วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2557

ตรวจครรภ์ครั้งที่ 3 ที่โรงพยาบาลญี่ปุ่น (อายุครรภ์ 12 สัปดาห์กว่า ๆ)

หลังจากตรวจครั้งที่ 2 คุณหมอก็นัดครั้งที่ 3 หลังจากนั้น 3 สัปดาห์ ก็เปิดปีใหม่แล้วก็กลับมาจากไทยพอดี  ครั้งนี้ที่ไปตรวจก็ยื่นสมุดสุขภาพแม่และเด็กแล้วก็สมุดช่วยเรื่องค่าตรวจไปด้วย
จะมีการให้ชั่งน้ำหนัก วัดความใหญ่ของท้อง
เครื่องที่ใช้ตรวจจะไม่เหมือนเดิมหละ เพราะจะเป็นการซาวด์ดูจากหน้าท้องเราหล่ะ
ภาพที่เห็นทางหน้าจอ เจ้าหนูดิ้นไปดิ้นมา แขนขาขยับไปมา หัวใจเต้นเร็ว แล้วก็ดังด้วย คุณหมอบอกว่าแข็งแรงดี ก็ค่อยโล่งอกหน่อย เพราะอย่างที่เคยบอกไปว่าเราก็กังวลเกี่ยวกับการขึ้นเครื่องบินอยู่เหมือนกัน 
แล้วช่วงหน้าหนาวนี้เราก็เหมือนจะเป็นหวัด ก็เลยบอกคุณหมอไปว่าเราเป็นหวัด คุณหมอก็ให้ยาแบบนี้มา เป็นยาจีน



แล้วในวันนี้ก็มีเก็บปัสสาวะ, วัดความดัน (เราไปวัดเองกับเครื่องที่ทางโรงพยาบาลตั้งไว้) , เจาะเก็บเลือดทั้งหมด 5 หลอด เหมือนจะตรวจว่าแม่มีกรุ๊ปเลือดอะไร, หาเชื้อ HIV, หาว่ามีภูมิคุ้มกันหัดเยอรมันหรือเปล่า, แล้วก็อะไรอีกเราก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดหละ

ค่าตรวจในครั้งนี้รวมค่ายา 3,830 เยน

อาการในช่วงนี้ก่อนจะตรวจครั้งที่ 4
-รอบ ๆ บริเวณปากกับจมูก จะแดง ๆ ไม่รุ้ว่าเป็นเพราะอากาศแห้ง หรือว่าเป็นที่โฮรโมนเปลี่ยน
-เวลาสั่งน้ำมูก จะมีเลือดปนออกมาด้วย ก็ไม่รู้ว่าเป็นที่อากาศแห้งหรือเปล่า
-จะมีเรื่องของกรดไหลย้อน แต่อาการไม่มาก แค่รู้สึกว่าไหลมาถึงที่บริเวณคอ
-มีปวดท้องจิ๊ด ๆ คงเป็นเพราะมดลูกกำลังขยายมั้ง
-มีผื่นแดง ๆ ขึ้นที่บริเวณสะโพก ยิ่งตอนหลังจากที่แช่น้ำร้อนใหม่ ๆ
-อาการไม่อยากอาหาร เริ่มดีขึ้น สามารถทานได้มากขึ้น


วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557

เริ่มกลับมาเขียนบล็อก พร้อมแนะนำวิตามินที่ทานก่อนตั้งท้อง

หลังจากที่หายจากการเขียนบล็อกไปเกือบ 2 เดือน
วันนี้ก็เริ่มหายขี้เกียจหล่ะ
ตอนแรกที่เริ่มขี้เกียจ ๆ ก็นึกว่า คงเหนื่อยจากที่ออกไปข้างนอกทุกวัน (พาที่บ้านที่มาเที่ยวญี่ปุ่นไปเที่ยว) ไป ๆ มา ๆ เริ่มขี้เกียจหนักขึ้น ช่วงนั้น (เดือน พ.ย. 56) รู้สึกล้า ๆ ไม่อยากทำอะไรเลย อยากนอนอย่างเดียว ซึ่งจริง ๆ แล้วที่เป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งก็คือ เรามีข่าวดีแล้ว เย้...

ก็ขอเริ่มเขียนอาการก่อนที่เราจะใช้ชุดทดสอบว่าตั้งท้องหรือเปล่า ก็จะมี
-ปวดท้องเหมือนประจำเดือนจะมา แต่ไม่มา
-ง่วงนอน ไม่อยากทำอะไร ไม่ค่อยอยากอาหาร ถ่ายมีเลือดปนออกมา ปวดหัวเหมือนเป็นหวัด กลางดึกลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ
-แล้วช่วงนี้ก็จะรู้สึกเหม็น ๆ อยากจะอ๊วก (แต่ไม่ได้อ๊วกออกมา) อาการที่ไม่ค่อยอยากอาหารทำให้พอทานอาหารไปแล้วก็รู้สึกอึดอัดท้อง

ก่อนที่จะคุณซูจะพาเราไปโรงพยาบาล เราก็อยากจะเขียนถึงยา แล้วก็วิตามินที่เราคิดว่าน่าจะช่วยในเรื่องของการมีน้องนะ เก็บไว้เป็นข้อมูลนิดนึง

ตั้งแต่เดือน พ.ค. 56 เรากับคุณซูก็ทานวิตามิน (จริง ๆ ก็ทานกันก่อนหน้านั้นแล้วหล่ะ แต่ที่ทานกันจริงจังก็จะมี)

1.




