วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ยื่นแจ้งเกิดเจ้าหนูที่สถานทูตไทยในญี่ปุ่น

พอเจ้าหนูครบเดือน คุณซูก็ให้รีบแจ้งเกิดเจ้าหนู ซึ่งจริง ๆ เราอยากรอให้ครบ 3 เดือนก่อน แต่ก็ตามใจคุณซูเขา
เอกสารที่เตรียมก็จะตามเว็บของสถานทูตเลย
http://www.thaiembassy.jp/rte3/index.php?option=com_content&view=article&id=146&Itemid=11

ก็เหมือนเดิม แบ่งหน้าที่กัน เอกสารที่เป็นทางด้านญี่ปุ่น คุณซูก็เป็นคนจัดการไป
สำหรับเรา ก็จะติดตรงทะเบียนบ้านที่ในเว็บเขียนไว้ว่า "สำเนาทะเบียนบ้านไทยตัวจริง หรือสำเนาที่มีตราอำเภอรับรองสำเนาถูกต้อง พร้อมสำเนา 1 ชุด" แต่เรามีแค่สำเนาอย่างเดียวก็เลยโทรไปถาม เจ้าหน้าที่บอกว่าใช้ได้

เตรียมเอกสารทุกอย่างครบแล้วก็ไปยื่น เจ้าหน้าที่ใจดีมาก แล้วตัวจริงที่เราเตรียมไปด้วย เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ขอดูของเรานะ (แต่ควรเตรียมไปจะดีที่สุด) ใช้เวลาแป๊บเดียวเอง แล้วก็มานั่งรอเรียกรับใบอะไรก็จำไม่ได้แล้วที่ช่องชำระเงิน แต่เราไม่ได้จ่ายเงินนะ ก็เป็นอันเสร็จกลับบ้านได้

อาทิตย์ต่อมาได้รับสตูบัตรของเจ้าหนูอีกที ก็จะเป็นการลงทะเบียนจ่ายเงินปลายทาง เสียค่าไปรษณีย์ลงทะเบียนไป 710 เยน



ตอนนี้เจ้าหนูก็จะมี 2 สัญชาติ ก็ไว้รอให้เขาโตอายุ 20 ปี แล้วให้เขาเลือกเองว่าอยากจะเป็นคนญี่ปุ่นหรือว่าคนไทย



วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เจ้าหน้าที่จากทาง Hoken Center มาเยี่ยมถึงบ้าน

พอแจ้งเกิดของเจ้าหนูได้สักพัก .เจ้าหน้าที่ที่ช่วยเรื่องผดุงครรภ์ จากทาง Hoken Center (保健センターの助産師) ก็มาเยี่ยมถึงบ้าน ก็เป็นการมาให้คำปรึกษาเรื่องการเลี้ยงลูก มีชั่งน้ำหนักเจ้าหนูด้วย เพราะเขาเอาที่ชั่งสำหรับทารกมาด้วย น้ำหนักเจ้าหนู 4,810 กรัมคงเยอะกว่าเกณฑ์มั้ง เพราะมีแนะนำว่าควรให้นมผงที่ 60 มล. + นมแม่ (เราให้อยู่ที่ 80 มล.+ นมแม่)
จากนั้นก็ให้เราถอดเสื้อผ้าเจ้าหนู แล้วเขาก็เช็ค ๆ ดู
พอเช็คทุกอย่างเรียบร้อย ก็มีเขียนบันทึกไว้ในสมุดสุขภาพแม่และเด็กด้วย
ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะกลับก็มีให้เอกสาร เป็นเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินของรพ. ในเขต, ปฏิทินตารางสุขภาพ 
ซึ่งเรารู้สึกดีจังที่ญี่ปุ่นมีระบบแบบนี้