ทางโรงพยาบาลที่เราไปฝากครรภ์ เขามีคอร์สอบรมคุณแม่ฟรี แต่จะต้องลงทะเบียนก่อน เพื่อที่ว่าจะได้เตรียมเอกสารหรืออะไรให้เพียงพอ
ในการอบรมครั้งนี้จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ชั่วโมงแรกจะเป็นคุณหมอที่ตรวจเรามาบรรยาย เอกสารที่ใช้จะเป็นของโรงพยาบาล ซึ่งในเอกสารก็จะเขียนตั้งแต่ปฏิทินการตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงของคุณแม่ที่จะเกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กับตอนที่ตั้งครรภ์ ความผิดปกติในระหว่างการตั้งครรภ์ ฯ ไปจนถึงการเปลี่ยนผ้าอ้อม อาบน้ำให้ลูก พูดง่าย ๆ ก็คือ เนื้อหาตั้งแต่ตั้งครรภ์ ระหว่างตั้งครรภ์ หลังการคลอด ในครั้งแรกนี้คุณหมอก็พูดเรื่องที่ควรระวังหลังจากที่ผ่านช่วงไตรมาสแรกไปแล้ว ซึ่งเราก็เก็บข้อมูลมาได้ตามนี้
เรื่องของการเปลี่ยนแปลงของคุณแม่ที่จะเกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กับตอนที่ตั้งครรภ์
1. จะมีในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
2. เรื่องการเปลี่ยนแปลงกับผิวอย่างที่รักแร้ ที่แขน ที่หน้า คุณหมอแนะนำให้ทาครีมกันแดดที่ค่า SPF ไม่เยอะที่หน้าและที่แขน เพราะถ้าเกิดเป็นฝ้าแล้วจะรักษาหายยาก ส่วนเส้นตรงที่ขึ้นตรงกลางท้องนั้นจะหายไปเองภายใน 2-3 เดือนหลังจากคลอด
3. การเพิ่มขึ้นของน้ำหนัก ควรจะอยู่ที่บวกลบ 10 กิโล หรือถ้าอย่างมากที่สุดก็ 15 กิโล
4. ท้องผูก
เรื่องการดูแลทารกในครรภ์
ควรมีการกดท้องเช็คดูว่าท้องแข็งหรือเปล่า กดได้หรือเปล่า ไม่จำเป็นต้องดูว่าปวดท้องหรือเปล่า เพราะอาจจะไม่ปวดแต่ท้องแข็ง ซึ่งกรณีแบบนี้ควรจะต้องมาให้คุณหมอตรวจดู เพราะถ้าปล่อยไว้อาจจะไม่ดีต่อเด็กได้
เรื่องการใช้ชีวิตในช่วงตั้งครรภ์
ในช่วงตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 28 - 29 ถ้าคุณหมอไม่ได้พูดอะไรก็ให้เคลื่อนไหวทำงานบ้านได้ตามปกติ แต่ถ้าคุณหมอมีการพูดอะไรก็ให้พยายามอย่าเคลื่อนไหว เพราะช่วงนั้นปากมดลูกเริ่มจะเปิดแล้ว
ส่วนช่วงที่ 2 ก็จะเป็นคุณหมอคนอื่นมาบรรยาย ช่วงนี้ก็จะพูดเกี่ยวกับอาหารในช่วงที่ตั้งครรภ์
ที่สำคัญ ๆ หลัก ๆ ก็คือ
1. ทานอาหารให้สมดุลย์กัน ไม่เน้นอะไรที่มากเกินไป 3 มื้อใน 1 วัน
2. ในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงในหญิงตั้งครรภ์ ควรจะลดอาหารรสเค็ม
