วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

ตรวจครบ 2 เดือน และฉีดวัคซีน

หลังจากที่คลอดน้อง ก็ไม่ได้อัพเดทเลย มาอัพอีกทีตอนครบ 2 เดือนแล้ว 555
เดี๋ยวถ้าว่างกว่านี้จะอัพย้อนหลังนะ


หลังจากเจ้าหนูครบ 2 เดือนมา 3 วัน วันนี้ก็พาไปตรวจและฉีดวัคซีน (เป็นการฉีดครั้งแรกหลังจากคลอด)
วัคซีนที่ฉีดก็จะมี 2 ชนิดคือ


1. Haemophilus influenza Type B (Hib) (ヒブ) ซึ่งวัคซีนตัวนี้คือ  
ฮิบ ( HIB : Haemophilus Influenza type B ) เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งซึ่งสามารถทำให้เกิดโรครุนแรงในเด็กได้ มีชื่อเต็มว่า ฮีโมฟิลุสอินฟลูเอนซา ชนิด บี (Haemophilus Influenza type B) พบการเกิดโรคได้ในเด็กตั้งแต่อายุ 2 เดือนถึง 2 ขวบ และสามารถพบได้ถึงอายุ 5 ขวบ แต่หลังอายุ 2 ขวบจะพบในอัตราน้อยลง เชื้อฮิบมีอยู่ในธรรมชาติ อยู่ในปากและลำคอของคนที่เป็นพาหะ ในคนที่มีภูมิต้านทานจะไม่มีอาการ แต่ในคนที่ไม่มีภูมิต้านทานเชื้ออาจลุกลามไปยังส่วนต่างๆก่อให้เกิดโรคได้ สามารถติดต่อไปยังคนใกล้ชิดได้โดยการไอ จามรดกัน หรือติดต่อจากพี่ที่ไปโรงเรียน ซึ่งสามารถนำเชื้อนี้มาติดต่อน้องที่บ้านได้ หรือการพาลูกเล็กๆ ไปข้างนอกบ้านในที่ๆ มีคนพลุกพล่านก็สามารถได้รับเชื้อนี้ได้ อาการ หลังจากได้รับเชื้อฮิบแล้วจะมีอาการใน 3-4 ชั่วโมง ถึง 1-2 วัน
(อ้างอิงจาก กูรู sanook)

