หลังจากแจ้งเกิดไป ก็จะมีไปรษณียบัตรมาที่บ้านว่าวันที่เท่านี้ ๆ จะมีการรวมกลุ่มลูกที่รุ่นเดียวกัน (子育てグループの案内)ครั้งแรกที่เขากำหนดจะเป็นวันที่ 28 สค. แต่วันนั้นฝนก็ทำท่าจะตก เจ้าหนูก็งอแง เราเลยไปครั้งที่ 2คือวันนี้แทน
ไปถึงก็จะมีแม่ ๆ ที่คลอดลูกช่วงเดือน มิย. แล้วก็ กค. มา คงเป็นการให้ได้รู้จักเพื่อน แลกเปลี่ยนความรู้ หรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ตัวเองเจอว่าลูกเราเป็นอย่างนี้ ลูกเธอเป็นยังไง อะไรประมาณนี้
ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ก็โอเคนะ ได้เพื่อนใหม่ ได้รู้ว่าลูกคนอื่นก็มีพัฒนาการที่เหมือนหรือแตกต่างจากเจ้าหนู ซึ่งการรวมกลุ่มแบบนี้เขาจะจัดเดือนละครั้งจนกว่าลูกจะอายุ 1 ขวบ
สิ่งที่ให้เอาไปด้วยในวันนั้นก็จะมี
1. ผ้าขนหนูไว้รองให้เจ้าหนูนอนกับพื้น
2. สมุดสุขภาพแม่และเด็ก
วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557
วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557
ของเล่นล็อตที่ 2ของเจ้าหนู (แผ่นฝึกสายตาตอนทารก, Block ทำจากข้าว)
ของเล่นล็อตที่ 2 ของเจ้าหนู ซื้อมาเพื่อฝึกพัฒนาการในเรื่องของการเห็น และการได้ยิน
ชิ้นนี้ตอนแรก ๆ ที่ใช้ เจ้าหนูก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่ก็ให้ดูเรื่อย ๆ ก็เริ่มสนใจมากขึ้น
ซื้อจาก Amazon ราคา 2,592 เยน
ตรวจครบ 2 เดือน และฉีดวัคซีน
หลังจากที่คลอดน้อง ก็ไม่ได้อัพเดทเลย มาอัพอีกทีตอนครบ 2 เดือนแล้ว 555
เดี๋ยวถ้าว่างกว่านี้จะอัพย้อนหลังนะ
หลังจากเจ้าหนูครบ 2 เดือนมา 3 วัน วันนี้ก็พาไปตรวจและฉีดวัคซีน (เป็นการฉีดครั้งแรกหลังจากคลอด)
วัคซีนที่ฉีดก็จะมี 2 ชนิดคือ
1. Haemophilus influenza Type B (Hib) (ヒブ) ซึ่งวัคซีนตัวนี้คือ
ฮิบ ( HIB : Haemophilus Influenza type B ) เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งซึ่งสามารถทำให้เกิดโรครุนแรงในเด็กได้ มีชื่อเต็มว่า ฮีโมฟิลุสอินฟลูเอนซา ชนิด บี (Haemophilus Influenza type B) พบการเกิดโรคได้ในเด็กตั้งแต่อายุ 2 เดือนถึง 2 ขวบ และสามารถพบได้ถึงอายุ 5 ขวบ แต่หลังอายุ 2 ขวบจะพบในอัตราน้อยลง เชื้อฮิบมีอยู่ในธรรมชาติ อยู่ในปากและลำคอของคนที่เป็นพาหะ ในคนที่มีภูมิต้านทานจะไม่มีอาการ แต่ในคนที่ไม่มีภูมิต้านทานเชื้ออาจลุกลามไปยังส่วนต่างๆก่อให้เกิดโรคได้ สามารถติดต่อไปยังคนใกล้ชิดได้โดยการไอ จามรดกัน หรือติดต่อจากพี่ที่ไปโรงเรียน ซึ่งสามารถนำเชื้อนี้มาติดต่อน้องที่บ้านได้ หรือการพาลูกเล็กๆ ไปข้างนอกบ้านในที่ๆ มีคนพลุกพล่านก็สามารถได้รับเชื้อนี้ได้ อาการ หลังจากได้รับเชื้อฮิบแล้วจะมีอาการใน 3-4 ชั่วโมง ถึง 1-2 วัน
