อิออนเขาจัดงานไทยแฟร์ ตั้งแต่วันที่ 25 - 27 เม.ย. 57 แต่ก่อนหน้านั้นไม่ค่อยได้มีโฆษณาเท่าไหร่ มาโฆษณาเอาใกล้ ๆ โชคดีที่คุณซูเจอประชาสัมพันธ์งานทางอินเตอร์เน็ท ก็เลยไปกันวันที่ 27 เม.ย.
ถ้าเทียบกับปีที่แล้ว ปีที่แล้วร้านค้าจะเยอะกว่า ดูน่าสนใจกว่า แต่ก็ถือว่าโชคยังดี ได้ไปทานอาหารไทย วันนี้ที่ทานก็มีไก่ย่าง (500 เยน) กับหมูย่าง (500 เยน) แล้วก็ซื้อทุเรียนกลับมา (1,980 เยน) คราวนี้คุณซูเป็นคนปอกเปลือก ใช้เวลาเร็วมาก คือคุณซูใช้พลังแงะ แรงเยอะจริง ๆ
คิดถึงรสชาติไทย ๆ จัง
วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557
วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557
สมัคร Point Card ของที่ Toysrus & Akachan Honpo
ช่วงที่ผ่านมามีต้องซื้อของเกี่ยวกับเด็ก แล้วก็ของตัวเอง เลยสมัคร Point Card ไว้ดีกว่า สะสมแต้มไปเรื่อย ๆ ที่ญี่ปุ่นก็ดีอย่างตรงที่ว่าพ้อยท์ที่เราได้สามารถใช้แทนเป็นเงินสดได้เลย 1 พ้อยท์ก็เท่ากับ 1 เยน จะต่างกับที่ไทยนิดหน่อย เพราะรู้สึกว่าพ้อยท์ของที่ไทยต้องกี่พ้อยท์ถึงจะเท่ากับ 1 บาท ก็จำไม่ค่อยได้แล้วหล่ะ จำได้แต่ว่าเคยใช้พ้อยท์ที่วัตสัน แล้วก็ชินกับของที่ญี่ปุ่น พอตอนจ่ายเงิน อ้าวเออลืมไปว่าที่นี่ไม่ใช่ญี่ปุ่น เลยต้องจ่ายเพิ่มไปเยอะพอสมควร
ที่ Toysrus, Akachan Honpo หรือที่อื่น ๆ ก็จะเป็นร้านที่ขายทั้งเสื้อผ้าเด็ก เสื้อผ้าสำหรับคนท้อง ของเล่น ฯ มีให้เลือกดูไม่เบื่อเลย เพราะของ ๆ เขาจะทำมาแบบกระจุกระจิก บางอย่างมีก็ดี แต่ไม่มีก็ไม่เป็นไร เพราะราคาก็ค่อนข้างพอสมควรเหมือนกันนะของเด็ก ๆ เนี่ย เลยแปะลิ้งค์ให้ดูเผื่อสนใจกัน
ของที่ Toysrus => http://www.toysrus.co.jp/top/CSfTop.jsp
ของที่ Akachan Honpo => http://www.akachan.jp/
พอเราสมัครของ Toysrus & Akachan Honpo ไปแล้วก็จะมีของแถมมาให้ด้วย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกผ้าอ้อมสำเร็จรูป นมผงให้ได้เอามาลองใช้กัน
รูปแรกของที่ Toysrus
รูปล่างของที่ Akachan Honpo แต่เหมือนจะเยอะกว่านี้นิดนึง พอดีช่วงนั้นที่ได้มาก็กระจายไปเก็บ ๆ ไว้ที่อื่น ก็เลยจำไม่ได้แล้วว่าอันนี้ของที่ไหนอะไรยังไง
แล้วของที่ Akachan Honpo ก็จะมีส่งโบชัวร์มาให้ที่บ้าน บางทีในนั้นก็จะมีคูปอง ประมาณว่าถ้าซื้ออันนี้จะได้พ้อยท์เพิ่มอีก 10 เท่า แล้วก็มีคูปองส่วนลดเมื่อซื้อเท่านี้เยนขึ้นไป คูปองพ้อยท์ฟรี 100 พ้อยท์ เป็นต้น บางทีเราก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็ยื่นคูปองที่ได้มาให้แคชเชียร์ดูว่าอันไหนใช้ได้ ถ้าอันไหนใช้ได้พนักงานเขาก็จะฉีกไป เราจะได้ไม่เสียสิทธิ์อะเนอะ
