เราลืมบอกไปว่าตอนที่ตรวจครรภ์ครั้งที่ 2 หลังจากที่จ่ายค่าตรวจแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ถามว่าจะคลอดที่ไหน พอบอกว่าที่นี่ เขาก็ถามถึงกำหนดคลอด แล้วก็ให้เอกสารมา จะเป็นเอกสารรายละเอียดของการมาตรวจแต่ละครั้งว่าจะตรวจอะไรบ้าง กี่สัปดาห์ครั้ง แล้วก็ให้เตรียมเงินมาจ่ายล่วงหน้า 100,000 เยน จ่ายตอนที่มาตรวจครั้งที่ 4 ซึ่งเขาก็มีอธิบายว่า 100,000 เยนนี้ค่าอะไรยังไงบ้าง แต่เราไม่ค่อยเข้าใจระบบเขาเท่าไหร่ ก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก
ถึงวันนัดตรวจ ก็ยื่นบัตรนัด สมุดสุขภาพแม่และเด็ก สมุดช่วยค่าตรวจ แล้วก็มีขอบัตรประกันสุขภาพเพิ่มเติมด้วย วันนี้มีนัดจ่าย 100,000 เยนที่ว่า เจ้าหน้าที่เลยให้เอกสารการรับรองการบันทึก ระบบการชดเชยการรักษาพยาบาลแผนกสูติกรรม (産科医療補償制度 登録証) มากรอก แล้วต้นฉบับให้เราเก็บไว้ 5 ปี สำเนาทางโรงพยาบาลเป็นคนเก็บ เราก็งงอีกนั่นแหละว่าคืออะไร เขาให้เก็บก็เก็บเอาไว้ตามที่เขาบอกอ่ะนะ
หลังจากนั้นอันดับแรกก็ไปเก็บปัสสาวะ วัดความดัน แล้วก็นั่งรอเรียก พอถึงคิวเราแล้ว ก็ชั่งน้ำหนัก
แล้วคุณหมอก็วัดขนาดของท้อง แล้วก็ซาวด์ที่หน้าท้อง ครั้งนี้เห็นกระดูกของเจ้าหนูชัดเจนมาก ๆ แขนขาขยับไปมา เจ้าหนูตัวใหญ่ขึ้นกว่าครั้งที่แล้วมาก มีเห็นก้อนหัวใจ ก้อนที่เป็นกระเพาะ เสียงหัวใจเต้นดังมาก ^^
หลังจากดูหน้าจอเสร็จแล้ว คุณหมอก็คืนผลตรวจจากการเจาะเลือดครั้งที่แล้วมาให้ จากนั้นก็บอกคุณหมอว่าเป็นหวัดอีกแล้ว คุณหมอก็เลยจัดยาแบบครั้งที่แล้วมาให้ แล้วก็เตือนไม่ให้ไปที่คนเยอะ ๆ แล้วก็ให้ใส่หน้ากาก
พอถึงตอนที่จ่ายค่าตรวจ ก็มีการเก็บ 100,000 เยน แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้เอกสารอธิบายเรื่องตอนที่คลอดว่าโรงพยาบาลมีเตรียมอะไรไว้บ้าง เวลาเข้าเยี่ยมกี่โมงถึงกี่โมง ตอนกลางคืนจะไม่ให้ญาติหรือพ่อของเด็กเฝ้าไข้ ถ้าคลอดตอนกลางคืน ญาติหรือแม้แต่พ่อของเด็กต้องมาเยี่ยมตอนเช้า ระบบแบบนี้ไม่เหมือนที่เมืองไทยเลยอ่ะ ที่เมืองไทยยังมีให้ญาตินอนค้างเฝ้าได้ แบบนี้ต้องขอให้เจ้าหนูคลอดตอนเช้าแล้วหล่ะ ^^
วันนี้เราก็เลยจองอบรมเรื่องการตั้งครรภ์ของโรงพยาบาลด้วย ไม่รู้ว่าเนื้อหาจะเหมือนกับของทางสำนักงานเขตหรือเปล่า
ค่าตรวจ+ค่ายาครั้งนี้ 2,130 เยน
แล้วก็มีให้คาเฟโอเล่แบบไม่มีคาเฟอีนมาให้ด้วย
(รูปกลับหัวไปหน่อย)
นัดครั้งต่อไปก็อีก 4 สัปดาห์
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ตั้งครรภ์ - ฝากและตรวจครรภ์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ตั้งครรภ์ - ฝากและตรวจครรภ์ แสดงบทความทั้งหมด
วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557