(อ้างอิงจาก กูรู sanook)
2. Streptococcus pheumoniae (小児用肺炎球菌)ซึ่งวัคซีนตัวนี้คือ
เชื้อนิวโมคอคคัสสามารถทำให้เกิดหูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ ปอดอักเสบ การติดเชื้อในกระแสเลือด และรวมไปถึงการติดเชื้อของเยื่อหุ้มสมอง ทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้
เชื้อนิวโมคอคคัส คืออะไรนิวโมคอคคัสเป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถพบได้ในทางเดินหายใจของคนทั่วไป โดยคนที่มีเชื้อนิวโมคอคคัสนี้อาจมีอาการแสดงของการเป็นโรค หรืออาจไม่เป็นโรคก็ได้ ผู้ที่มีเชื้ออาศัยอยู่โดยไม่ได้เป็นโรค เรียกว่าเป็นพาหะ ซึ่งสามารถแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่นได้เช่นเดียวกัน
การแพร่กระจายของเชื้อ
เชื้อนิวโมคอคคัส สามารถกระจายจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ โดยวิธีเดียวกับการติดเชื้อไข้หวัด คือละอองเสมหะของผู้ที่มีเชื้ออยู่จะแพร่กระจายไปยังอีกบุคคลหนึ่งได้โดยการไอ จาม หรือจากการสัมผัสโดย ตรง เช่น สัมผัสมือของผู้ป่วยที่เปื้อนเชื้อแล้วไม่ได้ล้างมือ หรือ หอมแก้มผู้ที่มีเชื้ออยู่ โรคอาจแพร่กระจายได้อย่าง รวดเร็วในบริเวณที่มีเด็กอยู่มาก เช่น สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือโรงเรียนอนุบาลเด็กเล็กที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายยังไม่ แข็งแรงดี จึงมีโอกาสต่อการติดเชื้อสูงขึ้น
การรักษาภาวะการติดเชื้อนิวโมคอคคัสการรักษาทำได้โดยให้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งแพทย์อาจให้ยาไปทานที่บ้าน หรือบางรายอาจจำเป็นต้องนอนให้ ยาที่โรงพยาบาล ขึ้นอยู่กับว่าติดเชื้อที่ใดมีอาการรุนแรงเพียงใด
ในปัจจุบัน พบว่ามีปัญหาเชื้อดื้อยาเพิ่มมากขึ้น ทำให้รักษายากขึ้น ต้องใช้ยามากขึ้นและผลการรักษาอาจ ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้น วิธีการดูแลที่ดีที่สุด คือการป้องกันการติดเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
ป้องกันการติดเชื้อนิวโมคอคคัสได้อย่างไร
ใครบ้างควรได้รับวัคซีนสมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา แนะนำว่าควรให้วัคซีนที่ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปีทุกราย ซึ่ง สามารถเริ่มให้ได้ตั้งแต่อายุ 6 สัปดาห์ขึ้นไป
(อ้างอิงจาก Bangkok Health)
