

ข้อที่ 4. ที่ญี่ปุ่น อิงคังเปรียบเสมือนเป็นลายเซ็นของเรา เพราะฉะนั้นเราต้องเก็บไว้เป็นอย่างดี  อิงคังส่วนตัวที่เอาไปลงทะเบียนอิงคังที่สำนักงานเขตแล้ว ส่วนใหญ่จะใช้กับธนาคารแล้วก็การติดต่อราชการ ถ้าเป็นเรื่องอื่น ๆ ที่จะต้องใช้อิงคิง ก็สามารถใช้ของที่ไม่ได้ไปลงทะเบียนก็ได้
ข้อที่ 5. KFC ที่ญี่ปุ่น (โตเกียว) เขาเรียก kentaki (เคนตักกี่) หล่ะ

ข้อที่ 6. การแยกและทิ้งขยะ เราต้องแยกขยะตามที่ทางสำนักเขตเขาได้ระบุไว้ และทิ้งในวันที่กำหนด ถ้าเราไม่ได้ทำตามนั้น อย่างกล่องลูกฟูก ถ้าไม่ได้พับให้เรียบร้อยก่อนทิ้ง ทิ้งทั้งสภาพที่ยังเป็นกล่อง พนักงานเก็บขยะก็จะไม่เก็บ ถึงจะเป็นวันขยะกระดาษ ก็ไม่เก็บ ถ้าขยะชิ้นนั้นเป็นของเรา ถึงคนอื่นไม่รู้ แต่เราก็รู้อยู่แก่ใจ เพราะต้องเจอมันทุกวัน

ข้อที่ 7. เวลาเราเจอเพื่อนบ้าน เจอเพื่อน เจอคนรู้จัก หรือเวลาไปบ้านคนอี่น ควรจะทักทายด้วย “โอะฮะโยโกะไซมัส หรือคอนนิจะวะ หรือ คอมบังวะ” ด้วยน้ำเสียงที่แข็งขัน ซึ่งคำทักทายถ้าแปลเป็นไทยก็คือ “สวัสดีครับ / ค่ะ” นั่นเอง

ข้อที่ 8. การใช้บันไดเลื่อน ถ้าเป็นในแถบโตเกียว ปกติจะยืนด้านซ้าย ถ้าต้องการรีบ ก็ให้เดินทางด้านขวา  แต่ถ้าเป็นแถบโอซาก้า ปกติจะยืนด้านขวา ถ้าต้องการรีบ ก็ให้เดินทางด้านซ้าย

ข้อที่ 9. กฏการขับรถของญี่ปุ่น
  - ถ้าบีบแตรแล้วยกมือ หรือเปิดไฟกระพริบ หมายถึงการขอบคุณ
   -  ถ้าเปิดไฟสูง หมายถึง การให้รถเราที่ขอสัญญาณอะไรอยู่ทำได้ เช่นกำลังเปิดไฟขอเลี้ยว รถที่เปิดไฟสูงจะจอดให้รถเราได้เลี้ยว
   -  ถ้ารถสามารถเลี้ยวได้ แต่สัญญาณไฟสำหรับคนหรือจักรยานข้ามยังเป็นสีเขียว ต้องให้คนหรือจักรยานข้ามไปก่อน ถึงจะเลี้ยวได้
   -  ส่วนใหญ่แล้วขับกันอยู่ที่ความเร็ว 40 -60

ข้อที่ 10. ตอนกลางคืน ถึงเข้านอนแล้ว บ้านคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ชั้นล่างจะเปิดไฟหรี่สีเหลือง ๆ ทิ้งไว้ ในห้องนอนก็เปิดไฟหรี่สีเหลือง ๆ ทิ้งไว้ ตอนแรกบ้านเราก็เป็นแบบนั้น แต่ด้วยความที่ว่าอยากประหยัดไฟ (นิด ๆ หน่อย ๆ ก็ยังดี) เลยบอกคุณซูว่าปิดเถอะ

ข้อที่ 11. ถ้าเราได้นั่งไม่ว่าจะอยู่บนรถเมล์ หรือรถไฟ ถ้ามีผู้หญิงท้องแล้วท้องอาจจะยังไม่โต เลยดูไม่ค่อยออกว่าเป็นคนท้อง แต่ถ้าเขาแขวนป้ายว่า “เป็นคนท้อง” ต้องรีบลุกขึ้นให้เขานั่ง และที่นั่งบริเวณที่เป็นสำหรับคนท้อง คนชรา ต้องปิดสัญญาณมือถือ ถ้าไม่ใช่บริเวณนี้ ให้ใช้โหมดสั่นแทนได้

ข้อที่ 12. หลาย ๆ ครอบครัว เพื่อเป็นการประหยัดน้ำ จะใช้น้ำที่ใช้จากการลงอ่างอาบน้ำ (โอะฟุโระ) ซักผ้าต่อ มีเครื่องถ่ายน้ำมาที่เครื่องซักผ้าขายด้วย แต่บ้านเราเราใช้น้ำโอะฟุโระของแต่ละครั้งประมาณ 3 วัน หลังจากนั้นถ้าไม่ได้ใส่ผงสำหรับแช่ ก็จะเอาไปรดน้ำต้นไม้ต่อ แล้วค่อยขัดอ่าง

ข้อที่ 13. เวลาลองชุดที่ห้องลอง รองเท้าเราต้องถอดแล้ววางด้านนอกห้อง บางร้านให้เอารองเท้าเข้าไปได้แต่ก็ให้วางด้านล่าง
และส่วนใหญ่เวลาเราตัดสินใจเอาเสื้อผ้าชิ้นไหนแล้ว คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไม่ถามว่ามีชิ้นใหม่หรือเปล่า จะเอาจากราวที่มีอยู่ ถึงจะมีแค่ตัวเดียว เขาก็ซื้อกัน นอกจากทางร้านจะเสนอเองว่าเดี๋ยวหยิบชิ้นใหม่มาให้