ที่ Toysrus, Akachan Honpo หรือที่อื่น ๆ ก็จะเป็นร้านที่ขายทั้งเสื้อผ้าเด็ก เสื้อผ้าสำหรับคนท้อง ของเล่น ฯ มีให้เลือกดูไม่เบื่อเลย เพราะของ ๆ เขาจะทำมาแบบกระจุกระจิก บางอย่างมีก็ดี แต่ไม่มีก็ไม่เป็นไร เพราะราคาก็ค่อนข้างพอสมควรเหมือนกันนะของเด็ก ๆ เนี่ย เลยแปะลิ้งค์ให้ดูเผื่อสนใจกัน
ของที่ Toysrus => http://www.toysrus.co.jp/top/CSfTop.jsp
ของที่ Akachan Honpo => http://www.akachan.jp/
พอเราสมัครของ Toysrus & Akachan Honpo ไปแล้วก็จะมีของแถมมาให้ด้วย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกผ้าอ้อมสำเร็จรูป นมผงให้ได้เอามาลองใช้กัน
รูปแรกของที่ Toysrus
รูปล่างของที่ Akachan Honpo แต่เหมือนจะเยอะกว่านี้นิดนึง พอดีช่วงนั้นที่ได้มาก็กระจายไปเก็บ ๆ ไว้ที่อื่น ก็เลยจำไม่ได้แล้วว่าอันนี้ของที่ไหนอะไรยังไง
แล้วของที่ Akachan Honpo ก็จะมีส่งโบชัวร์มาให้ที่บ้าน บางทีในนั้นก็จะมีคูปอง ประมาณว่าถ้าซื้ออันนี้จะได้พ้อยท์เพิ่มอีก 10 เท่า แล้วก็มีคูปองส่วนลดเมื่อซื้อเท่านี้เยนขึ้นไป คูปองพ้อยท์ฟรี 100 พ้อยท์ เป็นต้น บางทีเราก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็ยื่นคูปองที่ได้มาให้แคชเชียร์ดูว่าอันไหนใช้ได้ ถ้าอันไหนใช้ได้พนักงานเขาก็จะฉีกไป เราจะได้ไม่เสียสิทธิ์อะเนอะ
วันอังคารที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2557
ค่าซักรีดเสื้อผ้าหน้าหนาว (ต่อ)
จากที่เคยเขียนเรื่องค่าซักรีดเสื้อผ้าหน้าฤดูใบไม้ผลิ หรือไบไม้ร่วง ที่ส่งร้านซักรีดไปเมื่อปีที่แล้ว (ตามลิ้งค์ด้านล่าง)
http://jipathajapan.blogspot.jp/2013/09/blog-post.html
วันนี้ก็ขอเพิ่มเติมในส่วนของเสื้อผ้าหน้าหนาวที่ตอนนี้หมดฤดูไปแล้ว ก็ต้องซักแล้วก็เก็บสำหรับใช้ในฤดูหนาวครั้งต่อไป
อย่างที่เราส่งให้ร้านซักก็จะมี
- เสื้อขนเป็ด (ซื้อจากที่ไทย) ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า 「ダウンハーフコート」 ราคาซักรีดอยู่ที่ 2,400 เยน (ยังไม่รวมภาษีผู้บริโภค)
- เสื้อกันหนาวผ้าคล้าย ๆ ผ้านวม ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า 「ジャンパ」ราคาซักรีดอยู่ที่ 800 เยน (ยังไม่รวมภาษีผู้บริโภค)
- หมวกที่ติดมากับเสื้อกันหนาวผ้าคล้าย ๆ ผ้านวม ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า 「フード」ราคาซักรีดอยู่ที่ 100 เยน (ยังไม่รวมภาษีผู้บริโภค)
