วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2567

เป็นโควิดรอบที่ 2 กับยาที่ใช้รักษาตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น

ตอนที่ติดโควิดครั้งที่ 1 โชคดีกลับไปเมืองไทยพอดี (ตอนนั้นการรักษาโควิดที่ญี่ปุ่นค่อนข้างยุ่งยาก และเหมือนจะให้อยู่รักษาที่บ้าน) ระหว่างที่อยู่ไทย ก็เริ่มมีอาการ น้องชายก็แนะนำโรงพยาบาลของเพื่อนเขา แล้วเราทั้งครอบครัวก็ได้รักษากันที่โรงพยาบาลนั้น 

ครอบครัวเรานอนโรงพยาบาลกันอยู่ประมาณ 10 คืนได้ การดูแลก็ถือว่าดีมาก ๆ เพราะอย่างที่รู้กัน จะพยายามอยู่ใกล้ผู้ป่วยให้น้อยที่สุด ตอนนั้นก็ห้ามเยี่ยม อาหารการกิน ของใช้ ก็จะวางที่โต๊ะที่ทางโรงพยาบาลจัดวางไว้หน้าห้องผู้ป่วย 

ยาที่ได้ก็จะมียาต้านไวรัสด้วย ของทั้งสามี ตัวเรา แล้วก็ลูก

พอมาคราวนี้ ผ่านมาจะเกือบ 2 ปี ครอบครัวเราก็มาติดอีกอยู่ญี่ปุ่น  ครั้งที่ 2นี้ เริ่มมาจากสามี ลูกก็มาติด แล้วเราก็มาติด 

อาการของโควิดที่ครอบครัวเราติดครั้งที่ 2 (สามีครั้งที่ 3)

เริ่มจากสามีเจ็บคอ วันเสาร์ที่ 15 ทานยาแก้เจ็บคอที่ซื้อทานเอง ตรวจชุดตรวจทางจมูก ขึ้น 1 ขีด

วันที่ 16 อาการก็ไม่ดีขึ้น แถมเริ่มมีไข้ ตรวจชุดตรวจทางจมูก ก็ยังขึ้น 1 ขีด  

วันที่ 17 ก่อนไปทำงาน ก็เลยให้ตรวจทางจมูกอีกรอบ เพราะอาการไม่ดีขึ้น ผลคือขึ้น 2 ขีด สามีรีบโทรไปลางานเลย แล้วก็ไปโรงพยาบาล ก็ได้ยารักษาตามอาการมา 

วันที่ 21 คุณหมอบอกว่าออกจากบ้านได้ แต่ให้ใส่หน้ากากอยู่ เพราะอาจจะยังแพร่เชื้อได้อยู่

วันที่ 22 ตรวจชุดตรวจทางจมูก ก็เลยแค่ 1 ขีด ก็โอเคหายสนิทแล้ว


มาที่ลูกชาย เริ่มมีอาการวันที่ 18 จากการกระแอม เหมือนมีเสมหะ ตรวจชุดตรวจ ขึ้น 1 ขีด

วันที่ 19 กลับจากโรงเรียน เสียงเหมือนคนเป็นหวัด เริ่มมีน้ำมูก 

วันที่ 20 ลองตรวจชุดตรวจดู ขึ้น 2 ขีด เลยลาหยุดโรงเรียน พาไปหาหมอ คุณหมอก็ตรวจปอด ดูช่องปาก ก็บอกไม่เป็นไร  โชคดีที่ไม่มีไข้ คุณหมอก็ให้ยาตามอาการมา 

วันที่ 24 คุณหมอบอกสามารถไปโรงเรียนได้แล้ว ก่อนไปโรงเรียนก็ตรวจดู ขึ้น 1 ขีด ก็โอเคสบายใจ จะได้ไม่ไปติดใคร 


มาส่วนของตัวเราเอง อาการก็เหมือนจะมีเสมหะในลำคอ น่าจะพอ ๆ กับช่วงของลูกชาย แต่ตรวจดู ก็ขึ้น  1 ขีด ตรวจเกือบทุกวันก็ขึ้น 1 ขีด