2. Streptococcus pheumoniae (小児用肺炎球菌)ซึ่งวัคซีนตัวนี้คือ
เชื้อนิวโมคอคคัสสามารถทำให้เกิดหูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ ปอดอักเสบ การติดเชื้อในกระแสเลือด และรวมไปถึงการติดเชื้อของเยื่อหุ้มสมอง ทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้
เชื้อนิวโมคอคคัส คืออะไรนิวโมคอคคัสเป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถพบได้ในทางเดินหายใจของคนทั่วไป โดยคนที่มีเชื้อนิวโมคอคคัสนี้อาจมีอาการแสดงของการเป็นโรค หรืออาจไม่เป็นโรคก็ได้ ผู้ที่มีเชื้ออาศัยอยู่โดยไม่ได้เป็นโรค เรียกว่าเป็นพาหะ ซึ่งสามารถแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่นได้เช่นเดียวกัน
การแพร่กระจายของเชื้อ
เชื้อนิวโมคอคคัส สามารถกระจายจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ โดยวิธีเดียวกับการติดเชื้อไข้หวัด คือละอองเสมหะของผู้ที่มีเชื้ออยู่จะแพร่กระจายไปยังอีกบุคคลหนึ่งได้โดยการไอ จาม หรือจากการสัมผัสโดย ตรง เช่น สัมผัสมือของผู้ป่วยที่เปื้อนเชื้อแล้วไม่ได้ล้างมือ หรือ หอมแก้มผู้ที่มีเชื้ออยู่ โรคอาจแพร่กระจายได้อย่าง รวดเร็วในบริเวณที่มีเด็กอยู่มาก เช่น สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือโรงเรียนอนุบาลเด็กเล็กที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายยังไม่ แข็งแรงดี จึงมีโอกาสต่อการติดเชื้อสูงขึ้น
การรักษาภาวะการติดเชื้อนิวโมคอคคัสการรักษาทำได้โดยให้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งแพทย์อาจให้ยาไปทานที่บ้าน หรือบางรายอาจจำเป็นต้องนอนให้ ยาที่โรงพยาบาล ขึ้นอยู่กับว่าติดเชื้อที่ใดมีอาการรุนแรงเพียงใด
ในปัจจุบัน พบว่ามีปัญหาเชื้อดื้อยาเพิ่มมากขึ้น ทำให้รักษายากขึ้น ต้องใช้ยามากขึ้นและผลการรักษาอาจ ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้น วิธีการดูแลที่ดีที่สุด คือการป้องกันการติดเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
ป้องกันการติดเชื้อนิวโมคอคคัสได้อย่างไร
  • สอนให้เด็กล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ
  • สอนให้เด็กหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับคนที่ไม่สบาย
  • พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่นละออง ควันบุหรี่ หรือควันพิษต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดอันตราย ต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้ป่วยได้ง่ายขึ้น
วัคซีนป้องกันการเกิดโรคนิวโมคอคคัสในปัจจุบันมีวัคซีนที่ใช้ป้องกันการติดเชื้อนิวโมคอคคัส ซึ่งพบว่าได้ผลดีในการป้องกันการติดเชื้อที่ รุนแรง เช่น ป้องกันการติดเชื้อในกระแสโลหิต ปอดอักเสบ หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ แต่ได้ผลเล็กน้อยในการ ป้องกันการติดเชื้อในหูชั้นกลาง หรือในไซนัส
ใครบ้างควรได้รับวัคซีนสมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา แนะนำว่าควรให้วัคซีนที่ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปีทุกราย ซึ่ง สามารถเริ่มให้ได้ตั้งแต่อายุ 6 สัปดาห์ขึ้นไป
  • ในเด็กอายุระหว่าง 2-5 ปี ที่มีปัญหาทางสุขภาพบางอย่าง เช่น มีโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคเลือด ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • ในเด็กอายุมากกว่า 5 ปี ที่มีโรคเรื้อรัง ก็ควรได้รับการพิจารณาให้วัคซีนป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัสเช่นกัน
การให้วัคซีนมีอาการข้างเคียงบ้างไหมเด็กส่วนใหญ่ไม่เกิดอาการข้างเคียงจากการได้รับวัคซีน อาการที่อาจเกิดขึ้น มักเป็นเพียงเล็กน้อยและคง อยู่ไม่นาน ซึ่งได้แก่
  • การบวมแดง และเจ็บบริเวณที่ฉีดยา
  • อาการไข้เล็กน้อยถึงปานกลาง
  • เด็กเล็กอาจมีอาการหงุดหงิด งอแง
อาการมักเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง หลังได้รับวัคซีน และมักหายไปภายใน 48 – 72 ชั่วโมง
(อ้างอิงจาก Bangkok Health)

ตอนฉีดเข็มแรก เจ้าหนูก็ไม่ร้องนะ แต่พอฉีดเข็มที่ 2 ร้องนิดหน่อย แล้วก็หยุด พยาบาลให้ดูอาการ.30นาที. ถ้าไม่มีอะไร.กลับไปวันนี้ก็ให้อาบโอะฟุโระได้
แต่ก่อนที่จะพาไปฉีดวัคซีน  ทางโฮเค็ง เซ็นเตอร์ก็ส่งเอกสารมาให้ ข้างในจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันสำหรับเจ้าหนู ว่าจะต้องมีฉีดอะไรบ้าง โรงพยาบาลไหนบ้างที่สามารถไปฉีดได้ฟรี แต่เราเลือกที่จะฉีดที่เดียวกับที่เจ้าหนูคลอด ซึ่งที่นั้นไม่มีในลีสต์ ก็ต้องไปทำเรื่องของเอกสารจากโฮเค็ง เซ็นเตอร์มาก่อน ถึงจะไปฉีดได้ โรงพยาบาลที่ไม่ได้อยู่ในลีสต์ ก็จะต้องออกค่าใช้จ่ายไปก่อน แล้วค่อยไปขอคืน ซึ่งโรงพยาบาลเป็นคนเดินเรื่องให้ แต่คงมีค่าธรรมเนียมอ่ะเนอะ
แล้วค่าวัคซีน 2 ตัวนี้แพงสุด ๆ เกือบ 2 หมื่นเยนแหน่ะ เราจำตัวเลขไม่ได้หล่ะ เพราะใบเสร็จโรงพยาบาลเก็บไป