- ผ้าห่มขนปุย ๆ ผืนเท่ากับเตียง 3 ฟุต ในที่นี้ทางร้านจะเรียกว่า 「ベビー毛布」ราคาซักรีดอยู่ที่ 600 เยน (ยังไม่รวมภาษีผู้บริโภค)
- ผ้าห่มขนปุย ๆ ผืนเท่ากับเตียงควีนไซส์ ในที่นี้ทางร้านจะเรียกว่า 「毛布ダブル」ราคาซักรีดอยู่ที่ 1,100 เยน (ยังไม่รวมภาษีผู้บริโภค)
สำหรับที่บ้านเราก็จะมีประมาณเท่านี้สำหรับเสื้อผ้า ผ้าห่มที่ใช้ตอนหน้าหนาว ที่ส่งให้กับทางร้าน
เสื้อผ้าพวกนี้ก็จะรอเก็บเข้าลิ้นชักอย่างเดียว ก็เลยไม่รีบเท่าไหร่ เราก็จะอาศัยรอโปรโมชั่นลด 50 % จากทางร้าน เพราะจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้นิดหน่อยก็ยังดี แต่เราก็ไม่รุ้เหมือนกันว่าร้านอื่นจะมีโปรฯ แบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า แต่การใช้โปรฯ ก็อาจจะใช้เวลาในการซักมากกว่าการไม่ได้ใช้โปรฯ
แต่เรารอได้เพราะอย่างที่บอกไม่ได้รีบใช้ อิอิ
http://jipathajapan.blogspot.jp/2013/09/blog-post.html
วันนี้ก็ขอเพิ่มเติมในส่วนของเสื้อผ้าหน้าหนาวที่ตอนนี้หมดฤดูไปแล้ว ก็ต้องซักแล้วก็เก็บสำหรับใช้ในฤดูหนาวครั้งต่อไป
อย่างที่เราส่งให้ร้านซักก็จะมี
- เสื้อขนเป็ด (ซื้อจากที่ไทย) ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า 「ダウンハーフコート」 ราคาซักรีดอยู่ที่ 2,400 เยน (ยังไม่รวมภาษีผู้บริโภค)
- เสื้อกันหนาวผ้าคล้าย ๆ ผ้านวม ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า 「ジャンパ」ราคาซักรีดอยู่ที่ 800 เยน (ยังไม่รวมภาษีผู้บริโภค)
- หมวกที่ติดมากับเสื้อกันหนาวผ้าคล้าย ๆ ผ้านวม ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า 「フード」ราคาซักรีดอยู่ที่ 100 เยน (ยังไม่รวมภาษีผู้บริโภค)
- ผ้าห่มขนปุย ๆ ผืนเท่ากับเตียง 3 ฟุต ในที่นี้ทางร้านจะเรียกว่า 「ベビー毛布」ราคาซักรีดอยู่ที่ 600 เยน (ยังไม่รวมภาษีผู้บริโภค)
- ผ้าห่มขนปุย ๆ ผืนเท่ากับเตียงควีนไซส์ ในที่นี้ทางร้านจะเรียกว่า 「毛布ダブル」ราคาซักรีดอยู่ที่ 1,100 เยน (ยังไม่รวมภาษีผู้บริโภค)
สำหรับที่บ้านเราก็จะมีประมาณเท่านี้สำหรับเสื้อผ้า ผ้าห่มที่ใช้ตอนหน้าหนาว ที่ส่งให้กับทางร้าน
เสื้อผ้าพวกนี้ก็จะรอเก็บเข้าลิ้นชักอย่างเดียว ก็เลยไม่รีบเท่าไหร่ เราก็จะอาศัยรอโปรโมชั่นลด 50 % จากทางร้าน เพราะจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้นิดหน่อยก็ยังดี แต่เราก็ไม่รุ้เหมือนกันว่าร้านอื่นจะมีโปรฯ แบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า แต่การใช้โปรฯ ก็อาจจะใช้เวลาในการซักมากกว่าการไม่ได้ใช้โปรฯ