มาขึ้น 2 ขีดก็วันที่ 22 ก็เลยไปหาคุณหมอ คุณหมอก็ให้ยามา ตามอาการที่เราแจ้งไป คุณหมอไม่ได้มาตรวจที่ตัวนะ ตัวเราให้รออยู่ที่รถ แล้วก็บอกอาการไป สักพักใหญ่ ๆ ก็จะมีเจ้าหน้าที่ร้านยา เอายามาให้ 

ของเราก็ไม่มีไข้ เริ่มจากคอ เหมือนจะมีเสมหะตลอดเวลา มีไอบ้างเล็กน้อย มีน้ำมูกก่อนวันขึ้น 2 ขีด มีปวดท้องที่กระเพาะ (ไม่รู้เกี่ยวกับหรือเปล่า) ปวดตามแขน ขา หลัง

ยาโควิดของเราก็ไม่มียาต้านไวรัส  จะมี 

① ピーエイ配合錠

② カルボシステイン錠500mg

③ トランサミン錠250mg

④ アスベリンドライシロップ2%

⑤ タリオンOD錠10mg

⑥ ロキソニン錠60mg

วันที่ 23 น้ำมูกเริ่มมีสีเขียวจากที่ใส  แล้วเสมหะก็เริ่มออกมาเป็นสีเขียว

วันที่ 24 คุณหมอบอกให้ออกนอกบ้านได้ แต่เราตรวจดูก็ยังขึ้น 2 ขีด อาการของน้ำมูก เสมหะก็ยังมีอยู่ แต่น้อยล่งไปนิดหน่อย 

วันที่ 25 ตรวจว่าเหลือ 1 ขีดยัง ก็ยัง 2 ขีดอยู่ มาเหลือ 1 ขีดก็วันที่ 26 สบายใจหล่ะ

มาตราการของที่ญี่ปุ่นกับโควิด ก็ดูเหมือนจะเข้มงวดน้อยลงกว่าเมื่อก่อนมาก คือนับจากวันที่เริ่มมีอาการ 

วันที่เริ่มมีอาการถือเป็น 0 วัน  วันที่ 1 - วันที่ 5 ให้อยู่ในบ้าน วันที่ 6 ก็สามารถออกนอกบ้านได้ แต่คงให้ใส่หน้ากากอยู่ 





วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

Tobu Zoo (東武動物公園)ในวันที่ค่าเข้าแล้วแต่จะบริจาคตั้งแต่ 1 เยนขึ้นไป

วันนี้สามีถามว่าจะไป Tobu Zoo มั้ย ค่าเข้าแล้วแต่จะบริจาค 1 เยนขึ้นไป ก็เอาสิ ไม่ได้ไปนานมากแล้ว
ฟ้าครึ้ม ๆ แต่ก็โชคดีมากที่ฝนไม่ตก ก็เลยได้เดินทั่วหน่อย 


นกขายาว ขาเหมือนขาคนเลยอ่ะ 


ลิงก้นแดงเชียว 

กอด ๆ กัน คงหนาวน่าดู

ขนมนี้ สามีบอกจะมาซื้อตอนขากลับ แต่ประตูทางออกไม่มีขาย เลยอดเลย



ลิงน้อย หนูดูอะไรกันอ่ะ


อูฐก็มีขอนอนพักเหมือนกันนะ



เสือขาว


ตอนเห็นพนักงานเอาอาหารออกมาจากห้อง รีบลุกเลยอ่ะ

ไปสวนสนุกก่อน


ขอแวะเล่นเกม

มาดูช้างกันต่อ


ฮิปโปว่ายน้ำ



ก่อนกลับแวะให้อาหารลิง ตู้ขายอาหารลิง

เครื่องให้อาหารลิง 


นกกระเรียน สัตว์มงคลของญี่ปุ่น

 

พาลูกชายไปทำ Passport ไทยครั้งที่ 3 ที่สถานฑูตไทยในโตเกียว

 Passport ของลูกชายจะหมดอายุในปี 2024 นี้ ก็จะต้องทำเล่มใหม่ เพราะไม่มีการต่ออายุเล่ม เราก็เลยเข้าเว็บสถานฑูตไทยในโตเกียว ก็มีระบบการจองล่วงหน้า 45 วัน ก็จองไว้วันที่ 28 มี.ค. 24 ให้ลูกปิดเทอมก่อนแล้วพาไป ก็เข้าไปจองวันที่เราต้องการจะไปตามเว็บด้านล่างนี้ หรือหาจาก Google ก็ได้ พิมพ์คำว่า "สถานฑูตไทยในโตเกียว" 