ตอนฉีดเข็มแรก เจ้าหนูก็ไม่ร้องนะ แต่พอฉีดเข็มที่ 2 ร้องนิดหน่อย แล้วก็หยุด พยาบาลให้ดูอาการ.30นาที. ถ้าไม่มีอะไร.กลับไปวันนี้ก็ให้อาบโอะฟุโระได้
แต่ก่อนที่จะพาไปฉีดวัคซีน ทางโฮเค็ง เซ็นเตอร์ก็ส่งเอกสารมาให้ ข้างในจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันสำหรับเจ้าหนู ว่าจะต้องมีฉีดอะไรบ้าง โรงพยาบาลไหนบ้างที่สามารถไปฉีดได้ฟรี แต่เราเลือกที่จะฉีดที่เดียวกับที่เจ้าหนูคลอด ซึ่งที่นั้นไม่มีในลีสต์ ก็ต้องไปทำเรื่องของเอกสารจากโฮเค็ง เซ็นเตอร์มาก่อน ถึงจะไปฉีดได้ โรงพยาบาลที่ไม่ได้อยู่ในลีสต์ ก็จะต้องออกค่าใช้จ่ายไปก่อน แล้วค่อยไปขอคืน ซึ่งโรงพยาบาลเป็นคนเดินเรื่องให้ แต่คงมีค่าธรรมเนียมอ่ะเนอะ
แล้วค่าวัคซีน 2 ตัวนี้แพงสุด ๆ เกือบ 2 หมื่นเยนแหน่ะ เราจำตัวเลขไม่ได้หล่ะ เพราะใบเสร็จโรงพยาบาลเก็บไป
จากนั้นก็มาตรวจครบ 2 เดือน คุณหมอฟังเสียงหัวใจ, จับแขน 2 ข้าง ให้นั่ง เห็นแล้วเสียวคอแทน
วันนี้เจ้าหนูหนัก 6.28 โล ส่วนสูง 58 เซน คุณหมอบอกให้เราลดปริมาณการให้นมลง เพราะเจ้าหนูไม่เห็นคอ 555 คุณหมอแนะนำให้ทุก ๆ 3 ชั่วโมง ตอนนี้เราให้นมแม่ + นมผงอยู่ คุณหมอก็แนะนำว่าถ้านมแม่คัดก็นมแม่ล้วน ถ้าไม่คัดก็นมผง 140 มิลลิลิตร
จากนั้นเราก็ถามเรื่องรังแคที่หัวเจ้าหนู มันจะเป็นสะเก็ด แผ่นเล็ก ๆ สีเหลือง ๆ คุณหมอบอกว่าสระผมเสร็จทาด้วยออยล์ แล้วเด็กพอ 6 เดือนไปแล้วก็จะหายไปเอง
คุณหมอแนะนำให้จับนอนคว่ำบ่อย ๆ เพื่อเป็นการออกกำลังกายคอด้วย อย่างถ้ามีการเรอถ้านอนคว่ำอยู่ก็จะไหลออกมาเอง
การตรวจวันนี้ก็มีเท่านี้
กลับมาบ้านเจ้าหนูงอแงเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นไข้.นึกถึงตอนหมอฉีดยาให้ลูกแล้วเจ็บแทน.><
ปล. เพิ่งมารู้จากแม่.ๆ.คนอื่นว่าเขาฉีดโรต้า.กับไวรัสตับอักเสบบีด้วยตอนที่ครบ.2เดือน.เรามารู้ช้าไป.โรต้าฉีดไม่ทันเพราะมีกำหนดว่าต้องฉีดภายในกี่สัปดาห์หลังจากที่เกิด. ส่วนไวรัสตับอักเสบบี.สามารถฉีดตอนโตได้.ก็ขอให้เจ้าหนูแข็งแรง.ๆน้า
เดี๋ยวถ้าว่างกว่านี้จะอัพย้อนหลังนะ
หลังจากเจ้าหนูครบ 2 เดือนมา 3 วัน วันนี้ก็พาไปตรวจและฉีดวัคซีน (เป็นการฉีดครั้งแรกหลังจากคลอด)
วัคซีนที่ฉีดก็จะมี 2 ชนิดคือ
1. Haemophilus influenza Type B (Hib) (ヒブ) ซึ่งวัคซีนตัวนี้คือ