แต่เรารอได้เพราะอย่างที่บอกไม่ได้รีบใช้ อิอิ
วันจันทร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2557
ตรวจครรภ์ครั้งที่ 7 ที่โรงพยาบาลญี่ปุ่น (อายุครรภ์ 26 สัปดาห์กว่า ๆ)
วันนี้ไปโรงพยาบาลมีนัดตรวจครรภ์ครั้งที่ 7 (อายุครรภ์ 26 สัปดาห์กว่า ๆ)
ไปถึงโรงพยาบาล ก็ยื่นบัตรนัด บัตรคนไข้ สมุดสุขภาพแม่และเด็ก สมุดช่วยค่าตรวจ ยื่นบัตรประกันสุขภาพ(ทางโรงพยาบาลใช้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ยื่นไว้ก่อน)
แล้วก็ไปเก็บปัสสาวะ ยังไม่ทันที่จะไปวัดความดันเลย พยาบาลก็เรียกเข้าห้องตรวจแล้ว ครั้งนี้เร็วมาก ๆ
ชั่งน้ำหนักอยู่ที่ 65.1 กิโล (ครั้งที่แล้ว 64.5) ครั้งนี้ไม่โดนดุเรื่องน้ำหนัก เพียงแต่คุณหมอบอกให้คุมให้ได้แบบนี้ตลอด
จากที่ยังไม่ได้วัดความดัน พยาบาลเลยมาวัดเองเลย ปกติไม่มีปัญหาอะไร
แล้วคุณหมอก็แจ้งผลตรวจเลือดที่เก็บไปครั้งที่แล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร (เช็คว่ามีเชื้อมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือไม่ เพราะสามารถติดได้ทางการให้นมแม่
นำไป เช็คว่าเลือดจางหรือไม่ และเช็คค่าน้ำตาลในเลือด)
แล้วก็อัลตราซาวด์ ที่คุณหมอดู ๆ จะมีดูขนาดของหัว ส่วนท้อง แขน ขา ปกติ ไม่มีปัญหาอะไร แต่คุณหมอจะทักว่าเด็กตัวใหญ่ไปหน่อย คงเพราะแม่สูงด้วยมั้ง แล้วก็บอกว่าให้แม่อย่าอ้วนเกินไป จากนั้นก็ให้ฟังเสียงหัวใจเต้น ปกติดี
จากนั้นก็มาคุยกับคุณหมอเรื่องว่าจะเลือกคลอดแบบไหน เพราะทางโรงพยาบาลมีแพลนมาให้เลือก แล้วก็ให้ส่งให้กับทางโรงพยาบาลตั้งแต่อายุครรภ์ที่ 28 -36
ในแพลนก็จะมี
1. คลอดแบบธรรมชาติมาก ๆ คือจะไม่ใช้ยาใด ๆ เลย
2. คลอดแบบธรรมชาติที่สามารถเลือกวันคลอดเองได้ แต่จะมีการใช้ยา ฉีดยาชา อะไรประมาณนี้
3. คลอดโดยที่ให้สามีเข้าห้องคลอดด้วย แต่ว่าถ้าเป็นช่วงตอนกลางคืน สามีจะเข้าไปด้วยไม่ได้
ซึ่งเราก็คิดไว้แล้วหล่ะว่าจะเลือกแพลนข้อที่ 1 และ 3
แต่เราก็กลัวเจ็บท้องนาน ก็เลยปรึกษาคุณหมอ คุณหมอก็บอกโรงพยาบาลนี้ส่วนใหญ่จะคลอดแบบข้อที่ 1 แต่ถ้าดู ๆ แล้วแต่กรณีว่าเจ็บท้องนานเกินไปก็ขึ้นอยู่กับคุณหมออาจจะเปลี่ยนเป็นแบบข้อที่ 2 คือใช้ยาช่วยได้ แต่ต้องให้สามีเซ็นชื่อรับรองการเปลี่ยนแปลงด้วย
คุณหมอก็บอกว่ายังไม่ต้องรีบส่งใบนี้ก็ได้ รอให้ 36 สัปดาห์ก็ได้ แต่พอ 36 สัปดาห์ไปแล้วควรที่จะออกกำลังกายให้บ่อยขึ้น