ไปหาหมอเพราะผื่นขึ้นที่สะโพก
ก่อนหน้าที่จะถึงกำหนดนัดตรวจครั้งที่ 4 (จากครั้งที่ 3 มาครั้งที่ 4 การนัดตรวจก็จะนานขึ้นเป็น 4 สัปดาห์มาตรวจ) เราเกิดคันแล้วก็มีผื่นขึ้นที่สะโพก ไปให้คุณหมอสูติดู (คุณหมอเดียวกับที่ตรวจครรภ์) เขาก็บอกว่าไม่เคยเจอ เพราะส่วนใหญ่จะคันแล้วก็มีผื่นบริเวณท้อง คุณหมอก็เลยบอกว่าอาจจะเป็นเพราะการไปเสียดสีกับผ้ามั้ง เลยให้ยาทามาทาดู
ซึ่งเราก็ไม่ได้ทาอ่ะ เพราะไม่ได้คันมาก เราลองทาวาสลินที่เอามาจากเมืองไทยดู รู้สึกว่าดีขึ้น คงเพราะผิวแห้ง หรือไม่ก็คงไปเสียดสีกับกางเกงอย่างที่คุณหมอบอกจริงๆ
ซึ่งเราก็ไม่ได้ทาอ่ะ เพราะไม่ได้คันมาก เราลองทาวาสลินที่เอามาจากเมืองไทยดู รู้สึกว่าดีขึ้น คงเพราะผิวแห้ง หรือไม่ก็คงไปเสียดสีกับกางเกงอย่างที่คุณหมอบอกจริงๆ
ค่าตรวจวันนี้ 620 เยน
วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2557
ตรวจครรภ์ครั้งที่ 3 ที่โรงพยาบาลญี่ปุ่น (อายุครรภ์ 12 สัปดาห์กว่า ๆ)
หลังจากตรวจครั้งที่ 2 คุณหมอก็นัดครั้งที่ 3 หลังจากนั้น 3 สัปดาห์ ก็เปิดปีใหม่แล้วก็กลับมาจากไทยพอดี ครั้งนี้ที่ไปตรวจก็ยื่นสมุดสุขภาพแม่และเด็กแล้วก็สมุดช่วยเรื่องค่าตรวจไปด้วย
จะมีการให้ชั่งน้ำหนัก วัดความใหญ่ของท้อง
เครื่องที่ใช้ตรวจจะไม่เหมือนเดิมหละ เพราะจะเป็นการซาวด์ดูจากหน้าท้องเราหล่ะ
ภาพที่เห็นทางหน้าจอ เจ้าหนูดิ้นไปดิ้นมา แขนขาขยับไปมา หัวใจเต้นเร็ว แล้วก็ดังด้วย คุณหมอบอกว่าแข็งแรงดี ก็ค่อยโล่งอกหน่อย เพราะอย่างที่เคยบอกไปว่าเราก็กังวลเกี่ยวกับการขึ้นเครื่องบินอยู่เหมือนกัน
แล้วช่วงหน้าหนาวนี้เราก็เหมือนจะเป็นหวัด ก็เลยบอกคุณหมอไปว่าเราเป็นหวัด คุณหมอก็ให้ยาแบบนี้มา เป็นยาจีน
แล้วในวันนี้ก็มีเก็บปัสสาวะ, วัดความดัน (เราไปวัดเองกับเครื่องที่ทางโรงพยาบาลตั้งไว้) , เจาะเก็บเลือดทั้งหมด 5 หลอด เหมือนจะตรวจว่าแม่มีกรุ๊ปเลือดอะไร, หาเชื้อ HIV, หาว่ามีภูมิคุ้มกันหัดเยอรมันหรือเปล่า, แล้วก็อะไรอีกเราก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดหละ
ค่าตรวจในครั้งนี้รวมค่ายา 3,830 เยน
อาการในช่วงนี้ก่อนจะตรวจครั้งที่ 4
-รอบ ๆ บริเวณปากกับจมูก จะแดง ๆ ไม่รุ้ว่าเป็นเพราะอากาศแห้ง หรือว่าเป็นที่โฮรโมนเปลี่ยน
-เวลาสั่งน้ำมูก จะมีเลือดปนออกมาด้วย ก็ไม่รู้ว่าเป็นที่อากาศแห้งหรือเปล่า
-จะมีเรื่องของกรดไหลย้อน แต่อาการไม่มาก แค่รู้สึกว่าไหลมาถึงที่บริเวณคอ
-มีปวดท้องจิ๊ด ๆ คงเป็นเพราะมดลูกกำลังขยายมั้ง
-มีผื่นแดง ๆ ขึ้นที่บริเวณสะโพก ยิ่งตอนหลังจากที่แช่น้ำร้อนใหม่ ๆ
-อาการไม่อยากอาหาร เริ่มดีขึ้น สามารถทานได้มากขึ้น
จะมีการให้ชั่งน้ำหนัก วัดความใหญ่ของท้อง