จากนั้นก็มาตรวจครบ 2 เดือน คุณหมอฟังเสียงหัวใจ, จับแขน 2 ข้าง ให้นั่ง เห็นแล้วเสียวคอแทน
วันนี้เจ้าหนูหนัก 6.28 โล ส่วนสูง 58 เซน  คุณหมอบอกให้เราลดปริมาณการให้นมลง เพราะเจ้าหนูไม่เห็นคอ 555 คุณหมอแนะนำให้ทุก ๆ 3 ชั่วโมง ตอนนี้เราให้นมแม่ + นมผงอยู่ คุณหมอก็แนะนำว่าถ้านมแม่คัดก็นมแม่ล้วน ถ้าไม่คัดก็นมผง 140 มิลลิลิตร
จากนั้นเราก็ถามเรื่องรังแคที่หัวเจ้าหนู มันจะเป็นสะเก็ด แผ่นเล็ก ๆ สีเหลือง ๆ คุณหมอบอกว่าสระผมเสร็จทาด้วยออยล์ แล้วเด็กพอ 6 เดือนไปแล้วก็จะหายไปเอง
คุณหมอแนะนำให้จับนอนคว่ำบ่อย ๆ เพื่อเป็นการออกกำลังกายคอด้วย อย่างถ้ามีการเรอถ้านอนคว่ำอยู่ก็จะไหลออกมาเอง

การตรวจวันนี้ก็มีเท่านี้

กลับมาบ้านเจ้าหนูงอแงเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นไข้.นึกถึงตอนหมอฉีดยาให้ลูกแล้วเจ็บแทน.><

ปล. เพิ่งมารู้จากแม่.ๆ.คนอื่นว่าเขาฉีดโรต้า.กับไวรัสตับอักเสบบีด้วยตอนที่ครบ.2เดือน.เรามารู้ช้าไป.โรต้าฉีดไม่ทันเพราะมีกำหนดว่าต้องฉีดภายในกี่สัปดาห์หลังจากที่เกิด. ส่วนไวรัสตับอักเสบบี.สามารถฉีดตอนโตได้.ก็ขอให้เจ้าหนูแข็งแรง.ๆน้า



พัฒนาการ 1 เดือน - 2 เดือน (6 Aug - 5 Sep)

พอเข้าเดือนที่ 2 เจ้าหนูก็จะมีพัฒนาการ + ความเปลี่ยนแปลงตามนี้
1. ขนตาเริ่มเป็นสีดำ คิ้วเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมีขนดำ
2. ตอนกินนมเสร็จ จะรู้สึกเหมือนเจ้าหนูอึดอัดมาก แล้วก็แหวะนม
3. ทำเสียงเหมือนมีเสมหะในลำคอ
4. พอปล่อยลงนอนเตียง หรือฟูก จะทำคอแข็ง ๆ ไม่ให้วาง
5. มีผื่นแดงที่ก้น แต่พอทาวาสลีนสำหรับเด็กก็หาย
6. ผมด้านหน้าเริ่มขึ้น
7. ผื่นที่ขึ้นที่หน้าเริ่มดีขึ้น (วันที่ 10 ส.ค.) คงเพราะใช้ออยล์ของทางรพ. แล้วก็ขึ้นอีก 15 ส.ค. เป็น ๆ หาย ๆ
8. ผื่นที่หน้าดีขึ้นก็ลามมาที่คอ ลำตัว แขน
9. รู้สึกว่าคอ แขน นิ่มมาก เหมือนเจ้าหนูไม่มีแรงยังไงยังงั้น
10. กระหม่อมตรงหัวเริ่มแข็งขึ้น บางครั้งเห็นเป็นตุ๊บ ๆ ไม่กล้าจับตรงนั้นมากเลย
11. 20 ส.ค. อึเจ้าหนูเริ่มน้อยลง แล้วก็เป็นสีเหลืองเข้ม แต่ปริมาณต่อครั้งเยอะขึ้น เพราะช่วงเดือนแรก จะปนสีเขียว ๆ เหลือง ๆ จำนวนครั้งที่อึก็เยอะกว่า แต่ปริมาณไม่ค่อยเยอะ
12. ตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค. มีสำลัก + ไอ
13. ทำเสียงฝีดฝาด เหมือนเป็นหวัด มีขี้มูกด้วยต้องแคะออก (ใช้คัตเติลบัตแคะ)
14. เริ่มเล่นด้วย + เริ่มส่งเสียงเหมือนเรียก, เล่น
15. บางทีทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ไม่ร้อง ทำเสียงสะอื้น
16. นอนละเมอ
17. ทำมือกระตุก
18. ตาเริ่มเคลื่อนไหวดูของระยะไกล ๆ ได้แล้ว
19. เริ่มยิ้มให้ หัวเราะ
20. มองตามได้แล้ว
21. ส่งเสียงร้องเรียก
22. ชันคอได้แต่ยังไม่แข็ง
23. มีน้ำตาไหล 1 หยด (ข้างขวา)
24. ดูดกำปั้น
25. มีรังแคขึ้นหัวเป็นแผ่น ๆ เหลือง ๆ
26. หันหัวซ้าย - ขวาได้
27. กระพริบตาข้างเดียวได้
28. ผมเริ่มร่วง