แล้วก็มาถามคุณหมอเรื่องสายตาที่มองไม่ค่อยชัดมากขึ้นเวลาอ่านหนังสือ คุณหมอก็บอกว่าถ้าเรามองได้แค่ระยะตรงอย่างเดียว โดยที่การมองเห็นด้านข้างซ้ายขวามีปัญหาแล้วหล่ะก็ไม่ดี แต่ถ้ามองไม่ค่อยชัดมากขึ้นเวลาอ่านหนังสือคงไม่มีปัญหาอะไร
แล้วก็ถามคุณหมอเรื่องปวดสะโพก ท่าทางคนญี่ปุ่นคงไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่มั้ง เพราะพอบอกคุณหมอไป คุณหมอก็งงๆ เหมือนไม่ค่อยเคยเจอแล้วก็เลยบอกมาว่า สรีระระหว่างคนไทยกับญี่ปุ่นไม่เหมือนกัน อย่างเราตัวสูง กระดูกเชิงกรานก็จะใหญ่ เพราะฉะนั้นก็เลยขยาย ก็เลยทำให้ต้องรับน้ำหนักของท้องมากขึ้นก็เลยทำให้ปวด
ก็เป็นอันจบการตรวจเพียงแค่นี้ นัดครั้งต่อไปอีก 2 สัปดาห์
ค่าตรวจครั้งนี้ 2,020 เยน
ไปถึงโรงพยาบาล ก็ยื่นบัตรนัด บัตรคนไข้ สมุดสุขภาพแม่และเด็ก สมุดช่วยค่าตรวจ ยื่นบัตรประกันสุขภาพ(ทางโรงพยาบาลใช้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ยื่นไว้ก่อน)
แล้วก็ไปเก็บปัสสาวะ ยังไม่ทันที่จะไปวัดความดันเลย พยาบาลก็เรียกเข้าห้องตรวจแล้ว ครั้งนี้เร็วมาก ๆ
ชั่งน้ำหนักอยู่ที่ 65.1 กิโล (ครั้งที่แล้ว 64.5) ครั้งนี้ไม่โดนดุเรื่องน้ำหนัก เพียงแต่คุณหมอบอกให้คุมให้ได้แบบนี้ตลอด
จากที่ยังไม่ได้วัดความดัน พยาบาลเลยมาวัดเองเลย ปกติไม่มีปัญหาอะไร
แล้วคุณหมอก็แจ้งผลตรวจเลือดที่เก็บไปครั้งที่แล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร (เช็คว่ามีเชื้อมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือไม่ เพราะสามารถติดได้ทางการให้นมแม่
นำไป เช็คว่าเลือดจางหรือไม่ และเช็คค่าน้ำตาลในเลือด)
แล้วก็อัลตราซาวด์ ที่คุณหมอดู ๆ จะมีดูขนาดของหัว ส่วนท้อง แขน ขา ปกติ ไม่มีปัญหาอะไร แต่คุณหมอจะทักว่าเด็กตัวใหญ่ไปหน่อย คงเพราะแม่สูงด้วยมั้ง แล้วก็บอกว่าให้แม่อย่าอ้วนเกินไป จากนั้นก็ให้ฟังเสียงหัวใจเต้น ปกติดี
จากนั้นก็มาคุยกับคุณหมอเรื่องว่าจะเลือกคลอดแบบไหน เพราะทางโรงพยาบาลมีแพลนมาให้เลือก แล้วก็ให้ส่งให้กับทางโรงพยาบาลตั้งแต่อายุครรภ์ที่ 28 -36
ในแพลนก็จะมี
1. คลอดแบบธรรมชาติมาก ๆ คือจะไม่ใช้ยาใด ๆ เลย
2. คลอดแบบธรรมชาติที่สามารถเลือกวันคลอดเองได้ แต่จะมีการใช้ยา ฉีดยาชา อะไรประมาณนี้
3. คลอดโดยที่ให้สามีเข้าห้องคลอดด้วย แต่ว่าถ้าเป็นช่วงตอนกลางคืน สามีจะเข้าไปด้วยไม่ได้
ซึ่งเราก็คิดไว้แล้วหล่ะว่าจะเลือกแพลนข้อที่ 1 และ 3