เครื่องที่ใช้ตรวจจะไม่เหมือนเดิมหละ เพราะจะเป็นการซาวด์ดูจากหน้าท้องเราหล่ะ
ภาพที่เห็นทางหน้าจอ เจ้าหนูดิ้นไปดิ้นมา แขนขาขยับไปมา หัวใจเต้นเร็ว แล้วก็ดังด้วย คุณหมอบอกว่าแข็งแรงดี ก็ค่อยโล่งอกหน่อย เพราะอย่างที่เคยบอกไปว่าเราก็กังวลเกี่ยวกับการขึ้นเครื่องบินอยู่เหมือนกัน
แล้วช่วงหน้าหนาวนี้เราก็เหมือนจะเป็นหวัด ก็เลยบอกคุณหมอไปว่าเราเป็นหวัด คุณหมอก็ให้ยาแบบนี้มา เป็นยาจีน
แล้วในวันนี้ก็มีเก็บปัสสาวะ, วัดความดัน (เราไปวัดเองกับเครื่องที่ทางโรงพยาบาลตั้งไว้) , เจาะเก็บเลือดทั้งหมด 5 หลอด เหมือนจะตรวจว่าแม่มีกรุ๊ปเลือดอะไร, หาเชื้อ HIV, หาว่ามีภูมิคุ้มกันหัดเยอรมันหรือเปล่า, แล้วก็อะไรอีกเราก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดหละ
ค่าตรวจในครั้งนี้รวมค่ายา 3,830 เยน
อาการในช่วงนี้ก่อนจะตรวจครั้งที่ 4
-รอบ ๆ บริเวณปากกับจมูก จะแดง ๆ ไม่รุ้ว่าเป็นเพราะอากาศแห้ง หรือว่าเป็นที่โฮรโมนเปลี่ยน
-เวลาสั่งน้ำมูก จะมีเลือดปนออกมาด้วย ก็ไม่รู้ว่าเป็นที่อากาศแห้งหรือเปล่า
-จะมีเรื่องของกรดไหลย้อน แต่อาการไม่มาก แค่รู้สึกว่าไหลมาถึงที่บริเวณคอ
-มีปวดท้องจิ๊ด ๆ คงเป็นเพราะมดลูกกำลังขยายมั้ง
-มีผื่นแดง ๆ ขึ้นที่บริเวณสะโพก ยิ่งตอนหลังจากที่แช่น้ำร้อนใหม่ ๆ
-อาการไม่อยากอาหาร เริ่มดีขึ้น สามารถทานได้มากขึ้น
วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557
เริ่มกลับมาเขียนบล็อก พร้อมแนะนำวิตามินที่ทานก่อนตั้งท้อง
หลังจากที่หายจากการเขียนบล็อกไปเกือบ 2 เดือน
วันนี้ก็เริ่มหายขี้เกียจหล่ะ
ตอนแรกที่เริ่มขี้เกียจ ๆ ก็นึกว่า คงเหนื่อยจากที่ออกไปข้างนอกทุกวัน (พาที่บ้านที่มาเที่ยวญี่ปุ่นไปเที่ยว) ไป ๆ มา ๆ เริ่มขี้เกียจหนักขึ้น ช่วงนั้น (เดือน พ.ย. 56) รู้สึกล้า ๆ ไม่อยากทำอะไรเลย อยากนอนอย่างเดียว ซึ่งจริง ๆ แล้วที่เป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งก็คือ เรามีข่าวดีแล้ว เย้...
ก็ขอเริ่มเขียนอาการก่อนที่เราจะใช้ชุดทดสอบว่าตั้งท้องหรือเปล่า ก็จะมี
-ปวดท้องเหมือนประจำเดือนจะมา แต่ไม่มา
-ง่วงนอน ไม่อยากทำอะไร ไม่ค่อยอยากอาหาร ถ่ายมีเลือดปนออกมา ปวดหัวเหมือนเป็นหวัด กลางดึกลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ
-แล้วช่วงนี้ก็จะรู้สึกเหม็น ๆ อยากจะอ๊วก (แต่ไม่ได้อ๊วกออกมา) อาการที่ไม่ค่อยอยากอาหารทำให้พอทานอาหารไปแล้วก็รู้สึกอึดอัดท้อง
ก่อนที่จะคุณซูจะพาเราไปโรงพยาบาล เราก็อยากจะเขียนถึงยา แล้วก็วิตามินที่เราคิดว่าน่าจะช่วยในเรื่องของการมีน้องนะ เก็บไว้เป็นข้อมูลนิดนึง
ตั้งแต่เดือน พ.ค. 56 เรากับคุณซูก็ทานวิตามิน (จริง ๆ ก็ทานกันก่อนหน้านั้นแล้วหล่ะ แต่ที่ทานกันจริงจังก็จะมี)
1.