ส่วนของเราก็มี
1. รักแร้ที่ดำ ๆ ค่อย ๆ จางลง
2. เส้นดำ ๆ ที่ท้องค่อย ๆ จางลง
3. มือที่เคยชาหลังคลอด ไม่ชาแล้ว
4. เหมือนจะปวดมดลูก ตอนลุกขึ้น
5. ปวดหัวเข่า



วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ยื่นแจ้งเกิดเจ้าหนูที่สถานทูตไทยในญี่ปุ่น

พอเจ้าหนูครบเดือน คุณซูก็ให้รีบแจ้งเกิดเจ้าหนู ซึ่งจริง ๆ เราอยากรอให้ครบ 3 เดือนก่อน แต่ก็ตามใจคุณซูเขา
เอกสารที่เตรียมก็จะตามเว็บของสถานทูตเลย
http://www.thaiembassy.jp/rte3/index.php?option=com_content&view=article&id=146&Itemid=11

ก็เหมือนเดิม แบ่งหน้าที่กัน เอกสารที่เป็นทางด้านญี่ปุ่น คุณซูก็เป็นคนจัดการไป
สำหรับเรา ก็จะติดตรงทะเบียนบ้านที่ในเว็บเขียนไว้ว่า "สำเนาทะเบียนบ้านไทยตัวจริง หรือสำเนาที่มีตราอำเภอรับรองสำเนาถูกต้อง พร้อมสำเนา 1 ชุด" แต่เรามีแค่สำเนาอย่างเดียวก็เลยโทรไปถาม เจ้าหน้าที่บอกว่าใช้ได้

เตรียมเอกสารทุกอย่างครบแล้วก็ไปยื่น เจ้าหน้าที่ใจดีมาก แล้วตัวจริงที่เราเตรียมไปด้วย เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ขอดูของเรานะ (แต่ควรเตรียมไปจะดีที่สุด) ใช้เวลาแป๊บเดียวเอง แล้วก็มานั่งรอเรียกรับใบอะไรก็จำไม่ได้แล้วที่ช่องชำระเงิน แต่เราไม่ได้จ่ายเงินนะ ก็เป็นอันเสร็จกลับบ้านได้

อาทิตย์ต่อมาได้รับสตูบัตรของเจ้าหนูอีกที ก็จะเป็นการลงทะเบียนจ่ายเงินปลายทาง เสียค่าไปรษณีย์ลงทะเบียนไป 710 เยน



ตอนนี้เจ้าหนูก็จะมี 2 สัญชาติ ก็ไว้รอให้เขาโตอายุ 20 ปี แล้วให้เขาเลือกเองว่าอยากจะเป็นคนญี่ปุ่นหรือว่าคนไทย



วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เจ้าหน้าที่จากทาง Hoken Center มาเยี่ยมถึงบ้าน