ข้อที่ 14. ไปซื้อของที่ซุปเปอร์ ถ้าคิวยาวมาก ๆ พนักงานจะเปิดเค้าน์เตอร์ใหม่ให้ พนักงานแคชเชียร์จะเรียกคิวแรกที่กำลังรอ ให้ไปจ่ายที่เค้าน์เตอร์ใหม่ และของในตระกร้า พอจ่ายเงินเสร็จ เราต้องใส่ลงถุงเอง (จะมีที่ให้ใส่)

ข้อที่ 15. การลงรถเมล์ ต้องกดกริ่ง และต้องให้รถจอดก่อนถึงค่อยลุก แล้วค่อยไปจ่ายเงิน (ในกรณีที่ไม่มีบัตรเติมเงินประเภทต่าง ๆ อย่างบัตร SUICA เป็นต้น)  ถ้าไม่มีเหรียญ ที่เครื่องจ่ายเงินนั้นก็จะมีเครื่องแลกเงิน ให้เราให้แบ็งค์ใส่เข้าไป เหรียญก็จะออกมา แล้วค่อยเอาไปหยอดที่ช่องค่าโดยสาร

ข้อที่ 16. ที่ร้านอาหารหรือร้านกาแฟ สำหรับคนที่ไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ก็ต้องทน เพราะถึงจะมีแบ่งที่ว่าเป็นที่สำหรับสูบบุหรี่ได้ ที่บริเวณนี้ห้ามสูบ แต่ก็เป็นห้องเดียวกัน กลิ่นก็วนเวียนอยู่ในนั่นแหล่ะ

ข้อที่ 17. โดยส่วนตัวเราไม่ค่อยชอบวางกระเป๋า หรือถุงหรือสัมภาระกับพื้นบริเวณที่เรายืน อย่างตอนรอรถ หรือบนรถไฟ แต่ที่นี่เขาวางกันเป็นปกติ ไม่กลัวว่าก้นกระเป๋า ก้นถุงจะเลอะเทอะอะไรเลย

ข้อที่ 18. การพาหมาไปเดินเลิน ก็เป็นกิจวัตรประจำวันของแม่บ้าน หรือคนเลี้ยง แต่พวกเขาจะต้องถือถุงพลาสติกไปด้วย เพราะถ้าเจ้าดุ๊กดิ๊กอึ เจ้าของต้องเก็บอึด้วย เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาคอยระวังว่าจะเหยียบขี้หมาหรือเปล่า (แต่ก็มีบางคนไม่เก็บเหมือนกัน)

ข้อที่ 19. ไปรักษาโรคที่โรงพยาบาล เขามีเวลาเปิดปิดเค้าท์เตอร์ลงทะเบียนผู้ป่วยด้วย ต้องไปให้ทันเวลา ไม่เช่นนั้น ต้องรอรอบถัดไป หรือวันถัดไป และการจ่ายยา เราจะไม่ได้รับยาโดยตรงจากทางโรงพยาบาล ต้องเอาใบจ่ายยาไปซื้อที่ร้านที่รับใบจ่ายยา (ไม่รู้เป็นเหมือนกันทุกที่หรือเปล่า)

ข้อที่ 20. การใส่หน้ากากอนามัย ถือเป็นเรื่องปกติของที่นี่ ถึงเราไม่ได้เป็นไข้หวัด ปกตินี่แหล่ะ จะใส่เพื่อเป็นแฟชั่นตามเขาก็ได้

ข้อที่ 21. จักรยานถือเป็นพาหนะที่เจอทั่วไปบนฟุตบาท เพราะฉะนั้นเวลาเราเดินก็ต้องระวังจักรยานชน