ช่วงหลังเปลี่ยนมาเป็นซองนี้เน้น 葉酸 (โฟเลต) อย่างเดียว
2.






3.





4.




5. ตัว コラーゲン (คอลลาเจน)  นี้ช่วงหลัง ๆ ก็ไม่ได้ทานแล้ว





6. น้ำมันปลา




7. น้ำมันพริมโรส




8. โคคิวเทน

 


ส่วนของคุณซูก็มีทานเพิ่ม マカ

9.







ส่วนเรา โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นคนเลือดน้อย เลยเสริมตัวนี้เข้าไปอีกในช่วงหลัง ๆ

10.






สรุปก็คือช่วงแรก ๆ เรากับคุณซูจะทานหมายเลข 1, 4, 5, 6, 7
พอเริ่มครึ่งปีหลัง  (ปี 56) เราก็ทานหมายเลข 2,4, 6-8 ประมาณเดือน ก.ย. ก็เสริมหมายเลข 10
ส่วนของคุณซูก็ทานหมายเลข 2 - 4, 6-8  + หมายเลข 9


แล้วก็มาทานยาจีนเพิ่มตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.  - 9 พ.ย.  56 ที่หยุดไปเพราะเริ่มไม่แน่ใจว่าจะมีน้องหรือเปล่าก็เลยหยุดไปก่อน แล้วก็มีจริงๆ ด้วย หน้าตาตัวยาเป็นแบบนี้นะคะ ตัวยานี้จะช่วยเรื่องทำให้ประจำเดือนมาปกติ ให้โฮโมนสมดุล



พอมาเขียน ๆ รู้สึกตัวเองทานเยอะเหมือนกันเนอะ จะตามอย่างหรือไม่ตามอย่างก็ได้นะคะ









วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ขึ้นเครื่องบินตอนท้องช่วงไตรมาสแรก

ช่วงสิ้นปี 2013 เรากับคุณซูก็มีแพลนกลับไทยกัน เราก็กังวลเกี่ยวกับการขึ้นเครื่องบินอยู่เหมือนกัน
แต่คุณหมอบอกว่าโอเค ก็ค่อยสบายใจหน่อย
ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ต้องเปลี่ยนเครื่องที่เกาหลี  ปกติจะบินตรงนาริตะกรุงเทพฯเลย แต่สู้ราคาตั๋วช่วงนั้นไม่ไหว เท่ากับเวลาที่บินกลับเที่ยวเดียวก็เกือบ 10 ชั่วโมง เหนื่อยเหมือนกัน
ตอนที่เราเช็คอินที่นาริตะ เราบอกไปว่าเราตั้งท้อง พนักงานก็ระบุข้อมูลลงไปในระบบ แล้วก็แปะที่กระเป๋าของเรากับคุณซูที่โหลดใต้ท้องเครื่องประมาณว่าตอนไปรับกระเป๋าที่กรุงเทพฯ ก็จะเป็นใบแรก ๆ ที่จะออกมาก่อน สุดยอดของการบริการเลยอ่ะ
แต่ว่าตอนที่เช็คอินที่กรุงเทพฯ บอกแบบเดียวกัน พนักงานก็ไม่ได้ทำอะไรให้เป็นพิเศษ...

ช่วงที่ต้องผ่านเครื่องสแกน เราก็บอกพนักงานว่าเราท้อง เขาก็ไม่ให้เราผ่านเครื่องนั้น แล้วก็ให้พนักงานผู้หญิงมาตรวจที่ตัวเรา เปลี่ยนเครื่องที่เกาหลีก็มีเครื่องนั้น เราก็บอกทุกครั้งที่เห็นเครื่องนั้นเลย

แล้วตอนที่เรานั่งบนเครื่องคุณซูบอกให้พกหน้ากากไปด้วย เพราะอากาศในเครื่องจะแห้ง ซึ่งก็ได้ผลดีมาก ๆ ใส่หน้ากาก แล้วยิ่งเป็นหน้ากากที่มีแผ่นให้ความชุ่มชื้นด้วยแล้ว จมูกไม่แสบเลย หายใจคล่องขึ้น