ฮิบ ( HIB : Haemophilus Influenza type B ) เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งซึ่งสามารถทำให้เกิดโรครุนแรงในเด็กได้ มีชื่อเต็มว่า ฮีโมฟิลุสอินฟลูเอนซา ชนิด บี (Haemophilus Influenza type B) พบการเกิดโรคได้ในเด็กตั้งแต่อายุ 2 เดือนถึง 2 ขวบ และสามารถพบได้ถึงอายุ 5 ขวบ แต่หลังอายุ 2 ขวบจะพบในอัตราน้อยลง เชื้อฮิบมีอยู่ในธรรมชาติ อยู่ในปากและลำคอของคนที่เป็นพาหะ ในคนที่มีภูมิต้านทานจะไม่มีอาการ แต่ในคนที่ไม่มีภูมิต้านทานเชื้ออาจลุกลามไปยังส่วนต่างๆก่อให้เกิดโรคได้ สามารถติดต่อไปยังคนใกล้ชิดได้โดยการไอ จามรดกัน หรือติดต่อจากพี่ที่ไปโรงเรียน ซึ่งสามารถนำเชื้อนี้มาติดต่อน้องที่บ้านได้ หรือการพาลูกเล็กๆ ไปข้างนอกบ้านในที่ๆ มีคนพลุกพล่านก็สามารถได้รับเชื้อนี้ได้ อาการ หลังจากได้รับเชื้อฮิบแล้วจะมีอาการใน 3-4 ชั่วโมง ถึง 1-2 วัน
(อ้างอิงจาก กูรู sanook)
2. Streptococcus pheumoniae (小児用肺炎球菌)ซึ่งวัคซีนตัวนี้คือ
เชื้อนิวโมคอคคัสสามารถทำให้เกิดหูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ ปอดอักเสบ การติดเชื้อในกระแสเลือด และรวมไปถึงการติดเชื้อของเยื่อหุ้มสมอง ทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้
เชื้อนิวโมคอคคัส คืออะไรนิวโมคอคคัสเป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถพบได้ในทางเดินหายใจของคนทั่วไป โดยคนที่มีเชื้อนิวโมคอคคัสนี้อาจมีอาการแสดงของการเป็นโรค หรืออาจไม่เป็นโรคก็ได้ ผู้ที่มีเชื้ออาศัยอยู่โดยไม่ได้เป็นโรค เรียกว่าเป็นพาหะ ซึ่งสามารถแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่นได้เช่นเดียวกัน
การแพร่กระจายของเชื้อ
เชื้อนิวโมคอคคัส สามารถกระจายจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ โดยวิธีเดียวกับการติดเชื้อไข้หวัด คือละอองเสมหะของผู้ที่มีเชื้ออยู่จะแพร่กระจายไปยังอีกบุคคลหนึ่งได้โดยการไอ จาม หรือจากการสัมผัสโดย ตรง เช่น สัมผัสมือของผู้ป่วยที่เปื้อนเชื้อแล้วไม่ได้ล้างมือ หรือ หอมแก้มผู้ที่มีเชื้ออยู่ โรคอาจแพร่กระจายได้อย่าง รวดเร็วในบริเวณที่มีเด็กอยู่มาก เช่น สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือโรงเรียนอนุบาลเด็กเล็กที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายยังไม่ แข็งแรงดี จึงมีโอกาสต่อการติดเชื้อสูงขึ้น
การรักษาภาวะการติดเชื้อนิวโมคอคคัสการรักษาทำได้โดยให้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งแพทย์อาจให้ยาไปทานที่บ้าน หรือบางรายอาจจำเป็นต้องนอนให้ ยาที่โรงพยาบาล ขึ้นอยู่กับว่าติดเชื้อที่ใดมีอาการรุนแรงเพียงใด
ในปัจจุบัน พบว่ามีปัญหาเชื้อดื้อยาเพิ่มมากขึ้น ทำให้รักษายากขึ้น ต้องใช้ยามากขึ้นและผลการรักษาอาจ ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้น วิธีการดูแลที่ดีที่สุด คือการป้องกันการติดเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