ข้อที่ 22. ทำมิโซะซุป ตัวเนื้อมิโซะซุป เราคนด้วยทัพพีธรรมดา โดนคุณซูดุเลยว่า "นึกแล้วว่าทำไมยังเป็นก้อน ๆ" เพราะฉะนั้นการทำมิโซะซุป ต้องเอาเนื้อมิโซะใส่บนทัพพีที่มีรู แล้วก็ค่อยๆ ละลาย ๆ จนหมด จะได้ไม่มีก้อนหลงเหลือ
ข้อที่ 23. ทิชชูในห้องน้ำ เราสามารถทิ้งลงไปในชักโครกได้เลย ส่วนถังขยะที่มีไว้ไห้ จะสำหรับทิ้งพวกผ้าอนามัย ฯ แต่ถ้าใครใช้ทิชชูเปียกก็ต้องเลือกแบบที่เขียนว่าสามารถทิ้งลงไปในชักโครกได้ เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้ตันได้
ข้อที่ 24.  แม่บ้านแถวบ้านเราเขาซักผ้ากันทุกวันเลย เลยทำให้เราต้องซักเกือบทุกวันเหมือนกัน (ติดนิสัยมา) เพราะตอนอยู่ไทยตอนที่ทำงานต่างจังหวัด จำได้ว่าสักประมาณอาทิตย์ละครั้งได้
ข้อที่ 25. เนื้อหมูหรือเนื้ออื่นๆที่ขายตามซุปเปอร์เป็นแพ็ค.ๆไม่จำเป็นต้องล้างก่อนนำมาทำอาหารแหละ.ช่วงแรกชินกับตอนอยู่ไทย.ล้างก่อนตลอด.ตอนนี้ไม่หละ
ข้อที่ 26. ถ้าเราพาเด็ก ๆ ไปเที่ยว คุณซูจะบอกเสมอว่าถ้าจะให้เด็กนั่งที่นั่ง ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งบนรถไฟ ที่นั่งตามร้านอาหาร ให้ถอดรองเท้าเด็กออกก่อน เผื่อเด็กปีน หรือยืนบนที่นั่ง ก็จะทำให้เบาะเปื้อน
ข้อที่ 27. ตอนนี้เราท้องอยู่ เวลาไปซื้อของที่ซุปเปอร์ ถ้าคิวไม่ยาว แคชเชียร์เขาจะช่วยยกตระกร้าที่เราจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไปวางที่โต๊ะสำหรับใส่ลงถุงให้ ใจดีจัง
ข้อที่ 28. เราเคยเห็นแม่ลูกคู่นึง เด็กก็คงไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอกนะ พอเห็นลิฟต์ลงมา เด็กก็จะเข้าไปก่อน แม่เขาสอนเลยว่าให้รอ (เพราะเขามาหลังเรา) สิ่งนี้คงเป็นสิ่งที่ทำให้ญี่ปุ่นเข้าคิวต่อแถวอย่างเป็นระเบียบ แต่เราก็เคยเห็นบางรายการที่เขาฉาย เราก็เห็นคนญี่ปุ่นแย่งซื้อของลดราคากันเหมือนกันนะ อย่างว่าของถูกใคร ๆ ก็อยากซื้ออ่ะเนอะ
ข้อที่ 29. ถึงจะเข้าหน้าร้อน คุณซูก็ยังคงจะอาบด้วยน้ำอุ่น แช่น้ำอุ่น เพราะเขาบอกว่าช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น แต่เราไม่ไหวอ่ะ อาบน้ำเย็นเลย ไม่ลงแช่น้ำอุ่นด้วย ร้อนเกิน 
ข้อที่ 30. เราสามารถขอใช้ห้องน้ำตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปได้ สะดวกดีเหมือนกันเวลาเดินทางไปไหนไกล ๆ 
ข้อที่ 31. คุณซูเอารถเข้าเช็คที่ศูนย์อย่างเช็คระยะ หรือเปลี่ยนแบต หรืออื่น ๆ ทางศูนย์เขาไม่ได้ล้างรถให้เราแหละ จะต่างกับตอนที่เราเอารถเข้าศูนย์ฮอนด้าที่ไทย (ไม่รู้ศูนย์บริษัทอื่นจะเหมือนกันมั้ย) ทุกครั้งรถจะใหม่ สะอาดออกมาเลย 
ข้อที่ 32. ปั้มน้ำมันที่นี่จะมีบริการให้เราเติมน้ำมันเอง คุณซูมักจะเลือกแบบบริการตัวเอง เพราะคุณซูบอกว่าจะถูกกว่าที่มีพนักงานมาบริการให้นิดหน่อย เราก็ไม่รู้ว่าจะเหมือนกันทุกปั้มหรือเปล่า สำหรับปั้มที่เราใช้อยู่ก็จะมีบริการล้างรถแบบหยอดเหรียญ พอล้างเสร็จ ก็จะมีส่วนที่ให้เรามาเช็คทำความสะอาดอีกที จะมีผ้าขนหนูเล็ก ๆ เตรียมไว้ให้  มีเครื่องดูดฝุ่นแบบหยอดเหรียญ  มีเครื่องทำความสะอาดพรมในรถด้วย 
ข้อที่ 33. ถ้าเราทานข้าวนอกบ้าน เวลาเข้าไปในร้านแล้ว ถ้าพนักงานยังไม่มาเชิญให้เราไปนั่งที่โต๊ะ เราก็ต้องยืนรอบริเวณประตูจนกว่าพนักงานจะมา ถ้าพนักงานยุ่ง ๆ อยู่ก็อาจจะรอนานหน่อย  จริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าการไปนั่งที่โต๊ะว่าง ๆ เองจะได้หรือเปล่า เพราะเราเห็นก็มีแต่คนยืนรออ่ะ
ข้อที่ 34. ป้ายที่แขวนบนท้องถนน แบบว่าถ้าจะไปที่นี่ตรงไป หรือเลี้ยวซ้ายขวา ที่ญี่ปุ่นใช้สีน้ำเงินหล่ะ (ที่ไทยใช้สีเขียว) ส่วนป้ายที่เป็นสีเขียวที่ญี่ปุ่นจะหมายถึงไปทางด่วน (ซึ่งที่ไทยทางด่วนจะเป็นป้ายสีน้ำเงินเนอะ) สลับกัน
ข้อที่ 35. ตามโฮมเซ็นเตอร์ จะมีขายพวกดอกไม้ ต้นไม้ กระถางด้วย สะดวกดีเหมือนกัน 
ตอนนี้มีประมาณเท่านี้ ถ้าเจออะไรใหม่ ๆ จะอัพเดทอีกทีนะคะ ^^

วันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เตรียมของเด็ก - หมวดอุปกรณ์สำหรับตอนออกไปข้างนอก

อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับออกไปข้างนอก ต้องเตรียมไว้ก่อน เพราะหลังคลอดแล้วคงยุ่งสุด ๆ
ก็จะมี
1. คาร์ซีท (チャイルドシート) (กฎหมายที่ญี่ปุ่นบังคับให้เด็กต้องนั่งคาร์ซีท)
2. เบบี้คาร์ (ベビーカー)
3. เป้อุ้มเด็ก (抱っこひも)
4. กระเป๋าสำหรับคุณแม่ (マザーズバッグ)

สำหรับข้อ 1 กับข้อ 2 เราซื้อแบบที่เป็นมัลติฟังก์ชั่นมา (多機能ベビーカー) ก็คือเป็นทั้งคาร์ซีทแล้วก็เบบี้คาร์