ระหว่างที่อยู่ที่เมืองไทยอย่างเวลาที่จะขึ้น BTS หรือ MRT หรือเข้าห้างที่มีเครื่องสแกน เราก็จะบอกเจ้าหน้าที่ว่าเราท้องอยู่ เจ้าหน้าที่ก็ให้เราเดินเลี่ยงไม่ผ่านครื่องสแกน แต่ก็ขอตรวจกระเป๋าเหมือนเดิม เพื่อความปลอดภัยของเขาอ่ะนะ  ช่วงแรก ๆ ลืมนึกไปผ่านเข้าออกเครื่องสแกนหน้าห้างเป็นว่าเล่น ก็คงไม่มีปัญหาอะไรอ่ะนะ

วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ตรวจครรภ์ครั้งที่ 2 ที่โรงพยาบาลญี่ปุ่น

ครบ 2 อาทิตย์ที่คุณหมอนัดตรวจครรภ์ครั้งที่ 2
ครั้งนี้เครื่องที่ใช้ตรวจก็ยังเป็นเครื่องที่เหมือนกับการตรวจภายใน
ในครั้งนี้คุณหมอก็ให้ดูหน้าจอ แล้วก็บอกว่ามีส่วนหัว ส่วนก้นแล้ว แล้วก็ให้ฟังเสียงหัวใจ
หัวใจเต้นแข็งแรงดีมาก ๆ ^0^

และในวันนี้คุณหมอก็แจ้งวันกำหนดคลอดมาให้ แล้วก็บอกให้ไปรับสมุดสุขภาพแม่และลูก
 「母子健康手帳」ได้ที่สำนักงานเขต แล้วในครั้งต่อ ๆ ไปก็ให้ถือสมุดนี้มาด้วยทุกครั้ง

ในการตรวจวันนี้ก็มีปรึกษาคุณหมอเรื่องการขับถ่าย เพราะช่วงนี้ท้องผูกแถมถ่ายมีเลือดด้วย
คุณหมอก็เลยให้ยาระบายมาด้วยในครั้งนี้ หน้าตาจะเป็นแบบนี้


แล้วก็ถามคุณหมอถึงเรื่องการขึ้นเครื่องบิน เพราะช่วงสิ้นปี (2013) เรากับคุณซูจะมีแพลนกลับไทยกัน คุณหมอก็บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร เพราะเมืองที่ไป (กรุงเทพฯ ) โรงพยาบาลก็โอเค เพราะถ้าสมมุติว่ามีอะไรขึ้นมาก็จะได้เข้ารักษาได้ ไม่น่าเป็นห่วง

ค่าตรวจในวันนี้+ค่ายาระบาย 2,160 เยน

อาการในช่วงนี้
ความอยากอาหารก็ยังไม่ค่อยมีเหมือนเดิม
รู้สึกว่าตัวเองซึม ๆ ไป
ท้องผูก



ไปรับสมุดสุขภาพแม่และเด็ก (母子健康手帳) ที่สำนักงานเขต

หลังจากที่คุณหมอบอกว่าให้ไปรับสมุดสุขภาพแม่และเด็ก (母子健康手帳)ได้ที่สำนักงานเขต
คุณซูก็พาเราไป พอไปถึง เจ้าหน้าที่ต้อนรับดีมาก แล้วก็ให้เอกสารเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ อย่าง
อาหารที่ควรจะทานใน 1 วัน   เอกสารที่เกี่ยวกับว่าช่วงนี้คุณแม่ที่ตั้งท้องจะมีอาการยังไง
กำหนดการที่ให้ไปอบรมเรื่องการตั้งครรภ์ทั้งหมดจะมี 4 ครั้ง แล้วก็ที่สำคัญเลยที่ต่อไปนี้จะต้องพกไปด้วยไม่ว่าจะเป็นตอนไปตรวจที่โรงพยาบาล  ตอนออกไปข้างนอก  ก็คือ

1.สมุดสุขภาพแม่และเด็ก(母子健康手帳) ซึ่งสมุดนี้เจ้าหน้าที่บอกว่าจะใช้จนเด็กม.ปลายเลย

2.ที่ห้อยกระเป๋าแสดงว่าเรากำลังตั้งครรภ์อยู่
หน้าตาจะเป็นประมาณนี้ค่ะ (ขอบคุณรูปจาก Google นะคะ)





3.สมุดช่วยเรื่องค่าตรวจครรภ์ (妊娠健康診査受診票・助成券)จำนวนที่ทางสำนักงานเขตช่วยก็จะมีอยู่ที่ 5,000 เยนบ้าง
8,000 เยนบ้างแล้วแต่ว่าตรวจอะไร  ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกินมาเราก็จะเป็นคนจ่ายเอง ในนั้นจะมีให้เราเขียนชื่อที่อยู่ แล้วพอเรายื่นให้เจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลเขาก็จะฉีกไป แล้วก็คืนสมุดมาให้พร้อมกับสมุดสุขภาพแม่และเด็ก
(ขอบคุณรูปจาก Google ค่ะ)





ตอนนี้เราก็โทรไปจองที่นั่งสำหรับที่จะไปอบรมแล้ว
ถ้าไปมาแล้วเดี๋ยวจะอัพเดทว่าเขาพูดเรื่องอะไรบ้างให้ฟังนะคะ ^^