วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตรวจครรภ์ครั้งที่ 14 ที่โรงพยาบาลญี่ปุ่น (อายุครรภ์ 37 สัปดาห์ 6 วัน)

วันนี้ไปโรงพยาบาลมีนัดตรวจครรภ์ครั้งที่ 14 (อายุครรภ์ 37 สัปดาห์ 6 วัน) ครั้งนี้คุณซูไปด้วย ไปถึงโรงพยาบาลก็ยื่นบัตรนัด บัตรคนไข้ สมุดสุขภาพแม่และเด็ก สมุดช่วยค่าตรวจ บัตรประกันสุขภาพ จากนั้นก็ไปเก็บปัสสาวะ แล้วก็วัดความดัน ความดันที่วัดได้อยู่ที่ 121/74 (ครั้งที่แล้ว 112/73) จากนั้นก็นั่งรอเรียก วันนี้คนเยอะมาก มีทั้งคนรอตรวจครรภ์ มีทั้งคนที่พาลูกมาหาหมอ แล้วก็มีทั้งคนที่คลอดแล้วกำลังจ่ายเงินออกจากโรงพยาบาล มีคนหนึ่งเราได้ยินที่เจ้าหน้าที่คุยเรื่องค่าใช้จ่ายในการคลอด ของคนนั้นทั้งหมดประมาณ 494,000 กว่าเยน หักเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล หักที่จ่ายมัดจำไปแล้ว สรุปเขาจ่ายเพิ่ม 4,000 กว่าเยน พอจ่ายเงินเสร็จทางโรงพยาบาลก็ให้ชุดของขวัญกลับไปด้วย เป็นการดีเหมือนกันจะได้รู้ก่อนว่าต้องทำอะไรบ้างก่อนที่จะออกจากโรงพยาบาลหลังจากคลอดเสร็จแล้ว

พอเจ้าหน้าที่เรียกแล้วก็เข้าห้องตรวจ ชั่งน้ำหนักอยู่ที่ 70.0 (ครั้งที่แล้ว  70.0) 

จากนั้นคุณหมอจับที่ขา แล้วก็บอกว่า Mukumi purasu 1 (เท้าบวม) จากนั้นก็ซาวด์ วัดส่วนของหัว เจ้าหนูยังไม่กลับหัวเลย  จากนั้นคุณหมอก็วัดส่วนท้อง แต่หนูหายใจจนเห็นได้ชัดคุณหมอเลยบอกว่าตัวเลขที่ได้จากการวัดส่วนท้องนี้อาจจะไม่เป๊ะเท่าไหร่ แล้วก็ให้ฟังเสียงหัวใจเต้น เพราะว่าเจ้าหนูยังไม่กลับหัว ตำแหน่งของหัวใจเลยยังอยู่บน ๆ อยู่ คุณหมอบอกว่าถ้ากลับหัวแล้ว หัวใจจะอยู่บริเวณล่าง ๆ (พร้อมทำสีหน้าเครียด ๆ เราก็เครียดด้วยเหมือนกัน เฮ้อ) 

น้ำหนักของเจ้าหนูในครั้งนี้อยู่ที่ 3,006 กรัม  (ครั้งที่แล้วอยู่ที่ 2,925 กรัม)

จากนั้นก็ไปห้องตรวจภายในเหมือนครั้งที่แล้ว คือว่าจะดูว่าตำแหน่งของเจ้าหนูอยู่ตรงไหนแล้ว คุณหมอมาบอกกับคุณซูว่าจะต้อง むりやり (เราก็ไม่รู้จะแปลยังไงดี ประมาณว่าทำยังไงก็ได้เพื่อให้เห็น เพราะตอนคุณหมอดูนี่ ก็ให้เราหายใจเข้า ๆ ลึก ๆ แล้วคุณหมอก็ใช้เครื่องมือสอดเข้าไป  เจ็บมาก) 

จากนั้นก็มาคุยกับคุณหมอ คุณหมอก็บอกว่าให้พยายามนั่งยอง ๆ ลุก ๆ นั่ง  ๆ เหมือนเวลาตอนที่ถอนหญ้า อ้าขากว้าง ๆ (ทำท่าคล้าย ๆ ซูโม่ที่เขานั่งยอง ๆ กว้าง ๆ แบบนั้น)