สำหรับลักษณะการใช้งานก็จะเป็นตามลิ้งค์ด้านล่างค่ะ

 http://www.combi.co.jp/products/stroller/multi5way/

เห็นพี่สะใภ้ใช้อยู่ สะดวกดีเหมือนกัน เวลาไปไหนมาไหนก็หิ้วไปทั้งแบบนี้เลย


ก่อนที่จะได้มา ตอนแรกไปดูตามร้านมือสองกับคุณซู เข้าร้านโน้น ออกร้านนี้ หลายวันมาก เจอเหมือนกันแต่ว่าไม่ค่อยถูกใจกับสภาพเท่าไหร่ มีวันนึงไปเอ้าท์เลทที่มีร้านของ Combi ด้วย ไปถึงก็ไม่มีขายรุ่นนี้ ขากลับคิดว่าจะสั่งซื้อตามเน็ทหล่ะ คิดว่าน่าจะมี ระหว่างทางเจอร้าน Toysrus เลยลองแวะเข้าไปดู ทั้ง ๆ ที่ก็เคยแวะดูสาขาอื่นแล้ว ก็ไม่มี ปรากฏว่ามีแต่เหลือแค่คันเดียว ตกลงซื้อเลยแทบไม่ได้เช็คอะไรกันเลย เพราะสินค้าใหม่น่าจะไม่มีปัญหาอะไร แล้วรุ่นนี้ก็หายากมาก ๆ ไม่ซื้อวันนี้ก็คงต้องหากันอีกนานเลย
ราคา + ทำประกันด้วยก็ 26,945 เยน (25,917+ ประกัน 1,028)
ไม่รู้ว่าไม่ฮิตหรือว่าขายดีเกินอ่ะเนอะ

ข้อ 3. เป้อุ้มเด็ก เราเลือกเอาแบบ 4 way ราคา 16,800 เยน ซื้อที่ Akachanhonpo


แบบ 3 way ก็มีเหมือนกันราคาก็จะถูกกว่า แต่ที่เลือกแบบ 4 way เพราะใช้กับเด็กแรกเกิดได้ด้วย


ข้อ 4. กระเป๋าสำหรับคุณแม่ มีช่องหลายช่อง แล้วก็มีกระเป๋าเล็ก ๆ สำหรับใส่แพมเพิสให้ด้วย
ราคา 3,238 เยน ลดไป 2 เยน เหลือ 3,236 เยน เพราะไม่เอาถุงก็อบแก๊บ ซื้อที่ Toysrus


ที่เหลือหมวดอื่น ๆ ไว้ครบแล้ว จะมาอัพอีกทีนะคะ ^^




วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

ตรวจครรภ์ครั้งที่ 8 ที่โรงพยาบาลญี่ปุ่น (อายุครรภ์ 29 สัปดาห์)

วันนี้ไปโรงพยาบาลมีนัดตรวจครรภ์ครั้งที่ 8 (อายุครรภ์ 29 สัปดาห์)
ไปถึงโรงพยาบาล ก็ยื่นบัตรนัด บัตรคนไข้ สมุดสุขภาพแม่และเด็ก สมุดช่วยค่าตรวจ  ยื่นบัตรประกันสุขภาพ  จากนั้นก็ไปวัดความดัน แล้วก็ไปเก็บปัสสาวะ
ในครั้งนี้มีการเจาะเลือดด้วย เก็บไป 1 หลอด เพื่อเป็นการตรวจว่าโลหิตจางหรือไม่
หลังจากนั้นก็รอเรียกพบคุณหมอ มีการชั่งน้ำหนักก่อน  ชั่งน้ำหนักอยู่ที่ 66.5 กิโล (ครั้งที่แล้ว 65.1) ขึ้นมา 1.4 กิโล โดนคุณหมอสั่งให้ควบคุมอาหาร น้ำหนักอย่างจริงจังหล่ะ เพราะถ้าเป็นแบบนี้คุณหมอบอกว่าคงเกิน 15 กิโลแน่ ๆ
จากนั้นก็ซาวด์ที่ท้อง คุณหมอให้ดูที่ส่วนของหัว มีการคลิกลากจากด้านนึงไปด้านนึง ซึ่งคุณหมอก็บอกว่าขนาดของหัวปกติดี
จากนั้นก็มาคลิกที่ส่วนขาดูความยาวของขา คุณหมอก็บอกว่าเด็กอาจจะตัวใหญ่กว่าไซส์มาตรฐาน น้ำหนักจากที่เห็นที่จออยู่ที่ 1,368 กรัม
แล้วก็ให้ฟังเสียงหัวใจเต้น คุณหมอบอกว่าแข็งแรงดี ^0^
จากนั้นก็ให้ดูส่วนที่เป็นตา ปกติดี ซึ่งตอนนี้เด็กนอนหงายอยู่ คุณหมอก็ทักว่าชั้นไขมันของคุณแม่หนา อาจจะทำให้ดูได้ไม่ละเอียดเท่าไหร่ (เราเห็นก็ว่าหนาจริง ๆ อ่ะ)
พอซาวด์เสร็จ คุณหมอก็บอกผลการตรวจเลือด ความเข้มข้นของเลือดอยู่พอดีกับตัวเลขที่เซฟเลย คือ 11 เราก็เลยถามว่าถ้าทานวิตามินที่ช่วยเรื่องโลหิตจางของ Kobayashi (กล่องสีแดง) ทานร่วมกับวิตามินของ Pigeon (ตามรูปด้านล่าง) ได้หรือเปล่า คุณหมอบอกว่าทานของ Pigeon อย่างเดียวก็พอแล้ว แล้วทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก (จริง ๆ คุณหมอคงอยากให้ทานอาหารที่มีธาตุเหล็กมากกว่าการทานพวกวิตามิน แต่เราดักถามไปก่อน)