วันนี้ก็เริ่มหายขี้เกียจหล่ะ
ตอนแรกที่เริ่มขี้เกียจ ๆ ก็นึกว่า คงเหนื่อยจากที่ออกไปข้างนอกทุกวัน (พาที่บ้านที่มาเที่ยวญี่ปุ่นไปเที่ยว) ไป ๆ มา ๆ เริ่มขี้เกียจหนักขึ้น ช่วงนั้น (เดือน พ.ย. 56) รู้สึกล้า ๆ ไม่อยากทำอะไรเลย อยากนอนอย่างเดียว ซึ่งจริง ๆ แล้วที่เป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งก็คือ เรามีข่าวดีแล้ว เย้...
ก็ขอเริ่มเขียนอาการก่อนที่เราจะใช้ชุดทดสอบว่าตั้งท้องหรือเปล่า ก็จะมี
-ปวดท้องเหมือนประจำเดือนจะมา แต่ไม่มา
-ง่วงนอน ไม่อยากทำอะไร ไม่ค่อยอยากอาหาร ถ่ายมีเลือดปนออกมา ปวดหัวเหมือนเป็นหวัด กลางดึกลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ
-แล้วช่วงนี้ก็จะรู้สึกเหม็น ๆ อยากจะอ๊วก (แต่ไม่ได้อ๊วกออกมา) อาการที่ไม่ค่อยอยากอาหารทำให้พอทานอาหารไปแล้วก็รู้สึกอึดอัดท้อง
ก่อนที่จะคุณซูจะพาเราไปโรงพยาบาล เราก็อยากจะเขียนถึงยา แล้วก็วิตามินที่เราคิดว่าน่าจะช่วยในเรื่องของการมีน้องนะ เก็บไว้เป็นข้อมูลนิดนึง
ตั้งแต่เดือน พ.ค. 56 เรากับคุณซูก็ทานวิตามิน (จริง ๆ ก็ทานกันก่อนหน้านั้นแล้วหล่ะ แต่ที่ทานกันจริงจังก็จะมี)
1.
ช่วงหลังเปลี่ยนมาเป็นซองนี้เน้น 葉酸 (โฟเลต) อย่างเดียว
2.
3.
4.
5. ตัว コラーゲン (คอลลาเจน) นี้ช่วงหลัง ๆ ก็ไม่ได้ทานแล้ว
6. น้ำมันปลา
7. น้ำมันพริมโรส
8. โคคิวเทน
ส่วนของคุณซูก็มีทานเพิ่ม マカ
9.
ส่วนเรา โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นคนเลือดน้อย เลยเสริมตัวนี้เข้าไปอีกในช่วงหลัง ๆ
10.
สรุปก็คือช่วงแรก ๆ เรากับคุณซูจะทานหมายเลข 1, 4, 5, 6, 7
พอเริ่มครึ่งปีหลัง (ปี 56) เราก็ทานหมายเลข 2,4, 6-8 ประมาณเดือน ก.ย. ก็เสริมหมายเลข 10
ส่วนของคุณซูก็ทานหมายเลข 2 - 4, 6-8 + หมายเลข 9
แล้วก็มาทานยาจีนเพิ่มตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค. - 9 พ.ย. 56 ที่หยุดไปเพราะเริ่มไม่แน่ใจว่าจะมีน้องหรือเปล่าก็เลยหยุดไปก่อน แล้วก็มีจริงๆ ด้วย หน้าตาตัวยาเป็นแบบนี้นะคะ ตัวยานี้จะช่วยเรื่องทำให้ประจำเดือนมาปกติ ให้โฮโมนสมดุล
พอมาเขียน ๆ รู้สึกตัวเองทานเยอะเหมือนกันเนอะ จะตามอย่างหรือไม่ตามอย่างก็ได้นะคะ
วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556
ขึ้นเครื่องบินตอนท้องช่วงไตรมาสแรก
ช่วงสิ้นปี 2013 เรากับคุณซูก็มีแพลนกลับไทยกัน เราก็กังวลเกี่ยวกับการขึ้นเครื่องบินอยู่เหมือนกัน
แต่คุณหมอบอกว่าโอเค ก็ค่อยสบายใจหน่อย
ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ต้องเปลี่ยนเครื่องที่เกาหลี ปกติจะบินตรงนาริตะกรุงเทพฯเลย แต่สู้ราคาตั๋วช่วงนั้นไม่ไหว เท่ากับเวลาที่บินกลับเที่ยวเดียวก็เกือบ 10 ชั่วโมง เหนื่อยเหมือนกัน
ตอนที่เราเช็คอินที่นาริตะ เราบอกไปว่าเราตั้งท้อง พนักงานก็ระบุข้อมูลลงไปในระบบ แล้วก็แปะที่กระเป๋าของเรากับคุณซูที่โหลดใต้ท้องเครื่องประมาณว่าตอนไปรับกระเป๋าที่กรุงเทพฯ ก็จะเป็นใบแรก ๆ ที่จะออกมาก่อน สุดยอดของการบริการเลยอ่ะ
แต่ว่าตอนที่เช็คอินที่กรุงเทพฯ บอกแบบเดียวกัน พนักงานก็ไม่ได้ทำอะไรให้เป็นพิเศษ...