แต่เราก็กลัวเจ็บท้องนาน ก็เลยปรึกษาคุณหมอ คุณหมอก็บอกโรงพยาบาลนี้ส่วนใหญ่จะคลอดแบบข้อที่ 1 แต่ถ้าดู ๆ แล้วแต่กรณีว่าเจ็บท้องนานเกินไปก็ขึ้นอยู่กับคุณหมออาจจะเปลี่ยนเป็นแบบข้อที่ 2 คือใช้ยาช่วยได้ แต่ต้องให้สามีเซ็นชื่อรับรองการเปลี่ยนแปลงด้วย
คุณหมอก็บอกว่ายังไม่ต้องรีบส่งใบนี้ก็ได้ รอให้ 36 สัปดาห์ก็ได้ แต่พอ 36 สัปดาห์ไปแล้วควรที่จะออกกำลังกายให้บ่อยขึ้น
แล้วก็มาถามคุณหมอเรื่องสายตาที่มองไม่ค่อยชัดมากขึ้นเวลาอ่านหนังสือ คุณหมอก็บอกว่าถ้าเรามองได้แค่ระยะตรงอย่างเดียว โดยที่การมองเห็นด้านข้างซ้ายขวามีปัญหาแล้วหล่ะก็ไม่ดี แต่ถ้ามองไม่ค่อยชัดมากขึ้นเวลาอ่านหนังสือคงไม่มีปัญหาอะไร
แล้วก็ถามคุณหมอเรื่องปวดสะโพก ท่าทางคนญี่ปุ่นคงไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่มั้ง เพราะพอบอกคุณหมอไป คุณหมอก็งงๆ เหมือนไม่ค่อยเคยเจอแล้วก็เลยบอกมาว่า สรีระระหว่างคนไทยกับญี่ปุ่นไม่เหมือนกัน อย่างเราตัวสูง กระดูกเชิงกรานก็จะใหญ่ เพราะฉะนั้นก็เลยขยาย ก็เลยทำให้ต้องรับน้ำหนักของท้องมากขึ้นก็เลยทำให้ปวด
ก็เป็นอันจบการตรวจเพียงแค่นี้ นัดครั้งต่อไปอีก 2 สัปดาห์
ค่าตรวจครั้งนี้ 2,020 เยน
วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557
ตรวจครรภ์ครั้งที่ 6 ที่โรงพยาบาลญี่ปุ่น (อายุครรภ์ 24 สัปดาห์กว่า ๆ)
วันนี้ไปโรงพยาบาลมีนัดตรวจครรภ์ครั้งที่ 6 (อายุครรภ์ 24 สัปดาห์กว่า ๆ)
ไปถึงโรงพยาบาล ก็ยื่นบัตรนัด บัตรคนไข้ สมุดสุขภาพแม่และเด็ก สมุดช่วยค่าตรวจ ไม่ได้ยื่นบัตรประกันสุขภาพเพราะยังไม่ใช่เดือนใหม่ของการมาตรวจ
แล้วก็ไปเก็บปัสสาวะ วัดความดัน จากนั้นพยาบาลก็เรียกเข้าห้องสำหรับเจาะเลือด ครั้งนี้เก็บไป 3 หลอด ซึ่งจะนำไปเช็คว่ามีเชื้อมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือไม่ เพราะสามารถติดได้ทางการให้นมแม่
นำไปเช็คว่าเลือดจางหรือไม่ และเช็คค่าน้ำตาลในเลือด
หลังจากนั้นก็ชั่งน้ำหนัก แล้วก็รอพบคุณหมอ คุณหมอมาเห็นน้ำหนัก ทำหน้าเครียดเลย เพราะน้ำหนักเราขึ้นจากก่อนท้องมา 8.5 กิโล ซึ่งเกณฑ์ของคุณหมอคือ 8-12 กิโล เพราะหลังจากนี้น้ำหนักก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น คุณหมอเลยให้ควมคุมน้ำหนัก ลดปริมาณอาหารลง
หลังจากนั้นก็อัลตราซาวด์ดู เด็กตัวใหญ่ขึ้นมากเลย อาจจะเป็นเพราะน้ำหนักแม่ขึ้นเยอะด้วย เลยทำให้เด็กตัวใหญ่ ครั้งนี้คุณหมอจะให้ดูส่วนหัว เน้นให้ดูจมูก ปาก แล้วก็ให้ฟังเสียงหัวใจเต้น ทั้งหมดปกติ แข็งแรงดี แล้วคุณหมอก็บอกผลการตรวจเลือดไม่มีปัญหาเลือดจาง แอบเห็นตัวเลขอยู่ที่ 11 กว่า ๆ ส่วนผลของตัวอื่นยังไม่ออก แล้วก็แอบเห็นคุณหมอเขียน 800 กว่า ๆ น่าจะเป็นน้ำหนักของทารก