จากนั้นคุณหมอก็ถามว่ามีอะไรที่อยากจะถามมั้ย เราก็เลยบอกคุณหมอว่า ปวดช่วงเอวด้านหลังทางด้านขวา เท่านั้นแหล่ะ คุณหมอทำหน้ายิ้มเจือน ๆ แล้วก็บอกว่าเพราะน้ำหนักเราเยอะ เลยเป็นสาเหตุนึง ให้คุมเรื่องอาหาร แล้วก็น้ำหนัก คุณซูก็บอกว่าทุกวันนี้เราก็เดินเยอะขึ้น คุณหมอก็บอกว่า การเดินสำหรับคนท้องอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ อย่างดีก็ 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมงก็เหนื่อยไม่ไหวแล้ว เราคงต้องคุมอาหารอย่างจริงจัง ><

พอตรวจตรงนี้เสร็จ คุณหมอก็บอกว่ามีตรวจต่อ ให้ไปที่ห้องสำหรับตรวจภายใน เราก็ขึ้นที่นั่งที่เป็นเครื่องสำหรับตรวจภายใน ครั้งนี้จะเป็นการตรวจหนองในเทียม และก็การตรวจแบคทีเรียในตกขาว
การตรวจหนองในเทียม คุณหมอให้ดูมอนิเตอร์ด้วย แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เป็นอันจบการตรวจในวันนี้
นัดตรวจครั้งต่อไปอีก 2 อาทิตย์
ค่าตรวจในวันนี้ 4,770 เยน

อ้อ วันนี้นางพยาบาลถามเราด้วยว่า ตอนคลอดจะให้สามีเข้าไปด้วยมั้ย เราก็บอกต้องการให้เข้าค่ะ
แต่เงื่อนไขก็คือถ้าคลอดหลัง 2 ทุ่มไปแล้ว สามีจะเข้าไปด้วยไม่ได้ เพราะเป็นกฏของที่นี่
ก็ขอให้หนูคลอดในตอนกลางวันแล้วก็วันที่ป่ะป๊าหนูหยุดพอดีด้วยน้า ^^

พอกลับมาบ้านมาดูสมุดสุขภาพแม่และเด็ก ครั้งนี้ที่ช่อง 浮腫 (อาการบวม) จากการตรวจปัสสาวะ พยาบาลวงที่เครื่องหมาย - แล้วก็วงที่เครื่องหมาย + ซึ่งปกติที่ผ่านมาจะวงแค่ที่เครื่องหมาย -
เราก็เลยลองหาข้อมูลดู ถ้าเครื่องหมาย - อย่างเดียว ถือว่าปกติ
แต่ถ้าวง - + จะผิดปกติในเรื่องของการบวมเล็กน้อย คุณหมอไม่ได้ทักอะไร เพราะคุณหมอก็มีจับที่ขา แล้วก็บอกว่าไม่บวม ก็คงไม่มีปัญหามั้ง แต่ก็ต้องระวังเค็มไว้ก่อนอ่ะเนอะ










วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557

ไปงาน AEON THAI FAIR 2014

อิออนเขาจัดงานไทยแฟร์ ตั้งแต่วันที่ 25 - 27 เม.ย. 57 แต่ก่อนหน้านั้นไม่ค่อยได้มีโฆษณาเท่าไหร่ มาโฆษณาเอาใกล้ ๆ โชคดีที่คุณซูเจอประชาสัมพันธ์งานทางอินเตอร์เน็ท ก็เลยไปกันวันที่ 27 เม.ย.
ถ้าเทียบกับปีที่แล้ว ปีที่แล้วร้านค้าจะเยอะกว่า ดูน่าสนใจกว่า แต่ก็ถือว่าโชคยังดี ได้ไปทานอาหารไทย วันนี้ที่ทานก็มีไก่ย่าง (500 เยน) กับหมูย่าง (500 เยน)  แล้วก็ซื้อทุเรียนกลับมา (1,980 เยน)  คราวนี้คุณซูเป็นคนปอกเปลือก ใช้เวลาเร็วมาก คือคุณซูใช้พลังแงะ แรงเยอะจริง ๆ
คิดถึงรสชาติไทย ๆ จัง





วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557

สมัคร Point Card ของที่ Toysrus & Akachan Honpo

ช่วงที่ผ่านมามีต้องซื้อของเกี่ยวกับเด็ก แล้วก็ของตัวเอง เลยสมัคร  Point Card ไว้ดีกว่า สะสมแต้มไปเรื่อย ๆ ที่ญี่ปุ่นก็ดีอย่างตรงที่ว่าพ้อยท์ที่เราได้สามารถใช้แทนเป็นเงินสดได้เลย 1 พ้อยท์ก็เท่ากับ 1 เยน จะต่างกับที่ไทยนิดหน่อย เพราะรู้สึกว่าพ้อยท์ของที่ไทยต้องกี่พ้อยท์ถึงจะเท่ากับ 1 บาท ก็จำไม่ค่อยได้แล้วหล่ะ จำได้แต่ว่าเคยใช้พ้อยท์ที่วัตสัน แล้วก็ชินกับของที่ญี่ปุ่น พอตอนจ่ายเงิน อ้าวเออลืมไปว่าที่นี่ไม่ใช่ญี่ปุ่น เลยต้องจ่ายเพิ่มไปเยอะพอสมควร

ที่ Toysrus, Akachan Honpo หรือที่อื่น ๆ ก็จะเป็นร้านที่ขายทั้งเสื้อผ้าเด็ก เสื้อผ้าสำหรับคนท้อง ของเล่น ฯ มีให้เลือกดูไม่เบื่อเลย เพราะของ ๆ เขาจะทำมาแบบกระจุกระจิก บางอย่างมีก็ดี แต่ไม่มีก็ไม่เป็นไร เพราะราคาก็ค่อนข้างพอสมควรเหมือนกันนะของเด็ก ๆ เนี่ย เลยแปะลิ้งค์ให้ดูเผื่อสนใจกัน

