วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีคลายร้อนแบบง่าย ๆ โดยไม่ต้องพึ่งแอร์

เมื่อวานคุณซูซื้อเค้กมาฝาก แล้วในกล่องเค้กทางร้านจะใส่ซองหยุ่น ๆ กันความเย็นมาให้ เราก็เลยเกิดไอเดียว่า ถ้าใช้เจ้าซองหยุ่น ๆ นี้มาโป๊ะ ๆ ตามคอดูหล่ะ ได้ผลจริงๆ ด้วย เย็นดี

ก่อนหน้านี้ตอนช่วงฤดูหนาว คุณซูก็ซื้อเค้กมา แล้วก็บอกว่าให้เก็บซองหยุ่น ๆ กันความเย็นนี้ใส่ตู้เย็นด้วย เราก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรต่อ ดีนะที่เก็บตามที่คุณซูบอก เพราะตอนนี้มีประโยชน์มาก ๆ เลย

เรียกซองหยุ่น ๆ นี้ว่า 「保冷剤」(Ho rei zai)

 
วิธีใช้ก็คือ แช่ก้อนนี้ในตู้เย็น พอเราจะใช้ก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าพันอีกที แปะตามคอ หรือที่รักแร้ เราก็จะรู้สึกถึงความเย็น สบายขึ้นมา  พอหมดความเย็นก็เอาไปแช่ตู้เย็นใหม่ แล้วค่อยเอากลับมาใช้อีกที
 
นอกจากใช้เจ้าก้อนนี้แล้ว ก็ยังมีวิธีอื่นอีก (ที่อ่านเจอในเว็บของญี่ปุ่น)  ก็จะมี
- คนญี่ปุ่นชอบแช่น้ำอุ่น คุณซูก็เหมือนกัน ส่วนเราอยากแช่นะ แต่ร้อนอ่ะ ไม่ไหว ทุกวันนี้คงมีเราคนเดียวมั้งในแถวนี้ ที่ไม่ใช้ก๊าซตอนอาบน้ำ เราอาบน้ำเย็นเลย ส่วนคุณซูก็เปิดก๊าซอาบน้ำอุ่น แล้วก็แช่น้ำอุ่น
ซึ่งแน่นอน พอแช่เสร็จเหงื่อคงไหลไม่หยุดแน่ เขาก็มีวิธีคลายร้อน ก็คือพอแช่น้ำอุ่นเสร็จ ก็ให้เอาเท้าเราแช่กับน้ำเย็น ก็จะทำให้ปริมาณเหงื่อในร่างกายลดน้อยลง
 
- ให้ทานของที่ช่วยลดความร้อน
อย่างเช่นแตงโม แตงกวา หรือฟักเขียว เพราะพวกตระกูลแตงจะมีสรรพคุณช่วยลดความร้อน
 
- ถ้าวันไหนไม่มีลม ก็ให้เอาพัดลมเปิดจ่อไปทางด้านหน้าต่าง แล้วก็เปิดหน้าต่าง ทีนี้ลมก็จะเข้ามา
 
- ให้เอาน้ำราดพื้นในตอนเช้าและตอนเย็น จะช่วยทำให้อุณหภูมิลดลงได้นิดหน่อย ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีแต่ดั้งเดิมของคนญี่ปุ่น อาจจะเอาน้ำจากที่แช่น้ำอุ่นเมื่อคืนมาใช้เพื่อเป็นการประหยัดน้ำก็ได้ค่ะ
 
 
อาจจะต้องลองทำดู จะได้คลายร้อนได้บ้างไม่มากก็น้อย เพราะตอนนี้ไม่ไหวร้อนมาก ๆ
 
 

จินตนาการในโลกใบเล็กของเด็ก ๆ

บ่อยครั้งบรรดาพ่อ แม่ ครู หรือพี่เลี้ยงที่ต้องดูแลเด็กเล็กวัยอนุบาลจะออกอาการขำที่เห็นเด็ก ๆ นั่งเล่นคนเดียว สร้างโลกแห่งจินตนาการเป็นยอดมนุษย์ เป็นตำรวจ คุณหมอ หรือแม้แต่เล่นเป็นพ่อแม่แบบออกรสออกชาติได้นานเป็นชั่วโมง

