วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ผลข้างเคียงหลังจากฉีดวัคซีนหัด หัดเยอรมัน (MR)

วันที่ไปฉีด (21 ก.ค.) เจ้าหนูก็ไม่ร้องไห้นะ ฉีดเสร็จก็มีรอดูอาการ 30 นาที ก็ไม่มีปัญหาอะไร หลังจากนั้นเรากับคุณซูก็พาไปห้างซื้อของ กินข้าวนอกบ้าน ก็รู้สึกว่าที่หน้าเจ้าหนูเหมือนจะมีผื่น ๆ แดง ๆ เราก็คิดว่าคงอากาศร้อนมั้ง เลยขึ้นผด เพราะเจ้าหนูขี้ร้อนมาก ๆ

22 ก.ค. ตอนเช้าตื่นมาตัวร้อน แขนขาร้อน วัดไข้ด้วยปรอทของที่บ้านได้ 36.9 อืมมีไข้นิดหน่อย แต่ที่ต้นขา ท้อง หลัง มีเม็ด ๆ ขึ้น พอตกบ่ายลองวัดไข้อีกครั้งเพราะตัวยังร้อน ๆ อยู่ ไข้ขึ้นอยู่ที่ 37.5 พาไปหาหมอเลย พอไปถึงที่รพ. วัดไข้ได้ 39.2 ขึ้นสูงมาก เจ้าหนูก็เริ่มงอแงแหละ ผื่นก็เยอะขึ้น คราวนี้ลงที่ขา กับขึ้นที่หน้า คุณหมอบอกอาจจะมาจากผลข้างเคียงหลังจากฉีดวัคซีนไปเมื่อวาน ให้รอดูอาการ ยังไม่ให้อาบหน้า ให้เช็ดต้วเอา ถ้าไข้ยังไม่ลดให้พามาหาวันศุกร์ (ไปวันพุธ วันพฤหัสฯ รพ. ไม่มีตรวจของเด็ก) แต่ถ้ากังวลมาก ๆ วันพฤหัสฯ ก็ให้พาไปที่รพ. อื่นได้
พอกลางคืนไข้ก็ยังไม่ลด มีหายใจฝืด ๆ ด้วย เราก็เช็ดตัวเอา เอาที่แปะหน้าผากลดไข้มาแปะ



23 ก.ค. ไข้ลดลงแล้ว แต่ผื่นขึ้นเยอะขึ้นมาก ๆ ที่หน้าแดงมาก ๆ เริ่มออกที่แขน ขาก็เยอะขึ้น เลยพาไปร.พ. อีกที่หนึ่ง หมอบอกอาจจะเป็นผื่นจากหวัดก็ได้ เฮ้อเซ็งกับหมอจัง พอบอกว่าคัดจมูกด้วย หมอบอกงั้นกินยา มาดูยาอีกทีเป็นยาแก้แพ้ เลยไม่ได้ให้เจ้าหนูกิน แล้วถามว่าอาบน้ำให้ได้มั้ย หมอบอกถ้าไม่มีไข้ก็อาบได้

24 ก.ค. ไม่มีไข้แล้ว แต่ผื่นยังไม่หาย เหมือนจะเยอะขึ้นด้วย คราวนี้เริ่มขึ้นที่แขนเยอะขึ้น





25 ก.ค. ไม่มีไข้ แต่ตัวยังอุ่น ๆ อยู่   ผื่นยังคงขึ้นที่แขน ขา หน้า

26 ก.ค. ผื่นยังไม่หาย





27 ก.ค. ผื่นที่ขาเริ่มจางลง แต่ยังเป็นเม็ด ๆ สาก ๆ อยู่ ส่วนที่แขนยังไม่ค่อยจางเท่าไหร่ ที่หน้าก็ยังแดงๆ อยู่  คราวนี้ที่ท้องเริ่มขึ้น



28 ก.ค. ผื่นที่ขาไม่มีแล้ว ที่แขนจางลง หน้าจางลงแต่ยังไม่หายสนิท




หลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าเพราะหน้าร้อน เป็นผดร้อนด้วยหรือเปล่า ดูไม่ออก รอดูอาการอีกที ไม่หายสักที วันที่ 1 ส.ค. เลยพาไปรพ. อีกครั้ง หมอแผนกเด็กบอกน่าจะเป็นผดร้อน ให้ยามากินแล้วก็ทา มาดูตัวยากิน แก้แพ้อีกแล้ว เลยไม่ได้ให้กิน ส่วนยาทาลองทาดู แดงขึ้น เลยตัดสินใจพาไปแผนกผิวหนัง แต่ต้องรอวันที่ 3 (วันจันทร์) เฮ้อ...


วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ซื้อคาร์ซีทใหม่

คาร์ซีทของเดิมที่มีอยู่ใช้ได้ถึง 1 ขวบ (เพราะเป็นกระเช้าที่ใช้ติดกับรถเข็นได้) เจ้าหนูขวบกว่าแล้วก็เลยต้องซื้ออันใหม่ ก็ได้ของ Aprica มา ราคา 24,840 เยน มี 2 สีให้เลือก เราเลือกสีน้ำตาลมา
ให้เจ้าหนูนั่งขากลับบ้าน โอเคไม่ร้องไห้ แถมกัดตรงเข็มขัดรัดอีก เฮ้อ

ชื่อรุ่น =>
アップリカ エアグルーヴ プラス ストリングブラックBK 軽量ジュニアシート 1歳頃からのロングユース仕様 (両サイドドリンクホルダー&ランバーサポート搭載) 93487

ใช้ได้ตั้งแต่ 1 ขวบ - 11 ปี

ขอบคุณรูปจากอมาซอนนะคะ


 

รองเท้าคู่แรกของเจ้าหนู

เจ้าหนูยังเดินไม่ได้ แต่เราก็ซื้อมาให้ลองใส่ดู เพราะจะได้ชิน พอดีพี่สะใภ้กับน้องสะใภ้แนะนำมาว่าควรให้ใส่แต่เนิน ๆ ไม่งั้นไม่ยอมใส่

วันที่ไปซื้อ ให้เจ้าหนูสวมลอง ร้องไห้ลั่นร้านเลย น้ำมูกน้ำตาไหลสุด ๆ ก็เลยต้องรีบ ๆ เลือก ส่วนเรื่องสีก็ให้เจ้าหนูเป็นคนเลือกทั้ง ๆ ที่ยังร้องไห้อยู่นั่นแหละ ก็เลยได้คู่นี้มา
ซื้อที่ร้าน Akachanhonpo ราคา 4,212 เยน
คู่แรกก็เบอร์ 13 หล่ะ
หลักจากวันซื้อ วันต่อมาก็ลองให้ใส่เล่น ๆ ช่วงแรก ๆ ก็มีร้อง ๆ สักพักก็โอเค ใส่ออกไปข้างนอกแบบนั่งรถเข็นไป ก็ใส่ได้ตลอดไม่งอแงแล้ว










ฉีดวัคซีนโรคหัด, หัดเยอรมัน 麻しん、風しん(MR)

หลังจากฉีด ヒブ、小児肺炎球菌(追加)ไปเมื่อวันที่ 7 ก็เว้น 1 อาทิตย์ถึงจะฉีดหัดได้ แต่เราไปเมืองไทย เลยมาฉีดวันนี้ วัคซีนนี้ก็ไม่ต้องโทรจอง พาเจ้าหนูไปฉีดได้เลย เอกสารที่ยื่นให้ก็จะมี
1. สมุดสุขภาพแม่และเด็ก
2. บัตรคนไข้
3. บัตรประกันของเจ้าหนู
4. 予診票

นั่งรอสักพัก ก็ถึงคิว คุณหมอฉีดวัคซีนให้ เจ้าหนูไม่ร้องไห้เลย เก่งมาก ๆ  ^^
หลังจากฉีดก็รอดูอาการ 30 นาที ก็กลับบ้านได้

ครั้งนี้ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายในการฉีด
หลังจากนี้อีก 4 อาทิตย์ก็พามาฉีดอีสุกอีใส


วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ขึ้นเครื่องบินกลับญี่ปุ่นของเจ้าหนู (ณ 1 ขวบ 12 วัน)

ใช้ของ TG 642 ตอนเช็คอินก็มีถามเจ้าหน้าที่ว่าสามารถล็อกที่นั่งไม่ให้คนอื่นมานั่งด้วยได้มั้ย เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเต็มหมด เจ้าหน้าที่เสนอเป็นที่แถวหน้าที่สามารถวางเปลนอนได้ ก็เลยเปลี่ยนมา แต่เอาเข้าจริง ๆ เปลนอนก็ใช้ไม่ได้ เพราะเจ้าหนูสูงเกิน 65 เซนแล้ว (แอร์มาถามส่วนสูง น้ำหนัก วันเกิด แล้วก็บอกว่าใช้เปลนอนไม่ได้ เพราะได้ถึง 65 เซน) แล้วทำไมเจ้าหน้าที่เช็คอินไม่บอกตอนนั้นเนอะ จะได้ไม่ต้องเปลี่ยน เพราะที่พักแขนก็ดึงขึ้นไม่ได้ เจ้าหนูก็เลยไม่ได้เหยียดขาเลย แต่จริงๆ พอเครื่องออก ที่นั่งว่าง แบบไม่มีคนนั่งเลยก็เหลืออยู่อ่ะ ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงบอกว่าเต็ม งง ดีที่ได้แอร์มาถามว่าจะย้ายมั้ย เลยช่วยให้คนที่นั่งกับพวกเราย้ายไปที่นั่งที่วาง ไม่งั้นก็นั่งเบียด ๆ กันไป
แล้วก่อนขึ้นเครื่อง ก็เป็นแบบต้องนั่งรถไปที่เครื่องบิน แล้วก็ขึ้นบันไดขึ้นเครื่อง เป็นประสบการณ์ครั้งแรกเลยที่ขึ้นเครื่องในลักษณะแบบนี้

ก่อนขึ้นเครื่องเจ้าหนูก็หลับอยู่แล้ว ก็เลยหลับยาวจนถึงญี่ปุ่นเลย แต่มีตื่นมากินนม 2 ครั้ง แล้วก็หลับต่อ
ข้าวเช้าบนเครื่องไม่ได้กินกันเลย เพราะหลับกันอยู่ คุณซูเลยไม่รับด้วยอีก 1 คน