ของที่ Toysrus  =>     http://www.toysrus.co.jp/top/CSfTop.jsp

ของที่ Akachan Honpo  =>     http://www.akachan.jp/


พอเราสมัครของ Toysrus  & Akachan Honpo ไปแล้วก็จะมีของแถมมาให้ด้วย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกผ้าอ้อมสำเร็จรูป นมผงให้ได้เอามาลองใช้กัน

รูปแรกของที่ Toysrus







รูปล่างของที่ Akachan Honpo แต่เหมือนจะเยอะกว่านี้นิดนึง พอดีช่วงนั้นที่ได้มาก็กระจายไปเก็บ ๆ ไว้ที่อื่น ก็เลยจำไม่ได้แล้วว่าอันนี้ของที่ไหนอะไรยังไง



แล้วของที่ Akachan Honpo ก็จะมีส่งโบชัวร์มาให้ที่บ้าน บางทีในนั้นก็จะมีคูปอง ประมาณว่าถ้าซื้ออันนี้จะได้พ้อยท์เพิ่มอีก 10 เท่า แล้วก็มีคูปองส่วนลดเมื่อซื้อเท่านี้เยนขึ้นไป คูปองพ้อยท์ฟรี 100 พ้อยท์ เป็นต้น  บางทีเราก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็ยื่นคูปองที่ได้มาให้แคชเชียร์ดูว่าอันไหนใช้ได้ ถ้าอันไหนใช้ได้พนักงานเขาก็จะฉีกไป   เราจะได้ไม่เสียสิทธิ์อะเนอะ







วันอังคารที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2557

ค่าซักรีดเสื้อผ้าหน้าหนาว (ต่อ)

จากที่เคยเขียนเรื่องค่าซักรีดเสื้อผ้าหน้าฤดูใบไม้ผลิ หรือไบไม้ร่วง ที่ส่งร้านซักรีดไปเมื่อปีที่แล้ว (ตามลิ้งค์ด้านล่าง)


http://jipathajapan.blogspot.jp/2013/09/blog-post.html


วันนี้ก็ขอเพิ่มเติมในส่วนของเสื้อผ้าหน้าหนาวที่ตอนนี้หมดฤดูไปแล้ว ก็ต้องซักแล้วก็เก็บสำหรับใช้ในฤดูหนาวครั้งต่อไป
อย่างที่เราส่งให้ร้านซักก็จะมี
- เสื้อขนเป็ด (ซื้อจากที่ไทย) ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า 「ダウンハーフコート」 ราคาซักรีดอยู่ที่ 2,400 เยน (ยังไม่รวมภาษีผู้บริโภค)
-  เสื้อกันหนาวผ้าคล้าย ๆ ผ้านวม ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า 「ジャンパ」ราคาซักรีดอยู่ที่ 800 เยน (ยังไม่รวมภาษีผู้บริโภค)
-  หมวกที่ติดมากับเสื้อกันหนาวผ้าคล้าย ๆ ผ้านวม ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า 「フード」ราคาซักรีดอยู่ที่ 100 เยน (ยังไม่รวมภาษีผู้บริโภค)
-  ผ้าห่มขนปุย ๆ ผืนเท่ากับเตียง 3 ฟุต ในที่นี้ทางร้านจะเรียกว่า 「ベビー毛布」ราคาซักรีดอยู่ที่ 600 เยน (ยังไม่รวมภาษีผู้บริโภค)
-  ผ้าห่มขนปุย ๆ ผืนเท่ากับเตียงควีนไซส์ ในที่นี้ทางร้านจะเรียกว่า 「毛布ダブル」ราคาซักรีดอยู่ที่ 1,100 เยน (ยังไม่รวมภาษีผู้บริโภค)


สำหรับที่บ้านเราก็จะมีประมาณเท่านี้สำหรับเสื้อผ้า ผ้าห่มที่ใช้ตอนหน้าหนาว ที่ส่งให้กับทางร้าน
เสื้อผ้าพวกนี้ก็จะรอเก็บเข้าลิ้นชักอย่างเดียว ก็เลยไม่รีบเท่าไหร่ เราก็จะอาศัยรอโปรโมชั่นลด 50 % จากทางร้าน เพราะจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้นิดหน่อยก็ยังดี แต่เราก็ไม่รุ้เหมือนกันว่าร้านอื่นจะมีโปรฯ แบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า  แต่การใช้โปรฯ ก็อาจจะใช้เวลาในการซักมากกว่าการไม่ได้ใช้โปรฯ
แต่เรารอได้เพราะอย่างที่บอกไม่ได้รีบใช้ อิอิ

























วันจันทร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2557

ตรวจครรภ์ครั้งที่ 7 ที่โรงพยาบาลญี่ปุ่น (อายุครรภ์ 26 สัปดาห์กว่า ๆ)

