วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

21 ก.ค. 56 แพลนวันที่สี่ของการกลับไทย (อยู่ที่ชะอำกับครอบครัว)

คุณซูตื่นเช้ามาก เพราะอยากดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่เราขอนอนต่อ เพราะตื่นไม่ไหวจริงๆ คุณซูเลยออกไปคนเดียว กลับเข้ามาอีกทีก็ไปอาบน้ำ แล้วก็ออกไปกินข้าวเช้าของที่นี่
คนเยอะมาก โต๊ะไม่พอ ก็ต้องรอสักพักนึง

 
จากนั้นก็กลับไปพักกันที่ห้อง เดินดูบริเวณรอบ ๆ
 
 
พอถึงเที่ยงก็เช็คเอ้าท์ออก แล้วก็เดินทางต่อ ไปกินข้าวกลางวันกันที่ร้าน เจ้เขียว (ถ้าจำชื่อไม่ผิดนะ) อยู่หัวหิน คนก็เยอะมาก (อีกตามเคย) แต่ร้านนี้โทรจองได้ เลยไม่ต้องรอคิวนาน
ตั้งแต่มื้อเย็นเมื่อวาน กับมื้อกลางวันวันนี้ คุณซูกินแต่ข้าวผัด เพราะเป็นคนไม่กินซีฟู๊ด แต่ครอบครัวเราทุกคน รวมตัวเราด้วยชอบซีฟู๊ดมาก คุณซูเลยเหงา ๆ หน่อย กินข้าวผัดหมูคนเดียว
พอกินเสร็จก็เดินทางกันต่อไปวัดห้วยมงคล ไปกราบหลวงปู่ทวด แล้วก็ไปลอดใต้ท้องช้าง ซื้อวัตถุมงคลมาบูชา
 
 
 
 
 
 
 
 
พอกราบหลวงปู่เรียบร้อยแล้วก็แวะซื้อของฝากที่ร้านกิมไล้ เราได้เป็นน้ำพริกมา เพราะอยู่ญี่ปุ่นไม่มีขายเลย
 
 
พอซื้อกันหมดแล้วก็ขับตรงเข้ากรุงเทพฯ เลย ไปเจอกันที่บ้านป๊าม้า
พอไปถึง เราก็วุ่น ๆ เลย เพราะต้องจัดของทั้งหมด ไปเช็คอินที่โรงแรมแถวสุรศักดิ์อีกครั้งหนึ่ง แล้ววันพรุ่งนี้คงไม่ได้มาเจอที่บ้านหล่ะ เพราะยังมีต้องซื้อของและอะไรต่อมิอะไร
เศร้าจัง เพราะไม่ได้เจอที่บ้านอีกพักนึง รู้สึกเหงา ๆ ด้วย ที่ว่าเดี๋ยวก็ต้องกลับญี่ปุ่นหล่ะ
แล้วม้าก็ให้ของมา สำหรับมากินที่ญี่ปุ่น ขอบคุณมาก ๆ เลย เพราะของพวกนี้ที่ญี่ปุ่นแพงมาก ๆ
ส่วน 2 กล่องนั้น ซื้อมาจากเกากลี เป็นโสม แต่ม้าไม่ยอมกิน เลยเอามาให้
 
 
 
 
แต่ก่อนจะไปโรงแรม ก็ต้องไปที่บ้านน้องชายก่อน เพราะของส่วนหนึ่งอยู่ที่บ้านนั้น กว่าจะถึงโรงแรมก็ปาเข้าไป 5 ทุ่ม เกือบ เที่ยงคืน วันนี้ก็หลับเป็นตายอีกหนึ่งวัน
 
วันนี้คุณซูเก็บเปลืองหอยที่ชะอำมาฝากด้วย
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

20 ก.ค. 56 แพลนวันที่สามของการกลับไทย (ไปชะอำกับครอบครัว)

วันนี้ตื่นมา มื้อเช้าที่บ้านน้องชายจะเป็นข้าวมันไก่ แล้วก็หมูสะเต๊ะ
ข้าวมันไก่ไม่ได้กินมานานมาก รสชาติยังอร่อยเหมือนเดิม