ป้องกันการติดเชื้อนิวโมคอคคัสได้อย่างไร
- สอนให้เด็กล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ
- สอนให้เด็กหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับคนที่ไม่สบาย
- พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่นละออง ควันบุหรี่ หรือควันพิษต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดอันตราย ต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้ป่วยได้ง่ายขึ้น
ใครบ้างควรได้รับวัคซีนสมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา แนะนำว่าควรให้วัคซีนที่ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปีทุกราย ซึ่ง สามารถเริ่มให้ได้ตั้งแต่อายุ 6 สัปดาห์ขึ้นไป
- ในเด็กอายุระหว่าง 2-5 ปี ที่มีปัญหาทางสุขภาพบางอย่าง เช่น มีโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคเลือด ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ในเด็กอายุมากกว่า 5 ปี ที่มีโรคเรื้อรัง ก็ควรได้รับการพิจารณาให้วัคซีนป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัสเช่นกัน
- การบวมแดง และเจ็บบริเวณที่ฉีดยา
- อาการไข้เล็กน้อยถึงปานกลาง
- เด็กเล็กอาจมีอาการหงุดหงิด งอแง
(อ้างอิงจาก Bangkok Health)
ตอนฉีดเข็มแรก เจ้าหนูก็ไม่ร้องนะ แต่พอฉีดเข็มที่ 2 ร้องนิดหน่อย แล้วก็หยุด พยาบาลให้ดูอาการ.30นาที. ถ้าไม่มีอะไร.กลับไปวันนี้ก็ให้อาบโอะฟุโระได้
แต่ก่อนที่จะพาไปฉีดวัคซีน ทางโฮเค็ง เซ็นเตอร์ก็ส่งเอกสารมาให้ ข้างในจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันสำหรับเจ้าหนู ว่าจะต้องมีฉีดอะไรบ้าง โรงพยาบาลไหนบ้างที่สามารถไปฉีดได้ฟรี แต่เราเลือกที่จะฉีดที่เดียวกับที่เจ้าหนูคลอด ซึ่งที่นั้นไม่มีในลีสต์ ก็ต้องไปทำเรื่องของเอกสารจากโฮเค็ง เซ็นเตอร์มาก่อน ถึงจะไปฉีดได้ โรงพยาบาลที่ไม่ได้อยู่ในลีสต์ ก็จะต้องออกค่าใช้จ่ายไปก่อน แล้วค่อยไปขอคืน ซึ่งโรงพยาบาลเป็นคนเดินเรื่องให้ แต่คงมีค่าธรรมเนียมอ่ะเนอะ
แล้วค่าวัคซีน 2 ตัวนี้แพงสุด ๆ เกือบ 2 หมื่นเยนแหน่ะ เราจำตัวเลขไม่ได้หล่ะ เพราะใบเสร็จโรงพยาบาลเก็บไป
จากนั้นก็มาตรวจครบ 2 เดือน คุณหมอฟังเสียงหัวใจ, จับแขน 2 ข้าง ให้นั่ง เห็นแล้วเสียวคอแทน
วันนี้เจ้าหนูหนัก 6.28 โล ส่วนสูง 58 เซน คุณหมอบอกให้เราลดปริมาณการให้นมลง เพราะเจ้าหนูไม่เห็นคอ 555 คุณหมอแนะนำให้ทุก ๆ 3 ชั่วโมง ตอนนี้เราให้นมแม่ + นมผงอยู่ คุณหมอก็แนะนำว่าถ้านมแม่คัดก็นมแม่ล้วน ถ้าไม่คัดก็นมผง 140 มิลลิลิตร