ช่วงที่ต้องผ่านเครื่องสแกน เราก็บอกพนักงานว่าเราท้อง เขาก็ไม่ให้เราผ่านเครื่องนั้น แล้วก็ให้พนักงานผู้หญิงมาตรวจที่ตัวเรา เปลี่ยนเครื่องที่เกาหลีก็มีเครื่องนั้น เราก็บอกทุกครั้งที่เห็นเครื่องนั้นเลย
แล้วตอนที่เรานั่งบนเครื่องคุณซูบอกให้พกหน้ากากไปด้วย เพราะอากาศในเครื่องจะแห้ง ซึ่งก็ได้ผลดีมาก ๆ ใส่หน้ากาก แล้วยิ่งเป็นหน้ากากที่มีแผ่นให้ความชุ่มชื้นด้วยแล้ว จมูกไม่แสบเลย หายใจคล่องขึ้น
ระหว่างที่อยู่ที่เมืองไทยอย่างเวลาที่จะขึ้น BTS หรือ MRT หรือเข้าห้างที่มีเครื่องสแกน เราก็จะบอกเจ้าหน้าที่ว่าเราท้องอยู่ เจ้าหน้าที่ก็ให้เราเดินเลี่ยงไม่ผ่านครื่องสแกน แต่ก็ขอตรวจกระเป๋าเหมือนเดิม เพื่อความปลอดภัยของเขาอ่ะนะ ช่วงแรก ๆ ลืมนึกไปผ่านเข้าออกเครื่องสแกนหน้าห้างเป็นว่าเล่น ก็คงไม่มีปัญหาอะไรอ่ะนะ
แต่คุณหมอบอกว่าโอเค ก็ค่อยสบายใจหน่อย
ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ต้องเปลี่ยนเครื่องที่เกาหลี ปกติจะบินตรงนาริตะกรุงเทพฯเลย แต่สู้ราคาตั๋วช่วงนั้นไม่ไหว เท่ากับเวลาที่บินกลับเที่ยวเดียวก็เกือบ 10 ชั่วโมง เหนื่อยเหมือนกัน
ตอนที่เราเช็คอินที่นาริตะ เราบอกไปว่าเราตั้งท้อง พนักงานก็ระบุข้อมูลลงไปในระบบ แล้วก็แปะที่กระเป๋าของเรากับคุณซูที่โหลดใต้ท้องเครื่องประมาณว่าตอนไปรับกระเป๋าที่กรุงเทพฯ ก็จะเป็นใบแรก ๆ ที่จะออกมาก่อน สุดยอดของการบริการเลยอ่ะ
แต่ว่าตอนที่เช็คอินที่กรุงเทพฯ บอกแบบเดียวกัน พนักงานก็ไม่ได้ทำอะไรให้เป็นพิเศษ...
ช่วงที่ต้องผ่านเครื่องสแกน เราก็บอกพนักงานว่าเราท้อง เขาก็ไม่ให้เราผ่านเครื่องนั้น แล้วก็ให้พนักงานผู้หญิงมาตรวจที่ตัวเรา เปลี่ยนเครื่องที่เกาหลีก็มีเครื่องนั้น เราก็บอกทุกครั้งที่เห็นเครื่องนั้นเลย
แล้วตอนที่เรานั่งบนเครื่องคุณซูบอกให้พกหน้ากากไปด้วย เพราะอากาศในเครื่องจะแห้ง ซึ่งก็ได้ผลดีมาก ๆ ใส่หน้ากาก แล้วยิ่งเป็นหน้ากากที่มีแผ่นให้ความชุ่มชื้นด้วยแล้ว จมูกไม่แสบเลย หายใจคล่องขึ้น
ระหว่างที่อยู่ที่เมืองไทยอย่างเวลาที่จะขึ้น BTS หรือ MRT หรือเข้าห้างที่มีเครื่องสแกน เราก็จะบอกเจ้าหน้าที่ว่าเราท้องอยู่ เจ้าหน้าที่ก็ให้เราเดินเลี่ยงไม่ผ่านครื่องสแกน แต่ก็ขอตรวจกระเป๋าเหมือนเดิม เพื่อความปลอดภัยของเขาอ่ะนะ ช่วงแรก ๆ ลืมนึกไปผ่านเข้าออกเครื่องสแกนหน้าห้างเป็นว่าเล่น ก็คงไม่มีปัญหาอะไรอ่ะนะ
วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556
ตรวจครรภ์ครั้งที่ 2 ที่โรงพยาบาลญี่ปุ่น
ครบ 2 อาทิตย์ที่คุณหมอนัดตรวจครรภ์ครั้งที่ 2
ครั้งนี้เครื่องที่ใช้ตรวจก็ยังเป็นเครื่องที่เหมือนกับการตรวจภายใน
ในครั้งนี้คุณหมอก็ให้ดูหน้าจอ แล้วก็บอกว่ามีส่วนหัว ส่วนก้นแล้ว แล้วก็ให้ฟังเสียงหัวใจ