จัดข้าวของเสร็จ ก็ออกเดินทาง ออกจากบ้านประมาณ 11 โมง  ก่อนอื่นก็แวะไปบ้านน้องสาวก่อน
วันนี้รถติดมาก ๆ ประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงได้กว่าจะถึง รถน้องชายนั่งได้ 7 คน แต่คนนั่งหลังสุด (ก็คือเรากับคุณซู) อาจจะแคบไปนิดนึง

พอไปถึงบ้านน้องสาว เรากับคุณซูก็ไปนั่งรถน้องสาว โอเคพร้อมหล่ะ ก็เดินทางไปชะอำกัน
ระหว่างทางก็ติดตามเคย ช่วงนี้เป็นช่วงหยุดยาวด้วยมั้ง ทุกคนเลยออกต่างจังหวัดกัน
แวะกินข้าวก่อนจะถึงชะอำ ก็บ่าย 3 โมงแล้ว ที่นั้นก็เป็นจุดนัดเจอกับครอบครัวของพี่ชาย พอกินอะไรกันเสร็จก็เดินทางต่อ ขับตาม ๆ กันไป กว่าจะถึงที่หมายก็เกือบจะ 6 โมงหล่ะ
วันนี้เรามาค้างกันที่ The Regent Chalet Cha-Am
ที่เลือกที่นี่เพราะน้องชายบอกว่าที่อื่น ๆ เต็มไปหมดแล้ว  ส่วนราคาเราก็ไม่รู้เท่าไหร่ เพราะน้องชายเป็นคนออกให้ จองไว้ทั้งหมด 5 ห้อง บรรยากาศในห้องสวยดี กว้างด้วย มีระเบียงด้วย แล้วก็โชคดีที่ทั้งแถวเป็นห้องของพวกเราทั้งหมดเลย (4ห้อง) อีก 1 ห้องของพี่ชายต้องแยกออกไปหน่อย แต่ไม่ไกลกันมาก แต่ก็เสียดายจัง ไม่งั้นคงเจี๊ยวจ้าวกว่านี้ เพราะคงมีเด็ก ๆ (ลูกของพี่ชาย) มาวิ่งเล่น


 
 
 
 
 
 
 
ทางเดินไปหาด และบรรยากาศรอบ ๆ
 
 
 
 
 
 
พอไปถึงที่พัก เด็ก ๆ ก็เล่นน้ำกัน สนุกกันใหญ่เลย พอถึงเวลา 19.30 ก็ไปกินข้าวข้างนอกกัน ขับออกไปก็ใช้เวลาเหมือนกัน  มื้อเย็นนี้มากินที่ร้าน ชมทะเล  คนเยอะมาก กว่าจะได้ที่นั่ง กว่าอาหารจะมา  พี่  ๆ น้อง ๆ เราก็เลยบอกว่า ถ้ากลับมาไทยครั้งต่อไป อย่าเลือกมาช่วงเทศกาลนะ (เราก็คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกัน)
 
 
 
มื้อนี้คุณซูเป็นคนเลี้ยง 
ขากลับโรงแรม ขำมาก รถน้องชาย (นำทาง) แวะเข้าปั้ม ก็นึกว่าคงเติมน้ำมันมั้ง แวะเข้าแล้วก็ออกเลย งงกันมาก แวะเข้ามาทำไม แล้วก็ทำให้รถพี่ชาย รถน้องสาวแวะเข้า แล้วก็ออกเลยเหมือนกัน ที่แท้จะแวะ 7-11 นี่เอง แต่ปิด
 
ก็เลยแวะ 7-11 ที่อื่นแทน
 
 
วันนี้ก็เป็นอีกวันนึงที่หลับกันเป็นตายเหมือนกัน
 
 

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

19 ก.ค. 56 แพลนวันที่สองของการกลับไทย (ตรวจตา กินข้าวกับที่ออฟฟิศเก่า)