ROYAL THAI EMBASSY, TOKYO :: ระบบลงทะเบียนทำหนังสือเดินทางล่วงหน้า :: パスポート申請事前予約 (thaiconsularservice.jp)



การไปทำ Passport ของลูก ก็จะต้องมีคุณพ่อคุณแม่ไปด้วย เพื่อไปเซ็นชื่อยินยอมขอทำ Passport ให้ลูก

เราจองเวลาไว้ที่ 9-10 โมง ขับรถไป รถติดมาก ไปเลทนิดหน่อย ก็ขอโทษเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ที่นี่น่ารักทุกคนเลย บอกไม่เป็นไร คือใจดีมาก ๆ แล้วก็ให้บัตรคิว พร้อมใบลงทะเบียนการส่งจดหมาย ให้เรามาเขียนที่อยู่จ่าหน้า เพราะจะใช้ตอนส่ง passport กลับมา 

ขนาดพนักงานรักษาความปลอดภัย (คนญี่ปุ่่น) ก็ยิ้มแย้ม ต้อนรับดีมาก ๆ 


เอกสารที่ต้องเตรียมไป ลูกเราอายุยังไม่ถึง 20 ปี ก็จะทำ Passport ได้ที่ 5 ปี (ค่าธรรมเนียม 9000 เยน)

เอกสารที่ยื่นประกอบก็จะมี

เอกสารของลูก

1. แบบกรอกข้อมูลขอทำหนังสือเดินทาง (เราดาวน์โหลดจากเว็บ) แล้วกรอกเตรียมไป แต่ไม่ได้ใช้ เพราะเจ้าหน้าที่ปริ้นท์ไว้ให้แล้ว 

2. สูติบัตร (เราเตรียมไปทั้งตัวจริงกับสำเนา เจ้าหน้าที่ใช้สำเนาแล้วคืนกลับมาให้)

3. Passport ตัวจริง 

4. บัตรประชาชน (เราพาลูกชายไปทำบัตรตอนเขา 7 ขวบ ที่เมืองไทย บัตรของลูกใบแรก 7 ขวบ ต้องทำที่เมืองไทยเท่านั้น แล้วใบต่อ ๆ มา ก็สามารถมาทำที่สถานฑูตได้) 

5. สำเนาทะเบียนบ้านหน้าที่มีชื่อลูก (เราก็ทำตอนที่เอาชื่อเขาเข้าทะเบียนบ้านที่เมืองไทย)

6. Passport ญี่ปุ่นของลูก


เอกสารของแม่

1. Passport 

2. บัตรประชาชน

3. สำเนาทะเบียนบ้านหน้าที่มีชื่อเรา (เราเตรียมไปด้วย แต่ไม่ได้ใช้)

4. ทะเบียนสมรส (เราเตรียมทั้งตัวจริงกับสำเนาไป แล้วก็เตรียมใบเปลี่ยนนามสกุล กับใบเปลี่ยนคำนำหน้าไปด้วย แต่ไม่ได้ใช้)

5. บัตรไซริวการ์ด


เอกสารของพ่อ

1. Passport 


พอไปถึง ได้บัตรคิว พอถึงคิว เจ้าหน้าที่ก็ให้เราเซ็นชื่อ ให้สามีเราเซ็นชื่อ ให้ลูกชายเราเซ็นชื่อที่เอกสารคำร้อง (เขาเตรียมมาให้แล้ว) ลูกเรา 9 ขวบแล้วก็เขียนได้แล้ว เจ้าหน้าที่ให้เขียนแค่ชื่อ เป็นภาษาอังกฤษ (2 เล่มก่อนให้พิมพ์ลายนิ้วมือ แต่เล่มที่ 3 เขียนเองได้แล้ว ก็ให้เขียนเอง)

หลังจากนั้นก็ยื่นบัตรประชาชนทั้งของลูก ของเรา บัตรไซริว Passport ของลูก ของเรา ของสามี 