แล้วคุณหมอก็ถามว่ามีอะไรจะถามไหม เราก็บอกไปว่าช่วงนี้จะปวดหน่วง ๆบริเวณช่วงล่าง บริเวณก้น ทางด้านซ้าย คุณหมอก็เลยสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรื่องของท้องผูก ให้ดูอาการ
แล้วก็นัดครั้งต่อไปอีก 2 อาทิตย์ คุณหมอพูดมาเลยว่าครั้งที่มาตรวจคราวหน้าไม่ควรขึ้นเกิน 1 กิโล เฮ้อ
ก่อนกลับคุณหมอให้ไปฟังพยาบาลพูดเรื่องของอาหาร แล้วก็รับคู่มือแนะนำเรื่องอาหารในตอนที่ตั้งครรภ์ และแฮนบุ๊คสำหรับการไปทานข้าวนอกบ้าน พยาบาลเขียนมาเลยว่า BMI ของเรา 21.0 น้ำหนักมาตรฐานจะอยู่ที่ 58.4 กิโล เพราะฉะนั้นปริมาณพลังงานที่จำเป็นต่อวันจะอยู่ที่ 1,700 Kcal
เราต้องควบคุมอาหารให้อยู่ในเกณฑ์นี้เหรอเนี่ย ><
ในคู่มือก็จะบอกมาว่าใน 1 วันควรจะทานอะไรบ้าง ปริมาณเท่าไหร่
บอกวิถีการทานอาหาร คือ
1. ทานอาหารครบ 3 มื้อ
2. เคี้ยวช้า ๆ ละเอียด ๆ
3. ก่อนนอน 2 ชั่วโมงไม่ให้ทานอะไร
4. ให้ออกกำลังกาย
5. อาหารที่ใช้น้ำมันเยอะ ให้ทานพอดี ๆ
6. ให้ระวังในการทานขนมขบเคี้ยว ของว่าง
7. ให้หันมาทานอาหารจำพวกที่ไม่มีแคลอรี่ อย่างเห็ด บุก สาหร่าย
8. ไม่ทานอาหารรสจัด
9. ไม่ใช้พวกน้ำปรุงรส ซอสในปริมาณที่เยอะ
ส่วน แฮนบุ๊คสำหรับการไปทานข้าวนอกบ้าน ก็จะเขียนประมาณว่า เมนูอาหารนี้ให้พลังงานกี่กิโลแคลอรี่ คงประมาณว่าให้เลือกทานที่ให้พลังงานไม่สูงมาก
ต้องควบคุมอาหาร น้ำหนักแล้วสิเรา
ค่าตรวจในวันนี้ 3,720 เยน
ไปถึงโรงพยาบาล ก็ยื่นบัตรนัด บัตรคนไข้ สมุดสุขภาพแม่และเด็ก สมุดช่วยค่าตรวจ ไม่ได้ยื่นบัตรประกันสุขภาพเพราะยังไม่ใช่เดือนใหม่ของการมาตรวจ
แล้วก็ไปเก็บปัสสาวะ วัดความดัน จากนั้นพยาบาลก็เรียกเข้าห้องสำหรับเจาะเลือด ครั้งนี้เก็บไป 3 หลอด ซึ่งจะนำไปเช็คว่ามีเชื้อมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือไม่ เพราะสามารถติดได้ทางการให้นมแม่
นำไปเช็คว่าเลือดจางหรือไม่ และเช็คค่าน้ำตาลในเลือด
หลังจากนั้นก็ชั่งน้ำหนัก แล้วก็รอพบคุณหมอ คุณหมอมาเห็นน้ำหนัก ทำหน้าเครียดเลย เพราะน้ำหนักเราขึ้นจากก่อนท้องมา 8.5 กิโล ซึ่งเกณฑ์ของคุณหมอคือ 8-12 กิโล เพราะหลังจากนี้น้ำหนักก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น คุณหมอเลยให้ควมคุมน้ำหนัก ลดปริมาณอาหารลง