วันนี้ตื่นสายกว่าเมื่อวาน ตื่นมาก็ 8 โมงครึ่งแล้ว กินข้าวเช้าแล้วก็เช็คเอ้าท์ อ้อ ลืมบอกไปว่าค่าที่พักของที่นี่ 1,000 บาทต่อคืน แต่ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ จะเก่า ๆ หน่อย บางคนอาจจะไม่ค่อยชอบ เพราะดูมืด ๆ แต่สำหรับเรา เราก็ว่าโอเคดี เพราะใกล้ BTS มาก ๆ เดินทางสะดวกดี  อาหารเช้าเค้าก็โอเค เดี๋ยวนี้พัฒนาแล้ว มีเครื่องกดทำกาแฟแล้ว เมื่อก่อนไม่มี จะเป็นแบบที่พนักงานต้มกาแฟไว้ให้เรารินเอง เจ้าเครื่องกดนี่ รสชาติกาแฟอร่อยมาก ๆ กินไปตั้ง 2 แก้วแหนะ

จากนั้นก็ฝากกระเป๋าใบใหญ่ของคุณซูกับใบเล็กของเราไว้ที่นี่ก่อน ส่วนใบใหญ๋เราเอาไปไว้ที่บ้านตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เพราะใส่ของฝาก

กินข้าวเสร็จก็ไปแถวสีลม ไปธนาคาร เอาบุ๊คไปอัพ เพราะไม่ได้อัพซะนานเลย

จากนั้นตอนบ่ายโมง ก็มีนัดกินข้าวกับเพื่อน (เพื่อนคนนี้คุณซูก็รู้จัก) วันนี้เขาเลี้ยงข้าวกลางวันเรา 2 คนด้วย แต่เป็นช่วงพักกลางวัน ก็เลยไม่ค่อยได้คุยกันนานเท่าไหร่ เพราะเขาต้องเข้าไปทำงานต่อ ส่วนเราก็ต้องไปตรวจตาที่ทำเลสิค เพราะไม่ได้ตรวจตอนครบ 6 เดือน นี่ก็ผ่านไป 10 เดือนหล่ะ ไม่รู้ตาเป็นยังไงบ้าง
นั่งแท็กซี่ไปลงที่ท๊อปเจริญศูนย์เลสิคที่อยู่ตรงแจ้งวัฒนะ โชคดีที่ไปทัน เพราะนัดไว้ที่บ่าย 2 - บ่าย 3 โมง พอไปถึงแล้วขั้นตอน ก็ตามลิ้งนี้นะคะ  (เพราะรวมเรื่องการทำเลสิคไว้ที่นี่ค่ะ)

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=naruchan&group=2


พอตรวจตาเสร็จก็กลับมาที่สีลม มาเอารูปที่ล้างไว้ แล้วก็ไปเก็บของที่โรงแรม แล้วก็ไปที่บริษัทเก่า เพราะวันนี้มีนัดกินข้าวกัน
มื้อนี้กินกันที่ซิสเลอร์ ตึกซีพี ได้มาเจอเพื่อน ๆ น้อง ๆ รู้สึกดีใจจัง อบอุ่นดี
พอกินเสร็จ ก็ต้องรีบแยกย้าย เพราะเรากับคุณซูต้องไปซื้อของต่อ ก็เดินไปที่ Silom Complex วันนี้ก็จะได้อัลบั้มรูปเอาไปให้ม้าใส่รูป, ที่ใส่การ์ด, แล้วก็เสื้อโปโลสำหรับคุณซู 
เสร็จแล้วก็กลับโรงแรมไปเอากระเป๋าแล้วก็ไปที่บ้าน
พอมาถึงที่บ้านก็ต้องรีบจัดเสื้อผ้าใส่อีกกระเป๋านึงสำหรับไปค้างคืนต่างจังหวัด กับอีกกระเป๋านึงสำหรับค้างคืนบ้านน้องชาย เพราะรถที่เรากับคุณซูจะนั่งไปต่างจังหวัด จะเป็นรถของน้องสาว กระเป๋าก็เลยต้องฝากไว้ท้ายรถน้องสาว ส่วนรถน้องชาย ก็จะเป็นป๊าม้า แล้วก็ครอบครัวเขานั่งไป 
คืนนี้ ป๊าม้า เราคูณซู จะไปค้างที่บ้านน้องชายกัน ระหว่างทางไปบ้านน้องชาย ก็แวะเอาของที่เพื่อนฝากซื้อไปให้ เพราะบ้านเขาอยู่ระหว่างทางไปบ้านน้องชายพอดี

วันนี้สลบ หลับเป็นตายเลย เหนื่อยมาก...

วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

18 ก.ค. 56 แพลนวันแรกของการกลับไทย (แวะเข้าบ้าน วัดปากน้ำ JJ ฯ)

วันนี้ตื่นประมาณ 8 โมงกว่า ๆ ก็อาบน้ำ แล้วก็เอาของไปให้เพื่อน ๆ ที่เขาฝากซื้อ พอดีที่พักของเรากับบริษัทอยู่ใกล้กันมาก เดินไปแป๊ปเดียว จากนั้นก็มากินอาหารเช้า แล้วก็ไปบ้านป๊าม้าเรา

ป๊าเราซื้อทุเรียนเตรียมไว้ให้ ม้าเราก็ทำน้ำแกงกระเพาะหมูกับชี้ชวงไช่ที่เราชอบไว้ให้ ดีจังเลย ได้กินฝีมือม้าเราแล้ว หลังจากที่ไม่ได้กินมาครึ่งปี แต่กินได้ไม่มากเท่าไหร่ เพราะต้องไปที่อื่นต่อ

แต่ก่อนอื่นก็ต้องมาดูก่อนว่าคุณพ่อแม่คุณซูฝากอะไรมาให้ม้าเรา


 
เป็นกระจกนี่เอง
 
 
 
จากนั้นก็ไปข้างนอกต่อ ที่แรกที่ไปก็จะเป็นวัดปากน้ำ ได้ร่วมหล่อเทียนด้วย ดีใจจังเลยมาตรงงานวันเข้าพรรษาพอดี


 
ไม่รู้ที่วัดมีงานอะไร ให้มีติดธงญี่ปุ่นกับไทยด้วย
 
 
จากนั้นก็ไปบ้านเพื่อนเอาของที่ฝากซื้อไปให้  แล้วก็นั่งแท็กซี่ไปกินข้าวกลางวันที่ Ramen Tei ที่อยู่ซอยธนิยะ แล้วก็ไปล้างรูปที่ถ่ายไว้ตอนวันแต่งงาน เพราะม้าอยากเก็บไว้ แล้วก็ล้างรูปใหญ่ให้ เพราะม้าจะได้เอาไปแขวนที่ฝาผนังบ้านกับพี่น้องคนอื่น ๆ
 
แล้วก็นั่ง BTS ไปหมอชิต พาคุณซูไปตลาดต้นไม้ เผื่อจะเจอต้นชะอมขาย เพราะคุณซูอยากได้มาปลูกที่ญี่ปุ่นมาก
 
วันนี้น่าจะใช้บริการ BTS เยอะ ก็เลยซื้อตั๋วแบบ 1 วัน ใช้กี่เที่ยวก็ได้ ราคา 130 บาทต่อคน
 
 
ถึงจตุจักรแล้ว แดดแรงมาก เดินดูตลาดต้นไม้ 1 รอบ จากนั้นคุณซูก็อยากไปตลาด อตก. ก็เลยพาเดินไป
ก็ไกลพอสมควร มาถึงตลาด ก็เลยขอนั่งพักก่อน พอดีเจอร้านกาแฟแบล็คแคนยอน เลยพักที่นี่แป๊ปนึง
 
 
 
 
 
 
หน้าตลาดมีสถานีรถไฟใต้ดินพอดี ก็เลยใช้บริการซะหน่อย ไปลงที่หมอชิต แล้วก็นั่ง BTS ไปที่ Terminal 21  พาคุณซูมาเที่ยว แล้วก็แวะเข้าห้องน้ำซะหน่อย เพราะที่นี่ห้องน้ำสะอาด + ไฮเทคดี อิอิ
 
 
 
 
คุณซูทักว่า แวะมาที่นี่เพื่อเข้าห้องน้ำโดยเฉพาะหรือเปล่าเนี่ย เพราะไม่ได้ซื้ออะไรเลย แล้วก็ไม่ค่อยได้เดินด้วย 555 ใช่แล้วค่า
 