3. ในการจะรักษาน้ำหนักให้เป็นไปอย่างเหมาะสมให้ทานพวกไขมัน น้ำตาลในปริมาณที่พอดี
4. ในการป้องกันโลหิตจาง และการช่วยสร้างการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ควรทานอาหารที่มีธาตุเหล็กและแคลเซียมอย่างเพียงพอ
5. ให้เลิกบุหรี่และแอลกอฮอล์
6. ให้รักษาอาการท้องเสีย หรือท้องผูกโดยเร็ว อย่างน้อยควรให้มีการถ่าย 1 ครั้งใน 1 วัน และออกกำลังกายพอเหมาะ
การอบรมในแต่ละครั้ง สิ่งที่ต้องนำไปด้วยก็จะมี
1. สมุดแม่และเด็ก เพราะทางโรงพยาบาลจะปั้มวันที่ที่เข้าฟังลงในสมุดด้วย
2. อุปกรณ์เครื่องเขียน
วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
ตรวจครรภ์ครั้งที่ 4 ที่โรงพยาบาลญี่ปุ่น (อายุครรภ์ 16 สัปดาห์กว่า ๆ)
เราลืมบอกไปว่าตอนที่ตรวจครรภ์ครั้งที่ 2 หลังจากที่จ่ายค่าตรวจแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ถามว่าจะคลอดที่ไหน พอบอกว่าที่นี่ เขาก็ถามถึงกำหนดคลอด แล้วก็ให้เอกสารมา จะเป็นเอกสารรายละเอียดของการมาตรวจแต่ละครั้งว่าจะตรวจอะไรบ้าง กี่สัปดาห์ครั้ง แล้วก็ให้เตรียมเงินมาจ่ายล่วงหน้า 100,000 เยน จ่ายตอนที่มาตรวจครั้งที่ 4 ซึ่งเขาก็มีอธิบายว่า 100,000 เยนนี้ค่าอะไรยังไงบ้าง แต่เราไม่ค่อยเข้าใจระบบเขาเท่าไหร่ ก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก
ถึงวันนัดตรวจ ก็ยื่นบัตรนัด สมุดสุขภาพแม่และเด็ก สมุดช่วยค่าตรวจ แล้วก็มีขอบัตรประกันสุขภาพเพิ่มเติมด้วย วันนี้มีนัดจ่าย 100,000 เยนที่ว่า เจ้าหน้าที่เลยให้เอกสารการรับรองการบันทึก ระบบการชดเชยการรักษาพยาบาลแผนกสูติกรรม (産科医療補償制度 登録証) มากรอก แล้วต้นฉบับให้เราเก็บไว้ 5 ปี สำเนาทางโรงพยาบาลเป็นคนเก็บ เราก็งงอีกนั่นแหละว่าคืออะไร เขาให้เก็บก็เก็บเอาไว้ตามที่เขาบอกอ่ะนะ
หลังจากนั้นอันดับแรกก็ไปเก็บปัสสาวะ วัดความดัน แล้วก็นั่งรอเรียก พอถึงคิวเราแล้ว ก็ชั่งน้ำหนัก
แล้วคุณหมอก็วัดขนาดของท้อง แล้วก็ซาวด์ที่หน้าท้อง ครั้งนี้เห็นกระดูกของเจ้าหนูชัดเจนมาก ๆ แขนขาขยับไปมา เจ้าหนูตัวใหญ่ขึ้นกว่าครั้งที่แล้วมาก มีเห็นก้อนหัวใจ ก้อนที่เป็นกระเพาะ เสียงหัวใจเต้นดังมาก ^^
หลังจากดูหน้าจอเสร็จแล้ว คุณหมอก็คืนผลตรวจจากการเจาะเลือดครั้งที่แล้วมาให้ จากนั้นก็บอกคุณหมอว่าเป็นหวัดอีกแล้ว คุณหมอก็เลยจัดยาแบบครั้งที่แล้วมาให้ แล้วก็เตือนไม่ให้ไปที่คนเยอะ ๆ แล้วก็ให้ใส่หน้ากาก