แล้วก็บอกว่าจากการที่ตรวจภายในเมื่อตะกี้นี้อาจจะทำให้มีเลือดออก ก็ไม่เป็นไร แต่โชคดีที่เราไม่มีเลือดออก

แล้วก็ถ้าเจ็บท้องขึ้นมา หรือมีอะไรขึ้นมาให้โทรมาที่โรงพยาบาล

เราก็เลยถามว่า ดูแล้วน่าจะคลอดเร็วกว่ากำหนดหรือว่าช้ากว่ากำหนด คุณหมอก็บอกว่าน่าจะช้ากว่าที่กำหนด  ><

แล้วเราก็เลยถามต่อว่าจะสามารถคลอดแบบธรรมชาติได้หรือเปล่า คุณหมอบอกว่าได้ เพราะรูปร่างเราเป็นคนตัวสูง เรื่องกระดูกเชิงกรานเลยไม่มีปัญหาอะไร 

จากนั้นก็เลยบอกอาการตอนนี้ที่เป็นอยู่คือมือจะชา ปวดมากตอนประมาณตี 4 ปวดขนาดตื่นขึ้นมาเลย คุณหมอก็บอกว่าเป็นอาการปกติของคนท้อง รักษาไม่ได้ จะหายไปเองหลังจากที่คลอด อย่างหลังเท้าก็เหมือนกัน ทั้งอาการมือชา กับหลังเท้าเจ็บ จะไม่ได้เรียกว่าอาการบวม ซึ่งทั้งหมดจะหายไปหลังจากคลอด ก็ต้องทนอ่ะเนอะ 

 

นัดตรวจครั้งต่อไปอีก 1 สัปดาห์

ค่าใช้จ่ายในการตรวจครั้งนี้ 2,520 เยน

อาการในช่วงนี้ :

- ยังเข้าห้องน้ำบ่อย ตอนดึกก็ยังตื่นลุกขึ้นมา 2 รอบ

- มือชาทั้ง 2 ข้าง ยิ่งถือของหนัก ๆ จะไม่มีแรงเลย

- หลังเท้า โดยเฉพาะส้นเท้าเจ็บมาก

- หลังจากตื่นนอนใหม่ ๆ ตอนจะลุก เดิน จะปวดบริเวณท้อง หลัง สะโพก

- เท้าบวมเป่งเลย บริเวณข้อเท้าถึงเท้าเหมือนจะแดง ๆ บวม ๆ

 

ปล. พอกลับมาที่บ้านดูสมุดสุขภาพแม่และเด็ก ที่ช่องโปรตีนในปัสสาวะ ครั้งนี้วงที่ - + 

ทุกครั้งก่อน ๆ ที่ผ่านมาจะวงแค่ -  แสดงว่าครั้งนี้มีโปรตีนในปัสสาวะด้วย จากการที่หาข้อมูลดูแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะเป็นช่วงใกล้คลอดด้วย แล้วคุณหมอก็ไม่ได้ทักอะไร


 

 

 

 

วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ได้รับคูปองตรวจมะเร็งปากมดลูกฟรีจาก Health Center ของสำนักงานเขต (保健センターから子宮頚がん検診の無料クーポン券が届いた)

เราได้รับจม. จาก Health Center ของสำนักงานเขต ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. ล่ะ แต่ยังไม่ได้มาดูรายละเอียดว่าเป็นอะไร ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นจม. แจ้งเกี่ยวกับเรื่องการอบรมคอร์สคุณแม่ซะอีก

มาดูอีกทีข้างในซองก็มีคูปองให้ไปตรวจมะเร็งปากมดลูกฟรี 1 ครั้ง ประจำปี 2557
สำหรับคนที่ไปตรวจแล้วก่อนหน้าที่จะได้รับคูปองนี้  ในจม. บอกว่าจะไม่สามารถใช้คูปองฟรีนี้ไปตรวจซ้ำได้  ค่าใช้จ่ายในการตรวจที่จ่ายไปแล้ว ให้ติดต่อสอบถามกับทาง Health Center ดู อาจจะได้คืนมั้งนะ เราว่า

