แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ไดอารี่ชีวิตคู่ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ไดอารี่ชีวิตคู่ แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ไปห้างของญี่ปุ่น

คุณซูพาไปห้างที่เหมือนจะเป็นฉากหนึ่งของละคร Saito san 2 จากที่เราไปหลาย ๆ ห้าง ความเหมือนกันของห้างที่ญี่ปุ่นในแต่ละที่ที่เราเห็นว่าคล้าย ๆ กัน แล้วก็สะดวกดีถ้าที่เมืองไทยจะมีแบบนี้บ้าง (หรือว่ามีไปแล้ว แต่เราไม่รู้ ถ้ามีแล้ว ก็นับว่าดีเลย)
ก็จะมี

ถ้าเดินทางด้วยรถยนต์ ก่อนเข้าที่จอด ก็มีเครื่องให้บัตรจอด และก็บอกว่าชั้นไหนว่าง ชั้นไหนเต็ม


ถ้าเดินทางด้วยจักรยาน หรือมอเตอร์ไซด์ ก็มีที่จอดให้เฉพาะ



ตรงทางเข้าของห้าง หรือตามจุดบางจุด จะมีรถเข็นเด็ก สำหรับครอบครัวที่พาลูก ๆ หลาน ๆ มา จะได้ไม่ต้องอุ้ม หรือเดินจูง


 
เดิน ๆ ไป บางจุดก็มีรถเข็นเตรียมไว้ให้เหมือนกัน ลายน่ารักดี มีทั้งมิกกี้เม้าส์ คิดตี้ ฯ 




 
จากนั้นก็ไปแวะเข้าห้องน้ำ ที่ห้องน้ำจะมีเก้าอี้สำหรับเด็กด้วย แต่ต้องคอยระวังเด็กไม่ให้คลาดสายตาด้วยนะคะ เดี๋ยวตกลงมา แย่เลย
 
 
ห้องน้ำบางห้องก็จะมีที่เปลี่ยนผ้าอ้อม หรือแพมเพิสให้ด้วย ห้องก็จะใหญ่หน่อย
 
 
ถ้าที่เปลี่ยนผ้าแพมเพิสไม่มีในห้องน้ำ เขาก็เตรียมไว้ให้ข้างนอก  ในที่นี้จะอยู่ด้านหลังที่ล้างมือ
 
 
ส่วนในห้องน้ำ ให้ระวังเรื่องการทิชกระดาษทิชชูลงในถังขยะ เพราะถังขยะในห้องน้ำมีไว้ให้ทิ้งพวกผ้าอนามัย แพมเพิส  สำหรับกระดาษทิชชูให้ทิ้งไปในชักโครกเลย
 


และหลังจากที่เราใช้รถเข็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเข็นเด็ก หรือรถเข็นใส่ของ ก่อนออกจากห้างก็ต้องเก็บให้เข้าที่ที่เขาเตรียมไว้ให้ด้วย

 
วันนี้ก็ไปหยอด Gacha Gacha มาอีกแล้ว 2 อัน
 

รวมอันที่แล้วที่ไปกดมาก็เป็น 3 อัน เหลืออีก 3 อันก็จะครบเซ็ท





น่ารักมาก ๆ เลย  ส่วนกล่องนี้ซื้อที่ร้าน Daiso

 

วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อากาศร้อนเกิน 38 องศาแหน่ะ ไปตากแอร์ที่ห้างดีกว่า

วันนี้อากาศร้อนมาก ประมาณ 38 องศาได้ จริงๆ ก็ร้อนมากมาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วแล้วหละ
อยู่บ้านขนาดเปิดพัดลมจ่อเป่าก็ยังร้อน
ยิ่งเมื่อวานร้อนจนปวดหัวไปหมด ไม่ค่อยอยากทำอะไร ตอนนอนช่วยไม่ได้ เลยต้องใช้ที่แปะหน้าผากที่ใช้ตอนมีไข้มาช่วย  ก็ทำให้นอนหลับสบายหน่อย


วันนี้ก็เลยชวนคุณซูไปห้าง ไปตากแอร์ที่ห้างเอา  คุณซูมีพาไปร้านโมเดลรถไฟ เพิ่งรู้ว่าที่ร้านโมเดลแบบนี้มีขายฉาก มีขายตุ๊กตาประกอบฉากตัวเล็ก ๆ เยอะมาก