วันนี้ไปโรงพยาบาลมีนัดตรวจครรภ์ครั้งที่ 7 (อายุครรภ์ 26 สัปดาห์กว่า ๆ)
ไปถึงโรงพยาบาล ก็ยื่นบัตรนัด บัตรคนไข้ สมุดสุขภาพแม่และเด็ก สมุดช่วยค่าตรวจ  ยื่นบัตรประกันสุขภาพ(ทางโรงพยาบาลใช้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ยื่นไว้ก่อน)
แล้วก็ไปเก็บปัสสาวะ ยังไม่ทันที่จะไปวัดความดันเลย พยาบาลก็เรียกเข้าห้องตรวจแล้ว ครั้งนี้เร็วมาก ๆ
ชั่งน้ำหนักอยู่ที่ 65.1 กิโล (ครั้งที่แล้ว 64.5) ครั้งนี้ไม่โดนดุเรื่องน้ำหนัก เพียงแต่คุณหมอบอกให้คุมให้ได้แบบนี้ตลอด
จากที่ยังไม่ได้วัดความดัน พยาบาลเลยมาวัดเองเลย ปกติไม่มีปัญหาอะไร
แล้วคุณหมอก็แจ้งผลตรวจเลือดที่เก็บไปครั้งที่แล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร (เช็คว่ามีเชื้อมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือไม่ เพราะสามารถติดได้ทางการให้นมแม่
นำไป เช็คว่าเลือดจางหรือไม่  และเช็คค่าน้ำตาลในเลือด)
แล้วก็อัลตราซาวด์ ที่คุณหมอดู ๆ จะมีดูขนาดของหัว ส่วนท้อง แขน ขา ปกติ ไม่มีปัญหาอะไร แต่คุณหมอจะทักว่าเด็กตัวใหญ่ไปหน่อย คงเพราะแม่สูงด้วยมั้ง แล้วก็บอกว่าให้แม่อย่าอ้วนเกินไป จากนั้นก็ให้ฟังเสียงหัวใจเต้น ปกติดี


จากนั้นก็มาคุยกับคุณหมอเรื่องว่าจะเลือกคลอดแบบไหน เพราะทางโรงพยาบาลมีแพลนมาให้เลือก แล้วก็ให้ส่งให้กับทางโรงพยาบาลตั้งแต่อายุครรภ์ที่ 28 -36
ในแพลนก็จะมี
1. คลอดแบบธรรมชาติมาก ๆ คือจะไม่ใช้ยาใด ๆ เลย
2. คลอดแบบธรรมชาติที่สามารถเลือกวันคลอดเองได้ แต่จะมีการใช้ยา ฉีดยาชา อะไรประมาณนี้
3. คลอดโดยที่ให้สามีเข้าห้องคลอดด้วย แต่ว่าถ้าเป็นช่วงตอนกลางคืน สามีจะเข้าไปด้วยไม่ได้
ซึ่งเราก็คิดไว้แล้วหล่ะว่าจะเลือกแพลนข้อที่ 1 และ 3
แต่เราก็กลัวเจ็บท้องนาน ก็เลยปรึกษาคุณหมอ คุณหมอก็บอกโรงพยาบาลนี้ส่วนใหญ่จะคลอดแบบข้อที่ 1 แต่ถ้าดู ๆ แล้วแต่กรณีว่าเจ็บท้องนานเกินไปก็ขึ้นอยู่กับคุณหมออาจจะเปลี่ยนเป็นแบบข้อที่ 2 คือใช้ยาช่วยได้ แต่ต้องให้สามีเซ็นชื่อรับรองการเปลี่ยนแปลงด้วย
คุณหมอก็บอกว่ายังไม่ต้องรีบส่งใบนี้ก็ได้ รอให้ 36 สัปดาห์ก็ได้ แต่พอ 36 สัปดาห์ไปแล้วควรที่จะออกกำลังกายให้บ่อยขึ้น


แล้วก็มาถามคุณหมอเรื่องสายตาที่มองไม่ค่อยชัดมากขึ้นเวลาอ่านหนังสือ คุณหมอก็บอกว่าถ้าเรามองได้แค่ระยะตรงอย่างเดียว โดยที่การมองเห็นด้านข้างซ้ายขวามีปัญหาแล้วหล่ะก็ไม่ดี  แต่ถ้ามองไม่ค่อยชัดมากขึ้นเวลาอ่านหนังสือคงไม่มีปัญหาอะไร


แล้วก็ถามคุณหมอเรื่องปวดสะโพก ท่าทางคนญี่ปุ่นคงไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่มั้ง เพราะพอบอกคุณหมอไป คุณหมอก็งงๆ เหมือนไม่ค่อยเคยเจอแล้วก็เลยบอกมาว่า สรีระระหว่างคนไทยกับญี่ปุ่นไม่เหมือนกัน อย่างเราตัวสูง กระดูกเชิงกรานก็จะใหญ่ เพราะฉะนั้นก็เลยขยาย ก็เลยทำให้ต้องรับน้ำหนักของท้องมากขึ้นก็เลยทำให้ปวด


ก็เป็นอันจบการตรวจเพียงแค่นี้ นัดครั้งต่อไปอีก 2 สัปดาห์
ค่าตรวจครั้งนี้ 2,020 เยน










วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557

ตรวจครรภ์ครั้งที่ 6 ที่โรงพยาบาลญี่ปุ่น (อายุครรภ์ 24 สัปดาห์กว่า ๆ)

วันนี้ไปโรงพยาบาลมีนัดตรวจครรภ์ครั้งที่ 6 (อายุครรภ์ 24 สัปดาห์กว่า ๆ)
ไปถึงโรงพยาบาล ก็ยื่นบัตรนัด บัตรคนไข้ สมุดสุขภาพแม่และเด็ก สมุดช่วยค่าตรวจ  ไม่ได้ยื่นบัตรประกันสุขภาพเพราะยังไม่ใช่เดือนใหม่ของการมาตรวจ
แล้วก็ไปเก็บปัสสาวะ วัดความดัน จากนั้นพยาบาลก็เรียกเข้าห้องสำหรับเจาะเลือด ครั้งนี้เก็บไป 3 หลอด ซึ่งจะนำไปเช็คว่ามีเชื้อมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือไม่ เพราะสามารถติดได้ทางการให้นมแม่
นำไปเช็คว่าเลือดจางหรือไม่  และเช็คค่าน้ำตาลในเลือด