หลังจากนั้นก็อัลตราซาวด์ดู เด็กตัวใหญ่ขึ้นมากเลย อาจจะเป็นเพราะน้ำหนักแม่ขึ้นเยอะด้วย เลยทำให้เด็กตัวใหญ่ ครั้งนี้คุณหมอจะให้ดูส่วนหัว เน้นให้ดูจมูก ปาก แล้วก็ให้ฟังเสียงหัวใจเต้น ทั้งหมดปกติ แข็งแรงดี แล้วคุณหมอก็บอกผลการตรวจเลือดไม่มีปัญหาเลือดจาง แอบเห็นตัวเลขอยู่ที่ 11 กว่า ๆ ส่วนผลของตัวอื่นยังไม่ออก แล้วก็แอบเห็นคุณหมอเขียน 800 กว่า ๆ น่าจะเป็นน้ำหนักของทารก
แล้วคุณหมอก็ถามว่ามีอะไรจะถามไหม เราก็บอกไปว่าช่วงนี้จะปวดหน่วง ๆบริเวณช่วงล่าง บริเวณก้น ทางด้านซ้าย คุณหมอก็เลยสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรื่องของท้องผูก ให้ดูอาการ
แล้วก็นัดครั้งต่อไปอีก 2 อาทิตย์ คุณหมอพูดมาเลยว่าครั้งที่มาตรวจคราวหน้าไม่ควรขึ้นเกิน 1 กิโล เฮ้อ
ก่อนกลับคุณหมอให้ไปฟังพยาบาลพูดเรื่องของอาหาร แล้วก็รับคู่มือแนะนำเรื่องอาหารในตอนที่ตั้งครรภ์ และแฮนบุ๊คสำหรับการไปทานข้าวนอกบ้าน พยาบาลเขียนมาเลยว่า BMI ของเรา 21.0 น้ำหนักมาตรฐานจะอยู่ที่ 58.4 กิโล เพราะฉะนั้นปริมาณพลังงานที่จำเป็นต่อวันจะอยู่ที่ 1,700 Kcal
เราต้องควบคุมอาหารให้อยู่ในเกณฑ์นี้เหรอเนี่ย ><
ในคู่มือก็จะบอกมาว่าใน 1 วันควรจะทานอะไรบ้าง ปริมาณเท่าไหร่
บอกวิถีการทานอาหาร คือ
1. ทานอาหารครบ 3 มื้อ
2. เคี้ยวช้า ๆ ละเอียด ๆ
3. ก่อนนอน 2 ชั่วโมงไม่ให้ทานอะไร
4. ให้ออกกำลังกาย
5. อาหารที่ใช้น้ำมันเยอะ ให้ทานพอดี ๆ
6. ให้ระวังในการทานขนมขบเคี้ยว ของว่าง
7. ให้หันมาทานอาหารจำพวกที่ไม่มีแคลอรี่ อย่างเห็ด บุก สาหร่าย
8. ไม่ทานอาหารรสจัด
9. ไม่ใช้พวกน้ำปรุงรส ซอสในปริมาณที่เยอะ
ส่วน แฮนบุ๊คสำหรับการไปทานข้าวนอกบ้าน ก็จะเขียนประมาณว่า เมนูอาหารนี้ให้พลังงานกี่กิโลแคลอรี่ คงประมาณว่าให้เลือกทานที่ให้พลังงานไม่สูงมาก
ต้องควบคุมอาหาร น้ำหนักแล้วสิเรา
ค่าตรวจในวันนี้ 3,720 เยน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
-
ก่อนกลับไทยก็ต้องมีของติดไม้ติดมือกลับไปฝากที่บ้าน ญาติ แล้วก็เพื่อน ๆ ก็จะด้วยเรื่องงบที่ตั้งไว้ ของบางอย่างก็กะว่าจะแบ่งกระจาย ๆ กัน เร...
-
พอดีไปอ่านเจอในนิตยสารของญี่ปุ่น เกี่ยวกับเรื่อง สารอาหารของเด็กในการส่งเสริมสุขภาพกายและใจก็คือ "การนอนหลับ" น่าสนใจดี เลยลองแปลเ...
-
สวัสดีค่ะ อุณหภูมิวันนี้ 19/6 องศา ไม่หนาวมากเกินไป กำลังดี แล้วในวันนี้เราขอแนะนำแฟชั่นฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น (ตามนิตยสารที่เรามีอยู่) เห็...