แล้วก็ไปต่อที่สยาม ไปร้านแอมเวย์ ซื้อพวกวิตามินอาหารเสริม
ม้าบอกว่าของแอมเวย์ที่บำรุงสายตา กินแล้วดี ก็เลยซื้อไปฝาก 1 ขวด (แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา)
 
 
 
เสร็จธุระที่นี่ก็แวะไปร้านขายยา แถวบางรัก  ไปซื้อน้ำตาเทียมวิสรูป  ร้านนี้ขายถูกกว่าร้านอื่นๆ ขายกล่องละ 390 บาท เลยซื้อมา 3 กล่อง
จากนั้นก็กลับบ้าน นั่ง BTS ไปลงวงเวียนใหญ่ แล้วก็ต่อรถไปสถานีตลาดพลู (ทดลองนั่งดูว่าเป็นยังงัย)  แล้วก็เดิน ๆๆๆ ไปขึ้นรถไฟที่จะไปมหาชัย คุณซูชอบมากเรื่องนั่งรถไฟเนี่ย...
 
มื้อเย็นนี้มีนัดพาป๊ากับม้าไปกินกัน ที่ MK   อร่อยดี  
ขากลับ คุณซูปวดขามาก ๆ จะหาซื้อ ไทเกอร์ ปาล์ม แผ่นแปะกันปวด โชคดีที่ร้านขายยาเค้าขายให้ เพราะเค้าปิดประตูบ้านแล้ว
พอกลับมาถึงโรงแรมก็เตรียมเก็บของ เพราะพรุ่งนี้เช็คเอ้าท์ ไปพักที่บ้านน้องชาย 1 คืน เพราะวันที่ 20 มีแพลนไปต่างจังหวัดกับที่บ้าน
 
 
 
 

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

17 ก.ค. 56 เดินทางกลับเมืองไทย

 
ไดอารี่่นี้เป็นการเขียนย้อนหลัง เพราะกลับไปเมืองไทย ไม่มีเวลาเล่นเน็ทเลย แพลนที่วางไว้แน่นสุด ๆ
------------------------

วันที่ 17 ก.ค. นี้ เรากับคุณซูก็เตรียมตัวเดินทาง ครั้งนี้เราเลือกสายการบิน UA เพราะว่าถูกที่สุด (ถ้าจะบินตรงจากนาริตะไปที่กรุงเทพฯ แล้วก็ต้องการสะสมไมล์ด้วย)
ราคาตั๋วเครื่องบินต่อคนจะอยู่ที่ 56,920 เยน

คุณซูขับรถไป ก่อนอื่นที่คุณซูทำก็คือจะจองที่จอดรถที่นาริตะ ค่าจอดรถ 3,900 เยน (รวมภาษีแล้ว)
พอใกล้ ๆ ถึงสนามบิน คุณซูก็โทรนัด พอเจอกันก็ให้กุญแจไว้กับเขา ให้เขาเอารถไปเก็บ
แล้วก็จ่ายเงินเลย เขาก็จะให้ใบประกันรถอีกที ก็จะมีเช็ครอยก่อนที่จะฝากไว้กับเขา อะไรประมาณนี้

Flight ขาไปจากนาริตะ ถึง กรุงเทพฯ UA 837 จากนาริตะ 18.30 น. ไปถึงกรุงเทพฯ 23.15 น.

จากนั้นก็ไปเช็คอิน สายการบินที่เราใช้  เป็นของ UA เจ้าหน้าที่ให้ไปเช็คอินกับเครื่องอัตโนมัติก่อน
(รู้สึกว่าของ ANA ก็ต้องเช็คแบบนี้เหมือนกันนะ)


 
 
 
วาง Passport หน้าที่มีรูปคว่ำลงไปที่ช่องสำหรับ Passport แล้วหน้อจอก็จะขึ้นข้อมูลที่จองไว้ พร้อมกับข้อมูลส่วนตัว เราก็เช็ค ๆ ว่าถูกต้องมั้ย ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เครื่องก็จะปริ้นท์บอร์ดดิ้งพาส ออกมาให้