ชำระเงิน 9000 เยน แจ้งเวลาที่อยู่รอรับ Passport ส่งมาที่บ้าน ซึ่งจะใช้เวลา 1 เดือนหลังจากวันนี้ที่ทำ

จากนั้นก็รอเรียกเพื่อไปถ่ายรูป

สักพักก็ถึงคิวถ่ายรูป เจ้าหน้าที่ถามถึงส่วนสูงของลูก ตอนโรงเรียนก็วัดไปนะ แต่ผ่านไป 2 เดือนแล้ว เขาก็เลยให้ไปวัดใหม่ตรงจุดที่มีให้วัดส่วนสูง แล้วก็ใช้ตัวเลขนั้น เจ้าหน้าที่ก็ถามย้ำข้อมูล เกิดที่ไหน ส่วนสูงตัวเลขนี้นะ แล้วเขาก็ทวนของเขา จากนั้นก็ให้ลูกเซ็นชื่อที่เครื่องให้เซ็นชื่อ ใช้กล้องส่องไปที่ตา แล้วก็ขอเอกสารทะเบียนสมรส จากนั้นก็ให้พ่อกับแม่เซ็นชื่อ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย 

รอรับเงินทอนกับใบเสร็จ จากนั้นก็กลับบ้านได้ 


คนค่อนข้างเยอะ จองคิวล่วงหน้าไว้ก็ดี เพราะใช้เวลาไม่นาน ประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เข้าไปและออกมา บริการของเจ้าหน้าที่ก็ดีมาก ๆ เลย แต่สถานที่อาจจะเล็กไปหน่อย หรือเพราะคนเยอะ

เจ้าหน้าที่ก็บอกอีกว่า พออายุครบ 15 ปี ก็ให้มาทำเรื่องเปลี่ยนจาก ดช. เป็นนาย 













วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2567

โลชั่น ครีมเจลทาหน้าที่มีส่วนผสมของเหล้าญี่ปุ่น

เมื่อวันก่อน ๆ ไป Costco  มา ชื่อป้ายก็จะตามรูป (รูปจาก Google) ที่นี่ก็จะคล้าย ๆ Big C บ้านเรา ก็จะมีของที่ขายเป็นแพ็คใหญ่ ๆ หรือขายปริมาณเยอะ แล้วราคาก็จะถูกกว่าซื้อข้างนอก 



เดิน ๆ ไปก็มาสะดุดที่โลชั่นกับเจลครีมทาหน้า เพราะว่าเขาเขียนว่ามีส่วนผสมของเหล้าญี่ปุ่น (日本酒)อยู่ด้วย แล้วเราก็ลอง ๆ ดูที่ชั้น ก็มีคนซื่้อไปจำนวนหนึ่ง แล้วขณะที่ยืนคิดอยู่ว่าจะซื้อดีไม่ซื้อดี ก็มีคนญี่ปุ่นวัย 30 ปีได้ มาซื้อไป เราก็ลองดูที่หน้าเขา ก็หน้าสวยดี ผิวโอเค เราก็เลยซื้อตามเลย 555
โลชั้น


เจลครีม




ลองใช้มาได้ 1 อาทิตย์แล้ว ก็โอเคนะ ชุ่มชื้นดี แต่ก็จะมีกลิ่นของข้าวหมักตอนที่ทำเหล้าอ่ะนะ แต่ติดไม่ทั้งวัน แค่ตอนทา แล้วกลิ่นก็หายไป 
ส่วนตัวก็โอเคนะ ราคาก็ไม่ค่อยแพง แต่จำไม่ได้ล่ะว่าเท่าไหร่ เพราะดันทิ้งใบเสร็จไปซะแล้ว 




วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2567

ไปนั่งจิบชากาแฟ ในขณะที่ลูกไปโรงเรียน ^^

วันนี้สามีหยุด เลยชวนเขาไปร้าน OB ที่ไม่ได้ไปนานมาก 9 ปีได้มั้ง ลูกก็ไปเรียนก็ใช้เวลานี้แหล่ะ นั่งทานแบบชิว ๆ 555
สามีสั่งโกโก้ แก้วใหญ่มาก 
ส่วนเราสั่งชานมร้อน อร่อยดีเหมือนกัน ^^