อย่างรูปนี้ก็จะเป็นที่ขายโมเดลฉาก จะเป็นพวกตึก ห้างร้านต่าง ๆ

 
 
 
อย่างรูปนี้จะเป็นพวกตัวตุ๊กตาเล็ก ๆ ที่อยู่ในฉาก 
 


แล้วก็ฉากพวกต้นไม้


เขามีที่ประกอบสำเร็จแล้ว อลังการมาก แต่เราถ่ายมาได้เท่านี้เอง


จากนั้นก็ไปต่อที่ร้านอื่น มาสะดุดร้านนี้ จะเป็นที่หยอดตู้ มีหลากหลายคาแร็กเตอร์มาก แต่เราชอบของ Line เลยหยอดไป 200 เยน เครื่องแบบนี้จะเรียกว่า "Gacha Gacha" ทำเอาบางคนหมดไปหลายตังค์ก็มี
เราก็อยากหยอดเยอะ ๆ นะ แต่ความเสียดายตังค์มีเยอะกว่า เลยหยอดแค่ครั้งเดียวพอ


วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กลับมาออกกำลังกายอีกครั้ง

บริษัทของคุณซูจะมีการตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งคุณหมอก็สั่งคุณซูมาเลยว่าต้องดูแลตัวเองดี ๆ เพราะคุณซูเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคนี้ดูเหมือนไม่มีอะไร เพราะไม่ได้มีปัญหาในการใช้ชีวิตเท่าไหร่ (ณ ตอนนี้นะ) แต่จริงๆ แล้วโรคนี้ก็เป็นโรคที่น่ากลัวมากอีกโรคหนึ่ง เพราะถ้าไม่ควมคุมก็จะทำให้เป็นโรคต่าง ๆ ตามมา อย่างโรคหัวใจ โรคไต

ทุกวันนี้เราก็จะมาดูเรื่องอาหาร พยายามไม่ใช้น้ำมันในการทำอาหารใช้น้ำแทน พยายามลดของเค็ม เน้นกับข้าวที่เป็นผัก เน้นทำกับข้าวแบบใส่พวกขิง

แล้วคุณซูเลยไปซื้อเครื่องวัดความดันสำหรับวัดที่บ้านมา เห็นวัดเช้ากับกลางคืน แล้วก็จดผลการวัดไว้ เตรียมให้คุณหมอดู



สมุดจด



นอกจากนี้ก็ต้องออกกำลังกาย คุณซูเริ่มออกกำลังกายตอนเดือน มี.ค. 56 ถึงเดือน มิ.ย. 56 แล้วต้องหยุดไปพักนึงเพราะปวดขา ตอนนี้อาการดีขึ้นก็เลยหันมาออกใหม่ โดยเริ่มจากเบา ๆ คือเดิน

เราก็ไปออกเป็นเพื่อนด้วย แต่มีช่วงนึงที่เรามีช่วยงานแปลของคนรู้จัก ก็เลยไม่ได้ไปเป็นเพื่อน ช่วงนั้นก็รู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนกันที่ให้คุณซูไปออกคนเดียว เพราะถ้าให้เราไปวิ่ง ๆ อยู่คนเดียว เราก็คงไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ แล้วไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า ที่นี่เขาไม่เปิดไฟข้างทางหรืองัยก็ไม่รู้ มืดอ่ะ ไป 2 คนอุ่นใจกว่า

เมื่อวาน 2 ส.ค. คนซูมีถามคอร์สเดินกับเราว่าจะเดินตรงขึ้นไป หรือว่าเลี้ยวขวา ชอบถามเราเรื่อยเลย เพราะถ้าถามเรา เราก็อยากย่นระยะทางอยู่แล้ว ซึ่่งจริงๆ เรารู้ว่าเขาอยากเดินต่อ เลยให้เขาตัดสินใจ คุณซูก็บอกว่าให้เราตัดสินใจ

สุดท้ายเราก็เลยพูดเลยว่า ถ้าเป็นเรื่องการนำ (ไม่ว่าจะนำทางหรืออะไร) คุณซูต้องเป็นผู้ตัดสินใจนะ เพราะเป็นหัวหน้าครอบครัว (จริงๆ ก็ไม่เกี่ยวกับการออกกำลังกายเล้ย แต่เราทำเป็นพูดเข้าทฤษฏีไปงั้นแหล่ะ 555)