จากนั้นเราก็ถามเรื่องรังแคที่หัวเจ้าหนู มันจะเป็นสะเก็ด แผ่นเล็ก ๆ สีเหลือง ๆ คุณหมอบอกว่าสระผมเสร็จทาด้วยออยล์ แล้วเด็กพอ 6 เดือนไปแล้วก็จะหายไปเอง
คุณหมอแนะนำให้จับนอนคว่ำบ่อย ๆ เพื่อเป็นการออกกำลังกายคอด้วย อย่างถ้ามีการเรอถ้านอนคว่ำอยู่ก็จะไหลออกมาเอง
การตรวจวันนี้ก็มีเท่านี้
กลับมาบ้านเจ้าหนูงอแงเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นไข้.นึกถึงตอนหมอฉีดยาให้ลูกแล้วเจ็บแทน.><
ปล. เพิ่งมารู้จากแม่.ๆ.คนอื่นว่าเขาฉีดโรต้า.กับไวรัสตับอักเสบบีด้วยตอนที่ครบ.2เดือน.เรามารู้ช้าไป.โรต้าฉีดไม่ทันเพราะมีกำหนดว่าต้องฉีดภายในกี่สัปดาห์หลังจากที่เกิด. ส่วนไวรัสตับอักเสบบี.สามารถฉีดตอนโตได้.ก็ขอให้เจ้าหนูแข็งแรง.ๆน้า
พัฒนาการ 1 เดือน - 2 เดือน (6 Aug - 5 Sep)
พอเข้าเดือนที่ 2 เจ้าหนูก็จะมีพัฒนาการ + ความเปลี่ยนแปลงตามนี้
1. ขนตาเริ่มเป็นสีดำ คิ้วเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมีขนดำ
2. ตอนกินนมเสร็จ จะรู้สึกเหมือนเจ้าหนูอึดอัดมาก แล้วก็แหวะนม
3. ทำเสียงเหมือนมีเสมหะในลำคอ
4. พอปล่อยลงนอนเตียง หรือฟูก จะทำคอแข็ง ๆ ไม่ให้วาง
5. มีผื่นแดงที่ก้น แต่พอทาวาสลีนสำหรับเด็กก็หาย
6. ผมด้านหน้าเริ่มขึ้น
7. ผื่นที่ขึ้นที่หน้าเริ่มดีขึ้น (วันที่ 10 ส.ค.) คงเพราะใช้ออยล์ของทางรพ. แล้วก็ขึ้นอีก 15 ส.ค. เป็น ๆ หาย ๆ
8. ผื่นที่หน้าดีขึ้นก็ลามมาที่คอ ลำตัว แขน
9. รู้สึกว่าคอ แขน นิ่มมาก เหมือนเจ้าหนูไม่มีแรงยังไงยังงั้น
10. กระหม่อมตรงหัวเริ่มแข็งขึ้น บางครั้งเห็นเป็นตุ๊บ ๆ ไม่กล้าจับตรงนั้นมากเลย
11. 20 ส.ค. อึเจ้าหนูเริ่มน้อยลง แล้วก็เป็นสีเหลืองเข้ม แต่ปริมาณต่อครั้งเยอะขึ้น เพราะช่วงเดือนแรก จะปนสีเขียว ๆ เหลือง ๆ จำนวนครั้งที่อึก็เยอะกว่า แต่ปริมาณไม่ค่อยเยอะ
12. ตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค. มีสำลัก + ไอ
13. ทำเสียงฝีดฝาด เหมือนเป็นหวัด มีขี้มูกด้วยต้องแคะออก (ใช้คัตเติลบัตแคะ)
14. เริ่มเล่นด้วย + เริ่มส่งเสียงเหมือนเรียก, เล่น
15. บางทีทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ไม่ร้อง ทำเสียงสะอื้น
16. นอนละเมอ
17. ทำมือกระตุก
18. ตาเริ่มเคลื่อนไหวดูของระยะไกล ๆ ได้แล้ว
19. เริ่มยิ้มให้ หัวเราะ
20. มองตามได้แล้ว
21. ส่งเสียงร้องเรียก
22. ชันคอได้แต่ยังไม่แข็ง
23. มีน้ำตาไหล 1 หยด (ข้างขวา)
24. ดูดกำปั้น
25. มีรังแคขึ้นหัวเป็นแผ่น ๆ เหลือง ๆ
26. หันหัวซ้าย - ขวาได้
27. กระพริบตาข้างเดียวได้
28. ผมเริ่มร่วง
ส่วนของเราก็มี