พอแจ้งเกิดของเจ้าหนูได้สักพัก .เจ้าหน้าที่ที่ช่วยเรื่องผดุงครรภ์ จากทาง Hoken Center (保健センターの助産師) ก็มาเยี่ยมถึงบ้าน ก็เป็นการมาให้คำปรึกษาเรื่องการเลี้ยงลูก มีชั่งน้ำหนักเจ้าหนูด้วย เพราะเขาเอาที่ชั่งสำหรับทารกมาด้วย น้ำหนักเจ้าหนู 4,810 กรัมคงเยอะกว่าเกณฑ์มั้ง เพราะมีแนะนำว่าควรให้นมผงที่ 60 มล. + นมแม่ (เราให้อยู่ที่ 80 มล.+ นมแม่)
จากนั้นก็ให้เราถอดเสื้อผ้าเจ้าหนู แล้วเขาก็เช็ค ๆ ดู
พอเช็คทุกอย่างเรียบร้อย ก็มีเขียนบันทึกไว้ในสมุดสุขภาพแม่และเด็กด้วย
ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะกลับก็มีให้เอกสาร เป็นเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินของรพ. ในเขต, ปฏิทินตารางสุขภาพ 
ซึ่งเรารู้สึกดีจังที่ญี่ปุ่นมีระบบแบบนี้






วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ตรวจครบ 1 เดือนของเจ้าหนู + ของเราด้วย

พอครบ 1 เดือน ก็มีนัดพาเจ้าหนูไปตรวจครบเดือน
การตรวจครั้งนี้ก็มีตรวจครบเดือนของเราด้วย ว่าหลังจากคลอดแล้วมีอะไรผิดปกติมั้ย
พอไปถึงรพ. ส่วนของเราก็ต้องวัดความดัน + เก็บปัสสาวะ แล้วก็ตรวจภายใน
ส่วนของเจ้าหนูก็พบคุณหมอได้เลย

สำหรับเราหลังจากที่ตรวจแล้ว พบคุณหมอแล้ว คุณหมอบอกปกติดี จากนี้ไปน้ำคาวปลาคงไหลน้อยลงจนหมดไป แล้วปจด. ของเราก็คงมาหลังจากนี้อีก 1 ปีนะ (เพราะให้นมแม่ด้วย) 

ส่วนของเจ้าหนู ชั่งน้ำหนักอยู่ที่ 4,475 กรัม ส่วนสูง 53.7 ซม. แล้วก็ถามเรื่องการให้นม ของเราเป็นแบบผสมคือนมแม่ + นมผง นมผงอยู่ที่ 60 หรือ 80 มล. ทุก ๆ  3 ชม.
จากนั้นก็คุยกับคุณหมอ  คุณหมอก็บอกว่าแข็งแรงดี มาจับแขน 2 ข้างของเจ้าหนูดึงขึ้นมาให้นั่งด้วย เราเห็นแล้วเสียววาบเลย เพราะคอยังปวกเปียกอยู่เลย
จากนั้นเราก็ถามเรื่องสิว + ผดที่ขึ้นหน้าของเจ้าหนู (เยอะมาก) คุณหมอบอกให้ล้างหน้าด้วยสบู่ + ทาออยล์ที่ทางรพ.ให้ไปตอนออกจากรพ. แล้วจะดีขึ้น
แล้วก็ถามเรื่องฝ้าขาว ๆ ที่ลิ้น คุณหมอก็ตรวจดูไม่ใช่เชื้อรา บอกไม่เป็นไร 

แล้วเราก็ถามเกี่ยวกับการหายใจของเจ้าหนู เหมือนจะเป็นหวัด คุณหมอบอกว่าไม่เป็นไร
แล้วก็แนะนำให้จับเจ้าหนูนอนคว่ำ ซึ่งตอนแรก ๆ เจ้าหนูก็ยอมนอนคว่ำแต่โดยดีอ่ะนะ พอมาหลัง ๆ เริ่มไม่ยอมหล่ะ ก็เลยต้องนอนหงายเหมือนเดิม

วันนี้ทางรพ. มีให้วิตามิน K สำหรับเจ้าหนูมาด้วย กลับมาถึงบ้านก็ผสมน้ำอุ่นให้ เจ้าหน้าที่บอกว่าขม เด็กอาจจะกินยาก แต่เจ้าหนูกินหมดรวดเดียวหน้าตาเฉยเลย สงสัยยังไม่รู้รสว่ารสชาตินี้เรียกว่าขมแหง ๆ 

ค่าตรวจในวันนี้ของเรา + เจ้าหนู  6,480 เยน