พอถึงตอนที่จ่ายค่าตรวจ ก็มีการเก็บ 100,000 เยน แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้เอกสารอธิบายเรื่องตอนที่คลอดว่าโรงพยาบาลมีเตรียมอะไรไว้บ้าง เวลาเข้าเยี่ยมกี่โมงถึงกี่โมง ตอนกลางคืนจะไม่ให้ญาติหรือพ่อของเด็กเฝ้าไข้ ถ้าคลอดตอนกลางคืน ญาติหรือแม้แต่พ่อของเด็กต้องมาเยี่ยมตอนเช้า ระบบแบบนี้ไม่เหมือนที่เมืองไทยเลยอ่ะ ที่เมืองไทยยังมีให้ญาตินอนค้างเฝ้าได้ แบบนี้ต้องขอให้เจ้าหนูคลอดตอนเช้าแล้วหล่ะ ^^
วันนี้เราก็เลยจองอบรมเรื่องการตั้งครรภ์ของโรงพยาบาลด้วย ไม่รู้ว่าเนื้อหาจะเหมือนกับของทางสำนักงานเขตหรือเปล่า
ค่าตรวจ+ค่ายาครั้งนี้ 2,130 เยน
แล้วก็มีให้คาเฟโอเล่แบบไม่มีคาเฟอีนมาให้ด้วย
(รูปกลับหัวไปหน่อย)
นัดครั้งต่อไปก็อีก 4 สัปดาห์
ถึงวันนัดตรวจ ก็ยื่นบัตรนัด สมุดสุขภาพแม่และเด็ก สมุดช่วยค่าตรวจ แล้วก็มีขอบัตรประกันสุขภาพเพิ่มเติมด้วย วันนี้มีนัดจ่าย 100,000 เยนที่ว่า เจ้าหน้าที่เลยให้เอกสารการรับรองการบันทึก ระบบการชดเชยการรักษาพยาบาลแผนกสูติกรรม (産科医療補償制度 登録証) มากรอก แล้วต้นฉบับให้เราเก็บไว้ 5 ปี สำเนาทางโรงพยาบาลเป็นคนเก็บ เราก็งงอีกนั่นแหละว่าคืออะไร เขาให้เก็บก็เก็บเอาไว้ตามที่เขาบอกอ่ะนะ
หลังจากนั้นอันดับแรกก็ไปเก็บปัสสาวะ วัดความดัน แล้วก็นั่งรอเรียก พอถึงคิวเราแล้ว ก็ชั่งน้ำหนัก
แล้วคุณหมอก็วัดขนาดของท้อง แล้วก็ซาวด์ที่หน้าท้อง ครั้งนี้เห็นกระดูกของเจ้าหนูชัดเจนมาก ๆ แขนขาขยับไปมา เจ้าหนูตัวใหญ่ขึ้นกว่าครั้งที่แล้วมาก มีเห็นก้อนหัวใจ ก้อนที่เป็นกระเพาะ เสียงหัวใจเต้นดังมาก ^^
หลังจากดูหน้าจอเสร็จแล้ว คุณหมอก็คืนผลตรวจจากการเจาะเลือดครั้งที่แล้วมาให้ จากนั้นก็บอกคุณหมอว่าเป็นหวัดอีกแล้ว คุณหมอก็เลยจัดยาแบบครั้งที่แล้วมาให้ แล้วก็เตือนไม่ให้ไปที่คนเยอะ ๆ แล้วก็ให้ใส่หน้ากาก
พอถึงตอนที่จ่ายค่าตรวจ ก็มีการเก็บ 100,000 เยน แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้เอกสารอธิบายเรื่องตอนที่คลอดว่าโรงพยาบาลมีเตรียมอะไรไว้บ้าง เวลาเข้าเยี่ยมกี่โมงถึงกี่โมง ตอนกลางคืนจะไม่ให้ญาติหรือพ่อของเด็กเฝ้าไข้ ถ้าคลอดตอนกลางคืน ญาติหรือแม้แต่พ่อของเด็กต้องมาเยี่ยมตอนเช้า ระบบแบบนี้ไม่เหมือนที่เมืองไทยเลยอ่ะ ที่เมืองไทยยังมีให้ญาตินอนค้างเฝ้าได้ แบบนี้ต้องขอให้เจ้าหนูคลอดตอนเช้าแล้วหล่ะ ^^