หัวใจเต้นแข็งแรงดีมาก ๆ ^0^
และในวันนี้คุณหมอก็แจ้งวันกำหนดคลอดมาให้ แล้วก็บอกให้ไปรับสมุดสุขภาพแม่และลูก
「母子健康手帳」ได้ที่สำนักงานเขต แล้วในครั้งต่อ ๆ ไปก็ให้ถือสมุดนี้มาด้วยทุกครั้ง
ในการตรวจวันนี้ก็มีปรึกษาคุณหมอเรื่องการขับถ่าย เพราะช่วงนี้ท้องผูกแถมถ่ายมีเลือดด้วย
คุณหมอก็เลยให้ยาระบายมาด้วยในครั้งนี้ หน้าตาจะเป็นแบบนี้
ครั้งนี้เครื่องที่ใช้ตรวจก็ยังเป็นเครื่องที่เหมือนกับการตรวจภายใน
ในครั้งนี้คุณหมอก็ให้ดูหน้าจอ แล้วก็บอกว่ามีส่วนหัว ส่วนก้นแล้ว แล้วก็ให้ฟังเสียงหัวใจ
หัวใจเต้นแข็งแรงดีมาก ๆ ^0^
และในวันนี้คุณหมอก็แจ้งวันกำหนดคลอดมาให้ แล้วก็บอกให้ไปรับสมุดสุขภาพแม่และลูก
「母子健康手帳」ได้ที่สำนักงานเขต แล้วในครั้งต่อ ๆ ไปก็ให้ถือสมุดนี้มาด้วยทุกครั้ง
ในการตรวจวันนี้ก็มีปรึกษาคุณหมอเรื่องการขับถ่าย เพราะช่วงนี้ท้องผูกแถมถ่ายมีเลือดด้วย
คุณหมอก็เลยให้ยาระบายมาด้วยในครั้งนี้ หน้าตาจะเป็นแบบนี้
แล้วก็ถามคุณหมอถึงเรื่องการขึ้นเครื่องบิน เพราะช่วงสิ้นปี (2013) เรากับคุณซูจะมีแพลนกลับไทยกัน คุณหมอก็บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร เพราะเมืองที่ไป (กรุงเทพฯ ) โรงพยาบาลก็โอเค เพราะถ้าสมมุติว่ามีอะไรขึ้นมาก็จะได้เข้ารักษาได้ ไม่น่าเป็นห่วง
ค่าตรวจในวันนี้+ค่ายาระบาย 2,160 เยน
อาการในช่วงนี้
ความอยากอาหารก็ยังไม่ค่อยมีเหมือนเดิม
รู้สึกว่าตัวเองซึม ๆ ไป
ท้องผูก
ไปรับสมุดสุขภาพแม่และเด็ก (母子健康手帳) ที่สำนักงานเขต
หลังจากที่คุณหมอบอกว่าให้ไปรับสมุดสุขภาพแม่และเด็ก (母子健康手帳)ได้ที่สำนักงานเขต
คุณซูก็พาเราไป พอไปถึง เจ้าหน้าที่ต้อนรับดีมาก แล้วก็ให้เอกสารเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ อย่าง
อาหารที่ควรจะทานใน 1 วัน เอกสารที่เกี่ยวกับว่าช่วงนี้คุณแม่ที่ตั้งท้องจะมีอาการยังไง
กำหนดการที่ให้ไปอบรมเรื่องการตั้งครรภ์ทั้งหมดจะมี 4 ครั้ง แล้วก็ที่สำคัญเลยที่ต่อไปนี้จะต้องพกไปด้วยไม่ว่าจะเป็นตอนไปตรวจที่โรงพยาบาล ตอนออกไปข้างนอก ก็คือ
1.สมุดสุขภาพแม่และเด็ก(母子健康手帳) ซึ่งสมุดนี้เจ้าหน้าที่บอกว่าจะใช้จนเด็กม.ปลายเลย
3.สมุดช่วยเรื่องค่าตรวจครรภ์ (妊娠健康診査受診票・助成券)จำนวนที่ทางสำนักงานเขตช่วยก็จะมีอยู่ที่ 5,000 เยนบ้าง
8,000 เยนบ้างแล้วแต่ว่าตรวจอะไร ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกินมาเราก็จะเป็นคนจ่ายเอง ในนั้นจะมีให้เราเขียนชื่อที่อยู่ แล้วพอเรายื่นให้เจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลเขาก็จะฉีกไป แล้วก็คืนสมุดมาให้พร้อมกับสมุดสุขภาพแม่และเด็ก
(ขอบคุณรูปจาก Google ค่ะ)
ตอนนี้เราก็โทรไปจองที่นั่งสำหรับที่จะไปอบรมแล้ว
ถ้าไปมาแล้วเดี๋ยวจะอัพเดทว่าเขาพูดเรื่องอะไรบ้างให้ฟังนะคะ ^^