แต่โลกแห่งจินตนาการของเด็ก ๆ นี่แหล่ะ ที่ช่วยให้พวกเขาได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ที่หลากหลาย นับเป็นอีกบทเรียนที่เด็กจะได้เรียนรู้บทบาทเสมือนจริงจากการได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง และการสัมผัส ซึ่ีงจะช่วยให้เขามีพัฒนาการและทักษะทางด้านต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น มีทักษะในการคิดดีกว่า มีสมาธินานกว่า และมีไอเดียใหม่ ๆ มากกว่าเด็กที่อยู่เฉย ๆ เอาแต่นั่งดูทีวี หรือขลุกอยู่กับการเล่นเกมทั้งวัน ทั้งนี้เพราะการเล่นตามจินตนาการของเด็กจะช่วยเปิดโอกาสให้เด็กได้คิดสำรวจ มีความคิดสร้างสรรค์ มีมุมมองที่กว้างและมีความยืดหยุ่นเพิ่มมากขึ้น อันจะเป็นจุดเริ่มต้นของความเชื่่อมั่นในตนเอง

นอกจากนี้ยังช่วยด้านการมีพัฒนาการทางอารมณ์ จากการได้พบเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิด เช่น เล่นกับเพื่อนแล้วเพื่อนแกล้ง ถูกครูดุ ไม่มีคนเข้าใจ ฯลฯ ซึ่งเด็กอาจจะไม่สามารถเข้าใจและหาทางจัดการกับเรื่องเหล่านั้นได้ อีกทั้งคุณพ่อและคุณแม่ก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่จะคอยช่วยเหลือได้ ดังนั้นเด็กจึงสร้างโลกแห่งจินตนาการเพื่อแก้ไขปัญหา เพื่อให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัย มีอำนาจแก้ไขปัญหานั้น ๆ เสมือนเป็นการคลายความเครียดของเด็ก ซึ่งในบางครั้งเด็กอาจมีการส่งสัญญาณความเครียดด้วยการแสดงออกกับบทบาทสมมติ เช่น นำตุ๊กตามาสมมติว่าเป็นลูก แล้วโยน หรือเหวี่ยงทิ้ง หากเป็นเช่นนี้พ่อแม่ควรสังเกต ทำความเข้าใจ และให้เวลาลูกมากขึ้น ที่สำคัญการสร้างชีวิตในโลกสมมติเป็นความสุขอย่างหนึ่งของเด็ก ๆ แม้จะไม่มีตัวตนก็ตาม



แต่ในขณะเดียวกันเด็กในวัย 3-6 ปี ยังไม่สามารถแยกแยะระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกแห่งจินตนาการได้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรดูแลให้อยู่ในขอบเขตที่พอดี เพราะหากเมื่อใดที่เด็กเริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าว ใช้ความรุนแรง คิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่เหมือนในการ์ตูนที่ดู เช่น หยิบมีดในครัวออกมาวิ่งไล่คล้ายจะออกรบเหมือนในหนัง ชก เตะ ต่อยคนอื่นแล้วภาคภูมิใจ หรือคิดว่าตัวเองมีความพิเศษ กระโดยตึกแล้วเหาะกลางอากาศได้ เหมือนยอดมนุษย์ในหนัง หรือพูดจากหยาบคาย ก้าวร้าวแล้วคิดว่าไม่ผิด ถือว่าน่าเป็นห่วงและส่งผลเสียเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่

พ่อแม่คือบุคคลสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมเด็กให้มีจินตนาการในด้านบวกเพี่อให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นคนดี เก่ง กล้าคิด กล้าแสดงออกในทางที่ถูกต้อง

 


ขอบคุณนิตยสาร BRAND'S
และรูปจาก Google