วันนี้เราก็เลยจองอบรมเรื่องการตั้งครรภ์ของโรงพยาบาลด้วย ไม่รู้ว่าเนื้อหาจะเหมือนกับของทางสำนักงานเขตหรือเปล่า
ค่าตรวจ+ค่ายาครั้งนี้ 2,130 เยน
แล้วก็มีให้คาเฟโอเล่แบบไม่มีคาเฟอีนมาให้ด้วย
(รูปกลับหัวไปหน่อย)
นัดครั้งต่อไปก็อีก 4 สัปดาห์
วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557
ไปหาหมอเพราะผื่นขึ้นที่สะโพก
ก่อนหน้าที่จะถึงกำหนดนัดตรวจครั้งที่ 4 (จากครั้งที่ 3 มาครั้งที่ 4 การนัดตรวจก็จะนานขึ้นเป็น 4 สัปดาห์มาตรวจ) เราเกิดคันแล้วก็มีผื่นขึ้นที่สะโพก ไปให้คุณหมอสูติดู (คุณหมอเดียวกับที่ตรวจครรภ์) เขาก็บอกว่าไม่เคยเจอ เพราะส่วนใหญ่จะคันแล้วก็มีผื่นบริเวณท้อง คุณหมอก็เลยบอกว่าอาจจะเป็นเพราะการไปเสียดสีกับผ้ามั้ง เลยให้ยาทามาทาดู
ซึ่งเราก็ไม่ได้ทาอ่ะ เพราะไม่ได้คันมาก เราลองทาวาสลินที่เอามาจากเมืองไทยดู รู้สึกว่าดีขึ้น คงเพราะผิวแห้ง หรือไม่ก็คงไปเสียดสีกับกางเกงอย่างที่คุณหมอบอกจริงๆ
ซึ่งเราก็ไม่ได้ทาอ่ะ เพราะไม่ได้คันมาก เราลองทาวาสลินที่เอามาจากเมืองไทยดู รู้สึกว่าดีขึ้น คงเพราะผิวแห้ง หรือไม่ก็คงไปเสียดสีกับกางเกงอย่างที่คุณหมอบอกจริงๆ
ค่าตรวจวันนี้ 620 เยน
วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2557
แนะนำเสื้อที่ใส่แล้วอุ่นขึ้น (นิดนึงก็ยังดี)
หน้าหนาวของที่ญี่ปุ่นปีนี้สุด ๆ จริงๆ หนาวมาก โดยเฉพาะอาทิตย์ที่แล้ว
วันก่อนไปทานข้าวกับเพื่อนของคุณซูมา เขาก็ถามเราว่าวันนี้ใส่มากี่ตัว
วันนั้นเราใส่ เสื้อกล้าม, เสื้อแขนยาว Heattech ที่ซื้อมาจากยูนิโคลที่ไทย, เสื้อแขนยาวคอเต่า Heattech ที่ซื้อมาจากยูนิโคลที่ไทย, เสื้อขนปุย ๆ ที่ซื้อมาจากยูนิโคลที่ไทย เราก็ไม่รู้เรียกว่าอะไรนะ
แล้วก็เสื้อโค้ทขนเป็ด ถ้าไม่นับรวมเสื้อโค้ท ก็ประมาณ 3 ชั้นที่เราใส่ ขนาดอยู่บ้านยังหนาวเลย เปิดฮีทเตอร์ก็แล้วก็ยังหนาว
เพื่อนคุณซูเลยแนะนำว่าให้ไปซื้อที่เขียนว่า 極暖 (ごくだん)(Heattech Extra Warm) ของยูนิโคลมาใส่สิ อุ่นขึ้นนะ
วันรุ่งขึ้นเรากับคุณซูเลยไปหาซื้อมาเลย
หลังจากที่ใส่ก็รู้สึกอุ่นขึ้นมานิดนึงเหมือนกันนะถ้าเปรียบเทียบกับ Heattech เฉย ๆ
ส่วนราคาก็จะแพงกว่า Heattech เฉย ๆ เท่านึง อยู่ที่ตัวละ 1,500 เยน