คุณซูก็พาเราไป พอไปถึง เจ้าหน้าที่ต้อนรับดีมาก แล้วก็ให้เอกสารเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ อย่าง
อาหารที่ควรจะทานใน 1 วัน เอกสารที่เกี่ยวกับว่าช่วงนี้คุณแม่ที่ตั้งท้องจะมีอาการยังไง
กำหนดการที่ให้ไปอบรมเรื่องการตั้งครรภ์ทั้งหมดจะมี 4 ครั้ง แล้วก็ที่สำคัญเลยที่ต่อไปนี้จะต้องพกไปด้วยไม่ว่าจะเป็นตอนไปตรวจที่โรงพยาบาล ตอนออกไปข้างนอก ก็คือ
1.สมุดสุขภาพแม่และเด็ก(母子健康手帳) ซึ่งสมุดนี้เจ้าหน้าที่บอกว่าจะใช้จนเด็กม.ปลายเลย
2.ที่ห้อยกระเป๋าแสดงว่าเรากำลังตั้งครรภ์อยู่
หน้าตาจะเป็นประมาณนี้ค่ะ (ขอบคุณรูปจาก Google นะคะ)
3.สมุดช่วยเรื่องค่าตรวจครรภ์ (妊娠健康診査受診票・助成券)จำนวนที่ทางสำนักงานเขตช่วยก็จะมีอยู่ที่ 5,000 เยนบ้าง
8,000 เยนบ้างแล้วแต่ว่าตรวจอะไร ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกินมาเราก็จะเป็นคนจ่ายเอง ในนั้นจะมีให้เราเขียนชื่อที่อยู่ แล้วพอเรายื่นให้เจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลเขาก็จะฉีกไป แล้วก็คืนสมุดมาให้พร้อมกับสมุดสุขภาพแม่และเด็ก
(ขอบคุณรูปจาก Google ค่ะ)
ตอนนี้เราก็โทรไปจองที่นั่งสำหรับที่จะไปอบรมแล้ว
ถ้าไปมาแล้วเดี๋ยวจะอัพเดทว่าเขาพูดเรื่องอะไรบ้างให้ฟังนะคะ ^^
วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556
ตรวจครรภ์ครั้งที่ 1 ที่โรงพยาบาลญี่ปุ่น
หลังจากที่ซื้อชุดตรวจครรภ์มาตรวจในตอนเช้า ขีดสีแดงขึ้นมา 2 ขีด ตอนสายก็ไปโรงพยาบาลกับคุณซูให้คุณหมอตรวจอีกครั้งหนึ่ง
เราเลือกที่ใกล้บ้าน เอาเราเดินทางสะดวกด้วยเพราะคุณซูก็คงมาตรวจพร้อมกับเราได้ไม่ตลอด
ไหน ๆ ก็จะไปตรวจแล้ว ก็เลยเอาวิตามินทั้งหมดที่เราทานอยู่ให้คุณหมอดูด้วยเลย เพราะเรารู้มาว่าโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่นจะไม่ได้ให้ยาบำรุงครรภ์อะไรมาเลย
พอไปถึงเจ้าหน้าที่ก็จะให้กรอกประวัติ ที่อยู่ แล้วเราก็ยื่นบัตรประกันสุขภาพด้วยค่ารักษาอาจจะถูกลดมั้งนะ แต่คงไม่มากเท่ากับการไปตรวจรักษาโรคทั่ว ๆ ไป
เจ้าหน้าที่ก็ให้ไปเก็บปัสสาวะ แล้วก็รอพบคุณหมอ
คุณหมอก็จะให้เรานั่งเครื่องที่เหมือน ๆ กับการตรวจภายใน แล้วก็ให้ดูหน้าจอ คุณซูก็เข้าไปด้วย
หน้าจอที่ฉายออกมา ก็จะมีส่วนที่เป็นลูกเรา แล้วก็ถุงอาหาร แล้วก็ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแล้ว น้ำตานี่ไหลเลยอ่ะ ดีใจมาก ๆ
หลังจากดูหน้าจอเสร็จก็คุยกับคุณหมอ แล้วก็ถามเรื่องวิตามินที่เอามา คุณหมอก็บอกว่าถ้าทานครบ 5 หมู่อยู่แล้วก็ไม่ต้องเสริมอะไร แต่เราเคยได้ยินจากพี่ ๆ น้อง ๆ มาว่า ถ้าเป็นที่โรงพยาบาลไทย คุณหมอจะมียาบำรุงมาให้ ก็เลยทานวิตามินเสริมด้วยดีกว่า เพราะเราคงทานไม่ครบ 5 หมู่ชัวร์ ๆ