หน้าตาของจม. ส่วนนึงจะประมาณนี้


การตรวจจะมีแบบตรวจเดี่ยว กับตรวจเป็นกลุ่ม แล้วแต่เราจะเลือก สำหรับคนที่จะตรวจเดี่ยว เขาก็ให้เราติดต่อกับโรงพยาบาลที่ระบุมาโดยตรง และในวันตรวจก็จะต้องนำ
1. คูปองตรวจฟรี
2. บัตรประกันสุขภาพ
3. สมุดสุขภาพ (สำหรับคนที่มี)
ไปด้วย เพราะถ้าใครลืมไม่ได้นำไป จะไม่ได้รับการตรวจ
และสำหรับการตรวจเดี่ยวนี้ ถ้าคุณหมอเขาพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความจำเป็นต้องตรวจมะเร็งมดลูก ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเจ้าตัวจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเอง
และผลการตรวจให้ติดต่อกับทางโรงพยาบาลที่ไปตรวจเอง เพราะทางสำงานเขตจะไม่ได้เป็นผู้แจ้งผลการตรวจ

ส่วนถ้าจะตรวจเป็นกลุ่มจะตรวจที่  Health Center  ตามวันและเวลาที่เขากำหนด แล้วก็ต้องโทรไปจองล่วงหน้าก่อนด้วย เพราะเขาจะรับจำนวนจำกัด

ปีที่แล้วที่เราเพิ่งมาอยู่ที่ญี่ปุ่น ยังไม่ได้รับจดหมายแบบนี้  แต่ปีนี้ถึงได้รับคงต้องดูก่อนว่าจะไปตรวจดีหรือเปล่า เพราะนี่ก็มีจดหมายให้ไปตรวจสุขภาพของทางบริษัทคุณซูส่งมาให้ที่บ้านแล้ว
เราเคยไปตรวจของบริษัทคุณซูเมื่อปีที่แล้วมา มีตรวจอะไรบ้าง ตามรายละเอียดนี้เลย

http://jipathajapan.blogspot.jp/2013/09/blog-post_30.html

ที่ญี่ปุ่นนี่ใส่ใจกับเรื่องสุขภาพเนอะ ดีเหมือนกัน ^^



 




วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ประกอบเตียงให้เจ้าหนูแล้ว

วันนี้คุณซูประกอบเตียงเจ้าหนูให้แล้ว เอามาผึ่งลมก่อนใช้จริง  ^0^
ตอนกางออกมา จริง ๆ ไม่ค่อยยากเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่ว่าเรายังไม่ชินกับการใช้งานมั้ง เล่นเอาคุณซูเหงื่อตกเลย
ตอนกางจะต้องดึงด้านทั้ง 4 ด้านให้ตึง  ๆ ให้เข้าล็อคของมัน มันจะมีเสียงแก๊ก แล้วก็ดันส่วนพื้นที่มีเชือกสีแดงที่อยู่ตรงกลางลงไป ก็จะได้เป็นตัวเตียง
ส่วนแผ่นที่หุ้มโครงเตียง จะเป็นตัวเบาะ ก็เอามาใส่ในตัวโครง มันจะมีที่ให้แขวนขึงอยู่ 4 มุม (เราก็ไม่ได้ถ่ายรูปตอนนั้นมาซะด้วย)

แล้วก็เอาฟูกที่ซื้อแยกต่างหากมาปู ไซส์พอดีกันเลย ^^

ด้านที่อยู่ใกล้ ๆ กับเตียงนอนเรา สามารถเอาลงได้ระดับหนึ่ง เพื่อสะดวกในการอุ้มเด็กมากขึ้น




 แล้วก็เลยเอาเป้อุ้มเด็กกับของเล่นมาผึ่งลมด้วยเลย ^^



วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ของเล่น 2 ชิ้นแรกของเจ้าหนู (กริ้ง ๆ อันปัง, โมบายติดเตียง)

หลังจากที่ไปฟังคอร์สอบรมเสร็จ ก็ไปหาซื้อของเล่นสำหรับเจ้าหนู ของเล่นที่นี่มีขายเยอะมาก จนไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรให้ดี ซื้อเยอะก็เปลืองเงินโดยใช่เหตุ เพราะถ้าเจ้าหนูไม่เล่นขึ้นมา เท่ากับว่าเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ สรุปก็เลยได้ 2 ชิ้นนี้มา แล้วก็คิดว่า 2 ชิ้นนี้คงให้เจ้าหนูเล่นยาวเลย แล้วค่อยไปดูของเล่นชิ้นใหม่ให้ ^0^