1. รักแร้ที่ดำ ๆ ค่อย ๆ จางลง
2. เส้นดำ ๆ ที่ท้องค่อย ๆ จางลง
3. มือที่เคยชาหลังคลอด ไม่ชาแล้ว
4. เหมือนจะปวดมดลูก ตอนลุกขึ้น
5. ปวดหัวเข่า
1. ขนตาเริ่มเป็นสีดำ คิ้วเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมีขนดำ
2. ตอนกินนมเสร็จ จะรู้สึกเหมือนเจ้าหนูอึดอัดมาก แล้วก็แหวะนม
3. ทำเสียงเหมือนมีเสมหะในลำคอ
4. พอปล่อยลงนอนเตียง หรือฟูก จะทำคอแข็ง ๆ ไม่ให้วาง
5. มีผื่นแดงที่ก้น แต่พอทาวาสลีนสำหรับเด็กก็หาย
6. ผมด้านหน้าเริ่มขึ้น
7. ผื่นที่ขึ้นที่หน้าเริ่มดีขึ้น (วันที่ 10 ส.ค.) คงเพราะใช้ออยล์ของทางรพ. แล้วก็ขึ้นอีก 15 ส.ค. เป็น ๆ หาย ๆ
8. ผื่นที่หน้าดีขึ้นก็ลามมาที่คอ ลำตัว แขน
9. รู้สึกว่าคอ แขน นิ่มมาก เหมือนเจ้าหนูไม่มีแรงยังไงยังงั้น
10. กระหม่อมตรงหัวเริ่มแข็งขึ้น บางครั้งเห็นเป็นตุ๊บ ๆ ไม่กล้าจับตรงนั้นมากเลย
11. 20 ส.ค. อึเจ้าหนูเริ่มน้อยลง แล้วก็เป็นสีเหลืองเข้ม แต่ปริมาณต่อครั้งเยอะขึ้น เพราะช่วงเดือนแรก จะปนสีเขียว ๆ เหลือง ๆ จำนวนครั้งที่อึก็เยอะกว่า แต่ปริมาณไม่ค่อยเยอะ
12. ตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค. มีสำลัก + ไอ
13. ทำเสียงฝีดฝาด เหมือนเป็นหวัด มีขี้มูกด้วยต้องแคะออก (ใช้คัตเติลบัตแคะ)
14. เริ่มเล่นด้วย + เริ่มส่งเสียงเหมือนเรียก, เล่น
15. บางทีทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ไม่ร้อง ทำเสียงสะอื้น
16. นอนละเมอ
17. ทำมือกระตุก
18. ตาเริ่มเคลื่อนไหวดูของระยะไกล ๆ ได้แล้ว
19. เริ่มยิ้มให้ หัวเราะ
20. มองตามได้แล้ว
21. ส่งเสียงร้องเรียก
22. ชันคอได้แต่ยังไม่แข็ง
23. มีน้ำตาไหล 1 หยด (ข้างขวา)
24. ดูดกำปั้น
25. มีรังแคขึ้นหัวเป็นแผ่น ๆ เหลือง ๆ
26. หันหัวซ้าย - ขวาได้
27. กระพริบตาข้างเดียวได้
28. ผมเริ่มร่วง
ส่วนของเราก็มี
1. รักแร้ที่ดำ ๆ ค่อย ๆ จางลง
2. เส้นดำ ๆ ที่ท้องค่อย ๆ จางลง
3. มือที่เคยชาหลังคลอด ไม่ชาแล้ว
4. เหมือนจะปวดมดลูก ตอนลุกขึ้น
5. ปวดหัวเข่า
วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557
ยื่นแจ้งเกิดเจ้าหนูที่สถานทูตไทยในญี่ปุ่น
พอเจ้าหนูครบเดือน คุณซูก็ให้รีบแจ้งเกิดเจ้าหนู ซึ่งจริง ๆ เราอยากรอให้ครบ 3 เดือนก่อน แต่ก็ตามใจคุณซูเขา
เอกสารที่เตรียมก็จะตามเว็บของสถานทูตเลย
http://www.thaiembassy.jp/rte3/index.php?option=com_content&view=article&id=146&Itemid=11
ก็เหมือนเดิม แบ่งหน้าที่กัน เอกสารที่เป็นทางด้านญี่ปุ่น คุณซูก็เป็นคนจัดการไป