เท่านั้นแหล่ะ คุณซูบอกงั้นเลี้ยวขวา โอเคเลี้ยวขวา อิอิ

วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เริ่มเขียนไดอารี่ชีวิตคู่ "ครบ 1 ปีกว่าแล้วหลังจากที่จดทะเบียนสมรสที่ไทย"

นับย้อนหลังไป ก.ค. ปี 2555 เรากับคุณซูทำเรื่องจดทะเบียนสมรสที่เมืองไทย แต่ยังไม่ได้แต่งงานกัน (เพราะเป็นการแต่งงานกับคนต่างชาติ เรากับคุณซูเลยจะทำเรื่องเอกสารให้เรียบร้อยก่อน ได้วีซ่าแล้วค่อยแต่งงานไปใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่น) นี่ก็ครบ 1 ปีกว่า ๆ หล่ะที่ทำเรื่องจดทะเบียนที่เมืองไทยเสร็จเรียบร้อย

ส่วนชีวิตคู่ ณ ตอนนี้ก็ผ่านมาได้ 7 เดือนกว่า ๆ แล้ว จะว่าเร็วก็เร็ว แต่ก็มีเรื่องของความไม่เข้าใจกัน รู้สึกไม่ดี ตั้งแต่เดือนแรกที่เรามาใช้ชีวิตที่นี่เลยหล่ะ เราจดใส่สมุดโน๊ตเลยว่า "ไม่ค่อยเข้าใจว่าเค้าคิดยังไง ทำไมพูดอ้อม ๆ ไม่ชัดเจน หรือว่าคนญี่ปุ่นเป็นแบบนี้ทั้งประเทศ" เขียนไว้เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 13 เวลา 23.45 น.

ซึ่งเรื่องนี้เราก็คุยกับคุณซูว่าอยากให้พูดให้ชัดเจนไปเลย เขาก็บอกว่าคนญี่ปุ่นจะเป็นสไตล์นี้อยู่แล้ว เราก็เลยบอกไปเลยว่า สำหรับเราไม่ต้องอ้อม เพราะยิ่งอ้อมยิ่งไม่เคลียร์ ซึ่งตอนนั้นกว่าจะกล้าพูดก็ปาเข้าไปเดือน มิ.ย. แล้วหล่ะ เพราะอยากให้เข้าใจกันมากขึ้น เพราะปัญหาหลัก ๆ ก็คือเรื่องภาษาญี่ปุ่น ถึงเราจะพอได้ภาษามาบ้าง แต่ก็ยังเป็นอุปสรรคอยู่ดี แล้วยิ่งมาเจออ้อม ๆ อีกนี่ยิ่งไปกันใหญ่

เราก็ถือว่าโชคดีตรงที่คุณซูไม่ได้ให้ที่บ้านมายุ่งอะไรกับเรามาก ปัญหากับครอบครัวสามีเลยไม่มี

การใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นซึ่งหลาย ๆ คนก็รู้ ๆ อยู่แล้วว่าค่าครองชีพที่นี่สูงมาก และตอนนี้คุณซูก็เป็นเสาหลักหาเลี้ยงอยู่คนเดียว ส่วนเราก็มีหน้าที่เป็นแม่บ้าน ซึ่งคุณซูก็ให้ความไว้วางใจในการให้เราดูแลเรื่องบัญชีทุกอย่างภายในบ้าน เราก็เลยต้องทำบัญชีรายรับ - รายจ่ายขึ้นมา จะได้รู้ว่าเดือน ๆ นึงรับเท่าไหร่ จ่ายเท่าไหร่

ตอนอยู่เมืองไทยก็ทำเหมือนกัน แต่ไม่ละเอียดเท่านี้ อยู่ที่นี่ต้องขอใบเสร็จทุกครั้งที่ซื้อของ ถ้าร้านไหนไม่มีนี่ต้องจดตัวเลขไว้แล้วเอากลับมาทำบัญชี และตอนแรกจะให้คุณซูเอาบิลที่เขาใช้มาเคลียร์ แต่ถ้าเราไม่ทวงก็มักจะลืมให้ ทุกวันนี้เลยจัดการจัดระเบียบกระเป๋าคุณซูซะเลย มีใบเสร็จกี่ใบ เหลือเท่าไหร่ ดูเหมือนคุณซูจะชอบมากกว่าที่เขาต้องยื่นใบเสร็จเอง นับเงินที่เหลือเอง (เป็นงั้นไป)