ชิ้นนี้ซื้อที่ Akachanhonpo ราคา 905 เยน



ส่วนชิ้นนี้สามารถหนีบกับเตียงเด็กได้ แล้วก็สามารถตั้งวางกับพื้นได้ ซื้อที่ Toysrus ราคา 7,428 เยน
ชิ้นนี้กว่าจะซื้อได้ ลังเลอยู่นาน เพราะราคานี่แหล่ะ คุณซูให้ลองถามแม่ ๆ ที่มีประสบการณ์ดูว่าเป็นยังไง  พี่ ๆ น้อง ๆ ก็แนะนำบอกว่าเด็กชอบ ฟังเพลงเพลิน เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด ก็เลยซื้อเลย แล้วชิ้นต่อไปคงอีกนานนะเจ้าหนู 555


ไปฟังคอร์สอบรมพ่อแม่ของทางโรงพยาบาล เรื่องกรณีที่สามีเข้าห้องคลอดด้วย

เราก็ไม่รู้ว่าที่เมืองไทย เวลาที่ภรรยาคลอด แล้วสามีต้องการเข้าไปในห้องคลอดด้วย จะต้องมาฟังการอบรมหรือเปล่า แต่ที่โรงพยาบาลนี้เขาให้พาสามีมาฟังด้วย เพื่อที่ว่าสามีจะได้รู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างในตอนนั้น

เมื่อถึงเวลาอบรม พยาบาลก็มาเปิดวีดีโอให้ดู จะเป็นเรื่องบทบาทของคุณพ่อที่มีต่อทารก ซึ่งคุณแม่หลายคนก็คงรู้อยู่แล้วว่าตอนที่ทารกอยู่ในท้องก็จะได้ยินเสียงจากภายนอก ซึ่งถ้าคุณพ่อมาพูดคุยกับทารกตอนที่ยังอยู่ในท้องด้วย ก็จะยิ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์กันมากขึ้น เมื่อทารกคลอดออกมาก็จะคุ้นเคยกับเสียงของพ่อแม่ที่คอยพูดคุยกับเขาเมื่อตอนที่เขายังอยู่ในท้อง ในวีดีโอที่เราดูจะสื่อประมาณว่า บทบาทของแม่ก็คือเป็นที่พักพิง ให้ความอบอุ่น ในเวลาที่แม่อุ้มกอด ทารกจะรู้สึกถึงความปลอดภัย ไร้ความกังวล ในขณะที่บทบาทของพ่อนั้นจะเป็นคล้าย ๆ ผู้ที่มาให้ความบันเทิง มาเล่นด้วย อยู่ด้วยแล้วสนุก

พอดูวีดีโอจบ พยาบาลก็ให้สามีแต่ละคู่แนะนำตนเอง แล้วก็กำหนดคลอดลูกวันที่เท่าไหร่ ท้องนี้เป็นลูกคนที่เท่าไหร่ คุณซูพูดรัวเชียว คงเขิน ๆ + ตื่นเต้นมั้ง อิอิ

ในวันนี้เสียดายที่พยาบาลพาไปดูห้องพักหลังจากคลอดไม่ได้ เพราะมีคนที่จะคลอดในวันนี้พอดี คุณซูเลยอดดูเลย ว่าห้องเป็นยังไง แต่จริง ๆ เราก็อธิบายให้คุณซูฟังแล้วหล่ะ ว่าห้องเป็นแบบนี้ ๆ

หน้าที่ของสามีในห้องคลอดของโรงพยาบาลนี้ก็คือ ตอนที่ภรรยาเจ็บท้องคลอด จะให้ช่วยนวดหลัง เพื่อจะได้ทำให้รู้สึกดีขึ้น เวลาที่เบ่งคลอด โดยปกติผู้หญิงจะเงยหน้าขึ้น แต่จะให้สามีคอยจับหัวให้ลง แล้วคอยพูดให้กำลังใจ ป้อนน้ำ ประมาณว่าเป็นผู้ช่วยพยาบาลอีกทีนึง  แล้วหลังจากที่คลอดเสร็จ ก็จะมีเวลาให้ถ่ายรูปประมาณ 5 นาที แต่ห้ามมือถือ เพราะเกี่ยวกับเรื่องสัญญาณ เพราะสัญญาณมือถืออาจจะส่งผลกับเครื่องที่ใช้ภายในห้อง ก็เลยให้แต่กล้องดิจิตอล หรือกล้องวีดีโอ

ไม่รู้ว่าพอถึงเวลานั้นจริง ๆ จะเป็นยังไงเนอะ