ร้านที่เราไปซื้อ ของผู้หญิงสีดำหมดแล้ว เหลือแต่สีเขียวเข้ม เอาก็เอา เพราะไม่ไหวหนาวจริง ๆ
วันก่อนไปทานข้าวกับเพื่อนของคุณซูมา เขาก็ถามเราว่าวันนี้ใส่มากี่ตัว
วันนั้นเราใส่ เสื้อกล้าม, เสื้อแขนยาว Heattech ที่ซื้อมาจากยูนิโคลที่ไทย, เสื้อแขนยาวคอเต่า Heattech ที่ซื้อมาจากยูนิโคลที่ไทย, เสื้อขนปุย ๆ ที่ซื้อมาจากยูนิโคลที่ไทย เราก็ไม่รู้เรียกว่าอะไรนะ
แล้วก็เสื้อโค้ทขนเป็ด ถ้าไม่นับรวมเสื้อโค้ท ก็ประมาณ 3 ชั้นที่เราใส่ ขนาดอยู่บ้านยังหนาวเลย เปิดฮีทเตอร์ก็แล้วก็ยังหนาว
เพื่อนคุณซูเลยแนะนำว่าให้ไปซื้อที่เขียนว่า 極暖 (ごくだん)(Heattech Extra Warm) ของยูนิโคลมาใส่สิ อุ่นขึ้นนะ
วันรุ่งขึ้นเรากับคุณซูเลยไปหาซื้อมาเลย
หลังจากที่ใส่ก็รู้สึกอุ่นขึ้นมานิดนึงเหมือนกันนะถ้าเปรียบเทียบกับ Heattech เฉย ๆ
ส่วนราคาก็จะแพงกว่า Heattech เฉย ๆ เท่านึง อยู่ที่ตัวละ 1,500 เยน
ร้านที่เราไปซื้อ ของผู้หญิงสีดำหมดแล้ว เหลือแต่สีเขียวเข้ม เอาก็เอา เพราะไม่ไหวหนาวจริง ๆ
คุณซูก็ซื้อด้วย ของผู้ชายยังมีสีดำ
วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557
สมัครสมาชิกของศูนย์ที่คล้าย ๆ ศูนย์ค้าส่งแบบแม็คโครบ้านเรา
กะจะเขียนเรื่องนี้นานแล้ว แต่ลืมทุกทีเลย
เรื่องก็มีอยุ่ว่า เพื่อนคุณซูแนะนำให้ไปสมัครสมาชิกของศูนย์ที่คล้าย ๆ ศูนย์ค้าส่งแบบแม็คโครบ้านเรา
เพราะในนั้นของจะเยอะ แล้วก็ถูกกว่าข้างนอก ด้วยความที่ว่าถูกกว่า ก็เลยไปสมัครกับคุณซู
เราก็ไม่รู้ว่าแม็คโครเขาเก็บค่าสมาชิกหรือเปล่า แต่โดยทั่ว ๆ ไปเราจะคุ้นกับการสมัครสมาชิกฟรีมากกว่า ครั้งนี้ก็นึกว่าฟรีเหมือนกัน ต่อแถวเรียบร้อย ปรากฏว่าเสียค่าสมาชิกต่อปี ปีแรกจ่าย 4,200 เยน ปีต่อไปไม่รู้เท่าไหร่ ก็ต้องจ่ายอ่ะเนอะ มาถึงเค้าท์เตอร์แล้ว
ที่บัตรสมาชิกจะมีรูปเจ้าของบัตรติดไว้ด้วย ต้องยื่นทุกครั้งที่จะเข้าไปซื้อ เจ้าของบัตรสามารถพาผู้ติดตามมาได้อีก 2 คน
พอทำบัตรเสร็จก็ลองสำรวจดูว่ามีของอะไรบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นของขายแบบเป็นแพ็ค ๆ หรือไม่ก็เป็นถุงใหญ่ ๆ สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นของนำเข้า มีของญี่ปุ่นด้วย แต่รู้สึกจะน้อยกว่าของนำเข้า
แล้วตอนจะออกจากศูนย์ ก็ต้องยื่นใบเสร็จให้พนักงานเช็คดูด้วย คงกันการขโมยของมั้งนะ