จากนั้นก็รอเจ้าหน้าที่มาชั่งน้ำหนักกระเป๋า กระเป๋าใบใหญ่ของเราเกินมาประมาณ 2 โล (ให้ถึง 23 โล)
ส่วนของคุณซูอยู่ที่ 16 โล ทางเจ้าหน้าที่ีไม่อนุโลมให้แชร์น้ำหนักกัน มีทางเลือกให้ 2 ทางคือเสียค่าปรับส่วนของกระเป๋าเรา หรือจะเอาของในกระเป๋าเราไปใส่ในกระเป๋าคุณซู ก็ลองถามค่าปรับดู หมื่นกว่าเยนได้ ไม่เอาอ่ะ ไปเปิดกระเป๋าถ่ายของดีกว่า
มาชั่งอีกที โอเค โหลดเข้าไปแล้ว


จากนั้นก็ไปที่ด่านตรวจคนออกนอกประเทศ ของเราได้วีซ่าคู่สมรส 1 ปี แล้วเดินทางออกไปนอกประเทศไม่เกิน 1 ปี ก็แค่เขียนข้อมูลที่ใบนี้ (ใบจะวางอยู่บริเวณนั้น หรือถ้าหาไม่เจอ เจ้าหน้าที่ก็จะให้มา แล้วเราก็ไปเขียนที่ที่เค้าเตรียมไว้ให้เขียน)
 
 
 
กรอกเสร็จ ยื่นให้ เจ้าหน้าที่ก็ประทับที่ด้านหลังใบนั้นมาให้ แล้วก็ถามว่ากลับมาวันไหน ก็เป็นอันเสร็จ
 
 
 

แล้วก็ไปซื้อของฝาก (อีกครั้ง)
ครั้งนี้ก็จะมีพวกของ Royce, โตเกียวบานาน่า, Shiroi koibito คนซื้อเยอะมาก แต่ก็มีของมาเติมเรื่อย ๆ

ฝากที่บ้าน 6 กล่อง
 
ฝากที่บ้าน 3 กล่อง
 
 
คุณพ่อคุณซูฝากมาให้ป๊าเรา
หน้าตาแบบนี้แต่เป็นแบบแพ็ค ซื้อให้ป๊า กับพี่ชาย ราคาแพ็คละ 2,800 เยน
 
 
 
 
ฝากเจ้านายเก่า
 
ฝากญาติ
 
 
 
 
เพื่อนฝากซื้อ 2 กล่อง
 
 
 
 
ญาติฝากซื้อ 2 กล่อง
 
 
 
ขอบคุณรูปจาก Google นะคะ เพราะซื้อเสร็จไม่มีเวลาถ่ายเลย ต้องรีบไปขึ้นเครื่อง

ขึ้นมาผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง มีคนไทยบ้าง คนญี่ปุ่นบ้าง แต่น้อยมาก ๆ

ที่นั่งจะเรียง 3 3 3 คือ แถวหนึ่งนั่ง 3 คน โชคดีที่แถวเรา มีนั่งแค่ 2 คน ที่นั่งที่เหลือก็เหลือให้น้องกระเป๋านั่งแทน ต้องรัดเข็มขัดด้วย 555


 
 
เบาะของสายการบินนี้ พับได้ กันเวลาเรานอน แล้วหัวโยกไปหาคนข้าง ๆ
 
 
 
 
เซ็ทของของว่าง กับ อาหารเย็น รสชาติก็โอเคนะ
 
 
 
เราเลือกเซ็ทเมนูไก่
 
 
บรรยากาศระหว่างบิน
 
 
ช่วงกลางทาง เหมือนเจอพายุหรืออะไรยังไงไม่รู้ เครื่องบินสั่น กระแทก ๆ แรงพอสมควร น่ากลัวจัง
 
เดินทางมาถึงเมืองไทย รอคุณซูที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองนานเหมือนกัน เพราะคนต่างชาติเยอะพอสมควร
 
ไปเอากระเป๋า แล้วก็ลงไปข้างล่างใช้บริการแท็กซี่ เสียเพิ่มอีก 50 บาท ค่าใช้บริการ  ไปถึงโรงแรมที่จองไว้ ประมาณเกือบตี 1 ก็จัดของที่จะเอาไปให้ ทั้งของฝาก ของฝากซื้อ กว่าจะเสร็จก็ตี 2 กว่า ๆ