รูปนี้ตะกร้าใส่ใบเสร็จของเรา (ตั้งแต่เดือน ม.ค. 56 ถึงปัจจุบัน)



ทุกวันนี้เรายังไม่มีรายได้ เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเราที่จะทำได้ก็คือ "การประหยัด" อย่างค่าไฟที่เราทำอยู่ก็คือ ถ้าอยู่คนเดียว อากาศร้อนก็เปิดพัดลม เปิดหน้าต่าง ถ้าอากาศเย็น ๆ ก็เปิดแค่หน้าต่าง หน้าหนาวถ้าทนอยู่ได้ก็จะพยายามไม่เปิดฮิทเตอร์ ปลั๊กไฟอันไหนที่ไม่ใช้ก็ไม่เสียบคาไว้ ก็ได้ผลเหมือนกันนะ

ค่ากับข้าว ก็จะซื้อมาพอดี ๆ สำหรับ 1 วัน หรือมากสุดแค่ 2 วัน เพราะพอซื้อมาเยอะ ทานไม่หมด เก็บไว้ตู้เย็น หมดอายุพอดี อันนี้น่าจะเป็นการเปลืองมากกว่า เราชอบที่ตู้เย็นโล่ง ๆ นะ (มีของ แต่ไม่ล้น) เพราะดูหยิบจับอะไรได้สะดวก รู้ว่าอันไหนเป็นอันไหน หมดอายุวันไหน เราไม่อยากให้ตู้เย็นมีแต่ของเน่าเสีย ยิ่งหน้าร้อนด้วยแล้ว ของเน่าเสียเร็วมาก ๆ และเวลาไปซื้อของสดที่ซุปเปอร์ ก็จะไปเย็น ๆ หน่อย ของเราจะพยายามเลือกที่เขาติดป้ายลดราคาแล้ว จะถูกหน่อย แล้วก็เอามาทำกับข้าวเลย

ทุกวันนี้เงินออมก็ยังไม่ค่อยมีกับเขาหรอกนะ แต่สูตรนี้เราก็จะใช้ไปตลอดคือ รายได้ - เงินออมโดยประมาณ = รายจ่าย

วันนี้ยังทำไม่สำเร็จ สักวันนึงคงทำได้ คิดไว้แบบนี้ตลอด (555)

กิจกรรมของครอบครัวเวลาที่คุณซูอยู่บ้าน (ไม่ทุกครั้งนะ) ก็จะมีออกไปข้างนอกด้วยกัน ไปดูร้านต้นไม้ ดูของ อย่างวันนี้ 1 ส.ค. 56 ก็ได้ต้นไม้ ได้ตุ๊กตา Line (ตัวเล็ก) ได้มะละกอมา

กว่าจะได้เจ้า 2 ตัวนี้มา หมดไปหลายร้อยเยน เงินออมคงลดลงบ้างเล็กน้อย แต่ก็นานที คุณซูจะได้คลายเครียดด้วย (แต่คงไม่ให้บ่อย SmileySmiley)



ส่วนต้นไม้เป็นงานอดิเรกของคุณซู เราทั้งสองคนก็จะพยายามเลือกต้นนึงไม่ให้เกิน 150 เยน

ต้นมะเขือสีม่วง เผื่อออกผล จะได้ไม่ต้องไปซื้อ



แตงกวา (ใบหักเพราะโดนมะเขือเบียด Smiley



ไม้ดอกไช้เพิ่มสีสันสำหรับสวน







ส่วนอันนี้เป็นมะละกอ (เทียบกับมือถือ) ตอนแรกนึกว่ามะม่วงซะอีก คุณซูอยากกินมาก ไปเห็นต้นมะละกอที่ร้าน เลยอยากกินผล แต่ไม่มีขายที่ซุปเปอร์แถวบ้าน ลูกนี้ถึงขนาดไปซื้อที่ห้างที่ไกลออกไปหน่อย ตอนนั้นก็ 2 ทุ่มกว่า ๆ กลับถึงบ้าน จะทำกับข้าว คุณซูบอกว่าเดี๋ยวมา จะไปซื้อมะละกอ แล้วก็ถามเราว่าจะไปด้วยมั้ย ไปก็ไป ก็ได้รู้ความในใจคุณซูที่เขาบอกมาว่า รู้สึกดีที่เราไปเป็นเพื่อนเขา Smiley



ราคาค่อนข้างแพง แต่นาน ๆ ทีอ่ะเนอะ ^^