หลังจากนั้นก็ชั่งน้ำหนัก แล้วก็รอพบคุณหมอ คุณหมอมาเห็นน้ำหนัก ทำหน้าเครียดเลย เพราะน้ำหนักเราขึ้นจากก่อนท้องมา 8.5 กิโล ซึ่งเกณฑ์ของคุณหมอคือ 8-12 กิโล เพราะหลังจากนี้น้ำหนักก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น คุณหมอเลยให้ควมคุมน้ำหนัก ลดปริมาณอาหารลง
หลังจากนั้นก็อัลตราซาวด์ดู เด็กตัวใหญ่ขึ้นมากเลย อาจจะเป็นเพราะน้ำหนักแม่ขึ้นเยอะด้วย เลยทำให้เด็กตัวใหญ่ ครั้งนี้คุณหมอจะให้ดูส่วนหัว เน้นให้ดูจมูก ปาก แล้วก็ให้ฟังเสียงหัวใจเต้น ทั้งหมดปกติ แข็งแรงดี แล้วคุณหมอก็บอกผลการตรวจเลือดไม่มีปัญหาเลือดจาง แอบเห็นตัวเลขอยู่ที่ 11 กว่า ๆ ส่วนผลของตัวอื่นยังไม่ออก   แล้วก็แอบเห็นคุณหมอเขียน 800 กว่า ๆ น่าจะเป็นน้ำหนักของทารก
แล้วคุณหมอก็ถามว่ามีอะไรจะถามไหม เราก็บอกไปว่าช่วงนี้จะปวดหน่วง ๆบริเวณช่วงล่าง บริเวณก้น ทางด้านซ้าย คุณหมอก็เลยสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรื่องของท้องผูก ให้ดูอาการ
แล้วก็นัดครั้งต่อไปอีก 2 อาทิตย์  คุณหมอพูดมาเลยว่าครั้งที่มาตรวจคราวหน้าไม่ควรขึ้นเกิน 1 กิโล เฮ้อ

ก่อนกลับคุณหมอให้ไปฟังพยาบาลพูดเรื่องของอาหาร แล้วก็รับคู่มือแนะนำเรื่องอาหารในตอนที่ตั้งครรภ์ และแฮนบุ๊คสำหรับการไปทานข้าวนอกบ้าน พยาบาลเขียนมาเลยว่า BMI ของเรา 21.0 น้ำหนักมาตรฐานจะอยู่ที่ 58.4 กิโล เพราะฉะนั้นปริมาณพลังงานที่จำเป็นต่อวันจะอยู่ที่ 1,700 Kcal
เราต้องควบคุมอาหารให้อยู่ในเกณฑ์นี้เหรอเนี่ย ><
ในคู่มือก็จะบอกมาว่าใน 1 วันควรจะทานอะไรบ้าง ปริมาณเท่าไหร่
บอกวิถีการทานอาหาร คือ
1. ทานอาหารครบ 3 มื้อ
2. เคี้ยวช้า ๆ ละเอียด ๆ
3. ก่อนนอน 2 ชั่วโมงไม่ให้ทานอะไร
4. ให้ออกกำลังกาย
5. อาหารที่ใช้น้ำมันเยอะ ให้ทานพอดี ๆ
6. ให้ระวังในการทานขนมขบเคี้ยว ของว่าง
7. ให้หันมาทานอาหารจำพวกที่ไม่มีแคลอรี่ อย่างเห็ด บุก สาหร่าย
8. ไม่ทานอาหารรสจัด
9. ไม่ใช้พวกน้ำปรุงรส ซอสในปริมาณที่เยอะ

ส่วน แฮนบุ๊คสำหรับการไปทานข้าวนอกบ้าน ก็จะเขียนประมาณว่า เมนูอาหารนี้ให้พลังงานกี่กิโลแคลอรี่ คงประมาณว่าให้เลือกทานที่ให้พลังงานไม่สูงมาก

ต้องควบคุมอาหาร น้ำหนักแล้วสิเรา

ค่าตรวจในวันนี้ 3,720 เยน







ปลูกมะเขือเทศ

เราเป็นคนนึงที่ชอบทานมะเขือเทศมาก ๆ แต่ที่ญี่ปุ่นขายแพ็คนึง (มีประมาณ 12-15 ลูก) ประมาณ 200 เยน ทานไปแป๊ปเดียวหมดหล่ะ เลยกะจะลองปลูกเองดูว่าจะออกเยอะหรือเปล่า เมื่อปีที่แล้วก็ซื้อมะเขือเทศที่เป็นแบบเมล็ดมา โตออกดอกแล้วก็ออกลูกนะ แต่ว่าไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ ออกลูกมานิดเดียวเอง  ปีนี้คุณซูเลยลองใหม่ แต่คราวนี้ซื้อแบบที่เขาขายเป็นต้นมาแล้ว น่าจะโอเคกว่า
ขายต้นละ 265 เยน


แล้วก็มีซื้อต้นสีแดง กับ สีชมพูมา (กระถางแขวน 2 อันทางขวามือ) ไม่รู้เรียกว่าต้นอะไร เป็นต้นที่ทนมาก จากที่เคยปลูกเมื่อปีที่แล้วดอกแทบจะไม่ร่วงเลย
ขายต้นละ 75 เยน


ส่วนต้นสูง ๆ ดอกสีเหลือง ๆ เรียกว่าต้น Nanohana


แล้วก็ต้นซากุระ (กระถางที่มีหลอดเหลือง ๆ ปักอยู่) ที่เราเห็นตั้งแต่ปีที่แล้ว ปีนี้ออกดอกแล้ว (แต่ไม่เยอะ ) ^^