เราก็กะว่าจะดูว่าปีนี้ใช้บริการมากน้อยแค่ไหน ถ้าน้อยมาก ๆ ปีต่อไปคงไม่ต่ออายุดีกว่า คิดว่าน่าจะไม่คุ้มกับค่าสมาชิก
ตัวอย่างของที่เราซื้อมา
มันฝรั่งถุงใหญ่มาก (เทียบกับถุงเถ้าแก่น้อย)
ผลไม้แปลกดีเลยซื้อมา เบบี้ กีวี สามารถทานทั้งเปลือกได้ อร่อยดี ไม่ค่อยเปรี้ยวเท่าไหร่
เรื่องก็มีอยุ่ว่า เพื่อนคุณซูแนะนำให้ไปสมัครสมาชิกของศูนย์ที่คล้าย ๆ ศูนย์ค้าส่งแบบแม็คโครบ้านเรา
เพราะในนั้นของจะเยอะ แล้วก็ถูกกว่าข้างนอก ด้วยความที่ว่าถูกกว่า ก็เลยไปสมัครกับคุณซู
เราก็ไม่รู้ว่าแม็คโครเขาเก็บค่าสมาชิกหรือเปล่า แต่โดยทั่ว ๆ ไปเราจะคุ้นกับการสมัครสมาชิกฟรีมากกว่า ครั้งนี้ก็นึกว่าฟรีเหมือนกัน ต่อแถวเรียบร้อย ปรากฏว่าเสียค่าสมาชิกต่อปี ปีแรกจ่าย 4,200 เยน ปีต่อไปไม่รู้เท่าไหร่ ก็ต้องจ่ายอ่ะเนอะ มาถึงเค้าท์เตอร์แล้ว
ที่บัตรสมาชิกจะมีรูปเจ้าของบัตรติดไว้ด้วย ต้องยื่นทุกครั้งที่จะเข้าไปซื้อ เจ้าของบัตรสามารถพาผู้ติดตามมาได้อีก 2 คน
พอทำบัตรเสร็จก็ลองสำรวจดูว่ามีของอะไรบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นของขายแบบเป็นแพ็ค ๆ หรือไม่ก็เป็นถุงใหญ่ ๆ สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นของนำเข้า มีของญี่ปุ่นด้วย แต่รู้สึกจะน้อยกว่าของนำเข้า
แล้วตอนจะออกจากศูนย์ ก็ต้องยื่นใบเสร็จให้พนักงานเช็คดูด้วย คงกันการขโมยของมั้งนะ
เราก็กะว่าจะดูว่าปีนี้ใช้บริการมากน้อยแค่ไหน ถ้าน้อยมาก ๆ ปีต่อไปคงไม่ต่ออายุดีกว่า คิดว่าน่าจะไม่คุ้มกับค่าสมาชิก
ตัวอย่างของที่เราซื้อมา
มันฝรั่งถุงใหญ่มาก (เทียบกับถุงเถ้าแก่น้อย)
ผลไม้แปลกดีเลยซื้อมา เบบี้ กีวี สามารถทานทั้งเปลือกได้ อร่อยดี ไม่ค่อยเปรี้ยวเท่าไหร่
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
-
ก่อนกลับไทยก็ต้องมีของติดไม้ติดมือกลับไปฝากที่บ้าน ญาติ แล้วก็เพื่อน ๆ ก็จะด้วยเรื่องงบที่ตั้งไว้ ของบางอย่างก็กะว่าจะแบ่งกระจาย ๆ กัน เร...
-
พอดีไปอ่านเจอในนิตยสารของญี่ปุ่น เกี่ยวกับเรื่อง สารอาหารของเด็กในการส่งเสริมสุขภาพกายและใจก็คือ "การนอนหลับ" น่าสนใจดี เลยลองแปลเ...
-
สวัสดีค่ะ อุณหภูมิวันนี้ 19/6 องศา ไม่หนาวมากเกินไป กำลังดี แล้วในวันนี้เราขอแนะนำแฟชั่นฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น (ตามนิตยสารที่เรามีอยู่) เห็...