สำหรับเรา ก็จะติดตรงทะเบียนบ้านที่ในเว็บเขียนไว้ว่า "สำเนาทะเบียนบ้านไทยตัวจริง หรือสำเนาที่มีตราอำเภอรับรองสำเนาถูกต้อง พร้อมสำเนา 1 ชุด" แต่เรามีแค่สำเนาอย่างเดียวก็เลยโทรไปถาม เจ้าหน้าที่บอกว่าใช้ได้
เตรียมเอกสารทุกอย่างครบแล้วก็ไปยื่น เจ้าหน้าที่ใจดีมาก แล้วตัวจริงที่เราเตรียมไปด้วย เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ขอดูของเรานะ (แต่ควรเตรียมไปจะดีที่สุด) ใช้เวลาแป๊บเดียวเอง แล้วก็มานั่งรอเรียกรับใบอะไรก็จำไม่ได้แล้วที่ช่องชำระเงิน แต่เราไม่ได้จ่ายเงินนะ ก็เป็นอันเสร็จกลับบ้านได้
อาทิตย์ต่อมาได้รับสตูบัตรของเจ้าหนูอีกที ก็จะเป็นการลงทะเบียนจ่ายเงินปลายทาง เสียค่าไปรษณีย์ลงทะเบียนไป 710 เยน
ตอนนี้เจ้าหนูก็จะมี 2 สัญชาติ ก็ไว้รอให้เขาโตอายุ 20 ปี แล้วให้เขาเลือกเองว่าอยากจะเป็นคนญี่ปุ่นหรือว่าคนไทย
เอกสารที่เตรียมก็จะตามเว็บของสถานทูตเลย
http://www.thaiembassy.jp/rte3/index.php?option=com_content&view=article&id=146&Itemid=11
ก็เหมือนเดิม แบ่งหน้าที่กัน เอกสารที่เป็นทางด้านญี่ปุ่น คุณซูก็เป็นคนจัดการไป
สำหรับเรา ก็จะติดตรงทะเบียนบ้านที่ในเว็บเขียนไว้ว่า "สำเนาทะเบียนบ้านไทยตัวจริง หรือสำเนาที่มีตราอำเภอรับรองสำเนาถูกต้อง พร้อมสำเนา 1 ชุด" แต่เรามีแค่สำเนาอย่างเดียวก็เลยโทรไปถาม เจ้าหน้าที่บอกว่าใช้ได้
เตรียมเอกสารทุกอย่างครบแล้วก็ไปยื่น เจ้าหน้าที่ใจดีมาก แล้วตัวจริงที่เราเตรียมไปด้วย เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ขอดูของเรานะ (แต่ควรเตรียมไปจะดีที่สุด) ใช้เวลาแป๊บเดียวเอง แล้วก็มานั่งรอเรียกรับใบอะไรก็จำไม่ได้แล้วที่ช่องชำระเงิน แต่เราไม่ได้จ่ายเงินนะ ก็เป็นอันเสร็จกลับบ้านได้
อาทิตย์ต่อมาได้รับสตูบัตรของเจ้าหนูอีกที ก็จะเป็นการลงทะเบียนจ่ายเงินปลายทาง เสียค่าไปรษณีย์ลงทะเบียนไป 710 เยน
ตอนนี้เจ้าหนูก็จะมี 2 สัญชาติ ก็ไว้รอให้เขาโตอายุ 20 ปี แล้วให้เขาเลือกเองว่าอยากจะเป็นคนญี่ปุ่นหรือว่าคนไทย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
-
ก่อนกลับไทยก็ต้องมีของติดไม้ติดมือกลับไปฝากที่บ้าน ญาติ แล้วก็เพื่อน ๆ ก็จะด้วยเรื่องงบที่ตั้งไว้ ของบางอย่างก็กะว่าจะแบ่งกระจาย ๆ กัน เร...
-
พอดีไปอ่านเจอในนิตยสารของญี่ปุ่น เกี่ยวกับเรื่อง สารอาหารของเด็กในการส่งเสริมสุขภาพกายและใจก็คือ "การนอนหลับ" น่าสนใจดี เลยลองแปลเ...
-
สวัสดีค่ะ อุณหภูมิวันนี้ 19/6 องศา ไม่หนาวมากเกินไป กำลังดี แล้วในวันนี้เราขอแนะนำแฟชั่นฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น (ตามนิตยสารที่เรามีอยู่) เห็...