ซึ่งวิตามินหลังจากที่ถามคุณหมอมาแล้ว ที่เราทานอยู่ก็จะมี
1. วิตามินรวมโฟเลต, เหล็ก, กลุ่มวิตามินบีรวม 7 ชนิด, แคลเซียม ของ Pigeon
เราเลือกที่ใกล้บ้าน เอาเราเดินทางสะดวกด้วยเพราะคุณซูก็คงมาตรวจพร้อมกับเราได้ไม่ตลอด
ไหน ๆ ก็จะไปตรวจแล้ว ก็เลยเอาวิตามินทั้งหมดที่เราทานอยู่ให้คุณหมอดูด้วยเลย เพราะเรารู้มาว่าโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่นจะไม่ได้ให้ยาบำรุงครรภ์อะไรมาเลย
พอไปถึงเจ้าหน้าที่ก็จะให้กรอกประวัติ ที่อยู่ แล้วเราก็ยื่นบัตรประกันสุขภาพด้วยค่ารักษาอาจจะถูกลดมั้งนะ แต่คงไม่มากเท่ากับการไปตรวจรักษาโรคทั่ว ๆ ไป
เจ้าหน้าที่ก็ให้ไปเก็บปัสสาวะ แล้วก็รอพบคุณหมอ
คุณหมอก็จะให้เรานั่งเครื่องที่เหมือน ๆ กับการตรวจภายใน แล้วก็ให้ดูหน้าจอ คุณซูก็เข้าไปด้วย
หน้าจอที่ฉายออกมา ก็จะมีส่วนที่เป็นลูกเรา แล้วก็ถุงอาหาร แล้วก็ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแล้ว น้ำตานี่ไหลเลยอ่ะ ดีใจมาก ๆ
หลังจากดูหน้าจอเสร็จก็คุยกับคุณหมอ แล้วก็ถามเรื่องวิตามินที่เอามา คุณหมอก็บอกว่าถ้าทานครบ 5 หมู่อยู่แล้วก็ไม่ต้องเสริมอะไร แต่เราเคยได้ยินจากพี่ ๆ น้อง ๆ มาว่า ถ้าเป็นที่โรงพยาบาลไทย คุณหมอจะมียาบำรุงมาให้ ก็เลยทานวิตามินเสริมด้วยดีกว่า เพราะเราคงทานไม่ครบ 5 หมู่ชัวร์ ๆ
ซึ่งวิตามินหลังจากที่ถามคุณหมอมาแล้ว ที่เราทานอยู่ก็จะมี
1. วิตามินรวมโฟเลต, เหล็ก, กลุ่มวิตามินบีรวม 7 ชนิด, แคลเซียม ของ Pigeon
2. น้ำมันปลาของแอมเวย์
ค่าตรวจในวันนี้ 3,690 เยน แล้วก็นัดครั้งที่ 2 อีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า
ช่วงนี้เราก็เริ่มเปลี่ยนมาใช้ครีมนีเวียแบบตลับทาทั้งหน้าแล้วก็ตัว หยุดตัวที่เราใช้ประจำอยู่ เพราะไม่รู้ว่าจะมีสารอะไรที่เป็นอันตรายหรือเปล่า
อาการในช่วงนี้ก็จะมี
1. ถ่ายเป็นเลือด (อีกแล้ว)
2. หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ
3. ปวดเสียด ๆ ท้องด้านซ้ายบ้าง ขวาบ้าง บางครั้งทั้ง 2 ด้าน
4. ยังแพ้กลิ่น ๆ ต่าง ๆ อยู่ ไม่อยากอาหารญี่ปุ่นเอามาก ๆ อยากอาหารไทย เผ็ด ๆ แซ่บ ๆ (ความอยากนี่แล้วแต่คนอ่ะเนอะ)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
-
ก่อนกลับไทยก็ต้องมีของติดไม้ติดมือกลับไปฝากที่บ้าน ญาติ แล้วก็เพื่อน ๆ ก็จะด้วยเรื่องงบที่ตั้งไว้ ของบางอย่างก็กะว่าจะแบ่งกระจาย ๆ กัน เร...
-
พอดีไปอ่านเจอในนิตยสารของญี่ปุ่น เกี่ยวกับเรื่อง สารอาหารของเด็กในการส่งเสริมสุขภาพกายและใจก็คือ "การนอนหลับ" น่าสนใจดี เลยลองแปลเ...
-
สวัสดีค่ะ อุณหภูมิวันนี้ 19/6 องศา ไม่หนาวมากเกินไป กำลังดี แล้วในวันนี้เราขอแนะนำแฟชั่นฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น (ตามนิตยสารที่เรามีอยู่) เห็...